ดวงใจภวินท์ - บทที่ 53 คุณเป็นผู้หญิงที่แต่งงานมีสามีอยู่แล้ว
พลางฉุกคิดภาพที่เธอคอยประคบถุงน้ำแข็งให้กับคณินเมื่อครู่นี้ ราวกับมันดูใกล้ชิดเกินไปนิด จะพูดอย่างไร ภวินท์ถึงเป็นสามีตัวจริงของเธอ…
ทว่ามันช่างบังเอิญเสียจริง ที่กลับถูกเขาเห็นจนได้
ญาธิดาพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เธอทำได้แค่หันหลังให้ และเดินไปยังเลานจ์รับรองที่อยู่ด้านข้างห้องรับรองทันที
ห้องรับรองที่อยู่ทางด้านข้าง ภวินท์กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับคณินด้วยท่าทางเคร่งขรึมเล็กน้อย แถมสีหน้ายังไม่ปรากฏความยินดียินร้ายออกมาสักนิด
ส่วนคณินเอนหลังพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน พลางหยิบถุงน้ำแข็งมาประคบแผลบริเวณท่อนแขนที่โดนลวก แววตายิ้มกรุ้มกริ่ม “ประธานภวินท์ ผมรอคุณนานมากแล้ว แถมยังต้องมาบาดเจ็บอีก”
ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างทนดูต่อไปไม่ไหว พลางเอ่ยปากพูดอย่างนอบน้อม “ประธานภวินท์ครับ คุณคณินเป็นคนชอบหยอกเล่น ต้องขออภัยด้วยครับ ครั้งนี้ที่พวกเรามาก็เพื่อมาหารือถึงความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะครับ”
ภวินท์กวาดตามองคณินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และพูดด้วยเสียงเย็นชา “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่เห็นความจริงใจของบริษัทของพวกคุณ เวลาผมมีขีดจำกัด ส่วนเรื่องรายละเอียดนั้นยังต้องรอให้พวกคุณเตรียมตัวให้ดีก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่ครับ”
เขาพูด และลุกขึ้นยืน พลางยื่นมือออกมาติดกระดุมเสื้อสูท และเดินมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอกทันที
“ประธานภวินท์ครับ คุณรอเดี๋ยวสิครับ!”
ผู้ช่วยของคณินหงุดหงิดใจ พร้อมทั้งกระโดดตัวลุกพรวดเดินตาม พลางยื่นเอกสารมาทางด้านหน้าของภวิทน์ทันที
ส่วนคณินกลับไม่ได้รู้สึกรู้สา พลันยกมุมปากยิ้มอย่างหยอกล้อ “เข็มทิศ คนเค้ารู้สึกว่าพวกเราไม่มีความจริงใจ งั้นก็พอเถอะ! ในทางกลับกันที่ผมเดินทางมาในครั้งนี้ก็ใช่ว่าไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปนี่ แถมยังเจอผู้ช่วยตัวน้อยที่แสนน่ารักน่าสนใจคนหนึ่งใช่มั้ยล่ะ!”
ภวินท์ยืนอยู่ที่ประตู เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเขาแล้ว พลางย่นคิ้วหากันจนแน่น เขาหันหลังกลับมา และจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาที่กำลังแสดงท่าทีเอ้อระเหยลอยชาย และพูดออกมาทีละคำ “เธอ นายแตะต้องไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?” คณินอยู่ดีๆ ก็รู้สึกสนุกขึ้นมา “นี่ท่านประธานภวินท์จงใจตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับผมใช่มั้ย?”
ภวินท์เผยอริมฝีปากบางเล็กน้อย พลันเปล่งประกายความเย็นชาออกมาจากก้นบึ้งแววตา “ไม่มีเหตุผล แตะต้องไม่ได้ก็คือแตะต้องไม่ได้”
เมื่อหลุดปากพูดโพล่งประโยคเย็นชานี้ออกไป เขาหันหลังกลับอย่างมีท่าทางลังเล และไม่มองเอกสารที่ยื่นมาทางด้านหน้าของเขาสักนิด พลันเดินปรี่ไปทางด้านหน้าทันที
เข็มทิศที่เป็นผู้ช่วยของคณินถอนหายใจออกเล็กน้อย “คุณคณินครับ แล้วคุณจะให้ผมกลับไปวรายงานกับท่านจรัลว่ายังไงดีล่ะครับ!”
คณินเลิกคิ้วขึ้น “วางใจเถอะ คงไม่สร้างความลำบากให้นายหรอก”
เขาพูด และจ้องมองมาที่ประตู พลางบ่นพึมพำ “ผมดันถูกใจสาวน้อยคนนั้นซะแล้วสิ!”
ภวิน์เดินออกจากห้องรับรองแขก ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจนดูไม่ได้ เมื่อพายุเห็นสภาพนั้นเข้า จึงรีบดักหน้าเพื่อถามไถ่ทันที “คุณภวินท์ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ภวินท์ถามทันควัน “ญาธิดาอยู่ที่ไหน?”
พายุพูดอย่างแผ่วเบา “อยู่เลานจ์รับรองที่อยู่ด้านข้างครับ”
ภวินท์ได้ยินคำพูดนั้น พลางหยุดฝีเท้าลง และเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังเลานจ์รับรองทันที
เมื่อเดินมาถึงประตู เขาก็ผลักประตูเข้าไป พลางมองญาธิดาที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางไม่สบายใจ เขาปิดบานประตูลงทันทีอย่างไม่มีการลังเลแต่อย่างใดและล็อกประตูทันที
ญาธิดามองการกระทำของคณินแบบนี้แล้ว หัวใจเต้นโครมครามตามเสียงล็อกประตู “คลิก!” จนหม่นหมองลง เธอรีบลุกขึ้นทันควัน “มะ…เมื่อครู่ฉันไม่ทันระวังจึงทำน้ำร้อนลวกคุณคณิน ก็เลยไปเอาถุงน้ำแข็งมาประคบให้เขาค่ะ”
แม้ว่าเธอกำลังอธิบายอยู่นั้น ทว่าภวินท์กลับไม่แสดงท่าทางหยุดเท้าลงแต่อย่างใด เขาเดินมาอยู่ทางด้านหน้าของเธอ และเขยิบเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าน้อยลง ร่างกายค่อยๆถอยหลังช้าๆ จนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างอดใจไม่ได้
ภวินท์อ้าปากพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “คุณไม่รู้จักสถานะของตัวเองหรือยังไง?
ญาธิดาตะลึงทันที “หา?”
ภวินท์พลางฉุกคิดภาพนั้นที่เขาเห็นตำตาอยู่เมื่อครู่นี้ จนมันเกิดความรู้สึกหงุดหงิดบริเวณก้นบึ้งหัวใจอย่างบอกไม่ถูก “ตอนนี้คุณเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วต้องรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนอื่นเอาไว้ เข้าใจหรือยัง?”
อีกอย่างคณินคนนั้นมันเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน เปลี่ยนผู้หญิงราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า มาไม่ซ้ำหน้ากันทุกวัน นางแบบสาวเอ๊าะๆบ้างแหละ ดาราสาวบ้างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด ญาธิดาไปรู้จักมักจี่กับเขามากเกินควร ต้องขาดทุนย่อยยับอย่างแน่นอน
ญาธิดาจ้องมองดวงตาอันดำขลับของชายหนุ่ม พลางพยักหน้าอย่างตกตะลึง “ฉัน… รู้แล้วค่ะ”
คณินขมวดคิ้วไว้แน่น พลางพูดอย่างเคร่งขรึม “ต่อไปผมหวังว่าจะไม่เห็นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีกนะ!”
น้ำเสียงของภวินท์แกมสอดแทรกคำสั่งอย่างคลุมเครือออกมาเล็กน้อย พูดเสียจนร่างกายของญาธิดาสั่นเทา ถึงขนาดพูดเถียงไม่ทันสักคำ
พลางหวนนึกการแสดงออกของชายหนุ่มที่มีต่อตนเองเมื่อคืนนี้ ญาธิดารู้สึกแสบจมูกทันที และเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอก้มหน้าลง พลางห่อไหล่ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ครั้งหน้าไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นหญิงสาวเบ้าตาแดงก่ำขึ้นมากะทันหัน ภวินท์ย่นคิ้วหากัน และแสดงอาการกราดเกรี้ยวออกมา และเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอกทันที
พายุที่ยืนอยู่ตรงประตู เมื่อเห็นภวินท์เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ส่วนญาธิดานั้นกลับยืนอยู่ในห้อง และแสดงท่าทางน้อยใจแถมยังน่าสงสารเหลือเกิน
เขาลังเลเล็กน้อย พลางเร่งฝีเท้าเดินตามภวินท์ทันควัน “คุณภวินท์ครับ คุณนายเธอเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
ภวินท์กวาดตามองเขาเล็กน้อยอย่างเย็นชาใส่ “เอาเรื่องของตนเองให้รอดก่อน”
พายุสงบปากสงบคำทันที ไม่กล้าถามมากอะไรอีกแล้ว
ภวินท์เดินนำหน้า ทว่าในหัวสมองกลับปรากฏภาพใบหน้าเรียวเล็กของญาธิดาที่กำลังสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนั้นซ้ำๆ ซากๆ เขาเองก็ไม่อยากโหดร้ายกับเธอมากเกินนัก ทว่าถ้าเขาปฏิบัติตัวดีต่อเธอมากเท่าไหร่ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่มีวิธีเอ่ยปากพูดนะสิ…
เจ็บตอนนี้มันยังดีเสียกว่าการทุกข์ระทมจนกินเวลายาวนาน ไม่สู้ เริ่มทำตัวโหดเหี้ยมต่อเธอโดยเริ่มตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเสียดีกว่า
ญาธิดาเกิดอาการเศร้าใจจนจิตตกและอยู่ในเลานจ์รับรองอยู่นาน ถึงค่อยๆ ได้สติกลับมา เธอสูดจมูกเล็กน้อย และเดินออกมา
เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้ภวินท์ถึงได้แสดงท่าทางผิดแปลกกับเธอไปอย่างกะทันหัน เขาเริ่มจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง และในแต่ละครั้งยิ่งไม่แสดงความรู้สึกมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้เธอรู้สึกเป็นคนแปลกหน้ากันไป
ทว่าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้นด้วยซ้ำ
ญาธิดาถอนหายใจออกมา และมุ่งหน้าเดินด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ซึ่งไม่ได้สังเกตทางด้านข้างสักนิด
“อะแฮ่ม! คุณธิดา!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมา ทำเสียงสูง ดูเกินจริงอยู่บ้าง
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น พลางมองเห็นคณินที่ยืนพิงราวกั้นยืน จนตกใจทันที
ทำไมเขาถึงยังไม่ไปอีกเนี่ย?
คณินมองเห็นคำถามที่อยู่บนใบหน้าของญาธิดา จนต้องยิ้มพูดออกมาทันที “คือต้องการจะถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ยอมกลับไปใช่หรือเปล่าเนี่ย?”
เขาเดินมาทางด้านหน้าพร้อมทั้งหัวเราะร่วน และพูดต่อทันที “เพราะว่าผม…รอคุณอยู่นะสิ”
แม้ว่าในใจญาธิดาจะยอมรับว่าคณินเขาหน้าตาไม่เลวเลย ทว่าหลังจากเธอได้ยินเขาพูดออกมาแบบนี้ กลับเกิดอาการขนลุกเกรียวจไปทั่วร่างกายอย่างอดไม่ได้
เมื่อหวนคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของคณินเมื่อครู่นี้แล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และทำสีหน้าดูจริงจัง และพูดออกไปอย่างเคร่งขรึม “คุณคณินคะ ฉันกับคุณเราไม่ได้สนิทกันนะคะ ฉันยังมีงานที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อนค่ะ”
เธอพูด และก้าวเท้าเตรียมจะเดินหนี
คณินเห็นภาพนั้นแล้ว จึงก้าวเท้าเพื่อขวางทางเธอเอาไว้อย่างอันธพาล “คุณญาธิดา ทำไมคุณถึงเป็นคนไม่มีหัวจิตหัวใจไปได้นะ? ผมอยากนัดคุณทานข้าวสักมื้อก็เท่านั้นเอง”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดออกไปอย่างจริงจัง “ขอโทษค่ะ ดิฉันแต่งงานแล้ว”
เธอพูด พร้อมทั้งยกมือซ้ายของตนเองขึ้นมา
คณินกวาดตามอง จึงมองเห็นแหวนที่อยู่ในนิ้วนางของเธอ จนเกิดอาการตกใจอยู่บ้าง
เธอแต่งงานแล้วเหรอเนี่ย?
รอจนเขาหายจากอาการช็อกแล้ว ตัวญาธิดาก็ไม่อยู่แล้ว
เข็มทิศที่เป็นผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์เป็นแบบนั้นแล้ว ก็อ้าปากพูดทันที “คุณคณินครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วแคุณก็ควรจะตัดใจได้แล้วมั้งครับ!”
คณินอึ้งเล็กน้อย และจู่ ๆ ก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง “ไม่ได้!”
เขาพูด และมองมาทางเข็มทิศ “ไปตรวจสอบให้ผมด้วย ว่าเธอแต่งงานกับใคร และแต่งตอนไหน”
มันช่างไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้ประสบพบเจอหญิงสาวที่เรียกความสนใจของตนเองได้ และไม่คิดเลยว่าจะแต่งงานแล้วด้วย นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากำลังล้อเขาเล่นอยู่ใช่มั้ย!
เข็มทิศพูดอย่างหมดความอดทน “คุณคณินครับ ผมว่าปล่อยวางเถอะครับ!”
คณินยังพ่นลมออกมาจากอย่างดื้อรั้น “ไม่ได้! ผมอยากจะดูสักหน่อย สามีของเธอเป็นคนประเภทไหนกัน!”
ผู้หญิงที่เขาสนใจ ไม่เคยหลุดมือเขามาก่อนสักคน ยิ่งด้วยสถานการณ์ในครั้งนี้ที่เขาได้พบเจอกับหญิงสาวที่ตนเองสนใจ