ดวงใจภวินท์ - บทที่ 535 กลับสู่เมืองJ
บทที่ 535 กลับสู่เมืองJ
ลูกสมุนของเขาจับตัวเณรน้อยมาได้หกเจ็ดคน เจ้าอาวาสขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไม่คิดเลยว่าจิตใจของคนพวกนี้จะโหดเหี้ยมทำร้ายได้แม้แต่เด็ก
ภูผาเดินเข้าไปลูบหัวน้อย ๆ ของเณรน้อย และยิ้มเยาะเย้ย “ท่านเจ้าอาวาสคิดให้ดี ๆ ล่ะ ว่าท่านต้องการปกป้องใครกันแน่”
ขณะที่พูดมือของเขาก็ค่อย ๆ บีบแรงขึ้น ๆ จนสีหน้าของเณรน้อยเปลี่ยนไปด้วยความเจ็บปวด
แม้อยากจะต่อต้านแต่อีกมือหนึ่งของภูผาก็จับไหล่ของเขาไว้ เณรน้อยมองไปยังเจ้าอาวาส ร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด “ท่านเจ้าอาวาส….”
เจ้าอาวาสขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หยุดเดี๋ยวนี้”
ภูผาฉีกยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่คิดว่าท่านเจ้าอาวาสจะโมโหเป็นด้วย”
หลังพูดจบเขาก็ค่อย ๆ คลายมือออก ผลักเณรน้อยไปด้านหน้าจนเกือบล้ม
เขาสงบลง หันไปพูดกับเจ้าอาวาสวาส “งั้นบอกมาเดี๋ยวนี้ มาบอกมันหนีไปไหน!”
เจ้าอาวาสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะได้คำตอบในใจ มองไปยังนักบวชเฒ่าหลังค่อมแล้วพูดอย่างเย็นชา “พาพวกเขาไปดูที่ประตูหลัง”
นักบวชเฒ่าได้ยินก็ตอบรับคำและพาเดินออกไป
ลูกน้องของภูผารีบเดินตามไป ตรงไปยังประตูหลัง
เป็นเพราะว่าฝนเพิ่งตกมา พื้นดินจึงเต็มไปด้วยโคลน ในลานกว้างเล็ก ๆ ด้านหลังพบรอยเท้าคนอยู่ที่ช่องทางเดินออกไปด้านนอก
แม้จะไม่ชัด แต่ก็ดูออกว่าเป็นรอยเท้าจากหลายคน และยังเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานด้วย
เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นร่องรอยคนหลบหนี
ลูกน้องของภูผารีบกลับมารายงาน ภูผาได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึม รีบไปดูที่เกิดเหตุทันที
เพียงแค่เห็น เขาก็กัดฟันแน่นด้วยความแค้น แล้วสั่ง “ตามพวกมันไป !”
พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที
เพียงออกมาได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หันไปมองนักบวชเฒ่ากับเณรน้อยด้วยความรู้สึกยากจะให้อภัย
เป็นเพราะเจ้าอาวาสมัวแต่ถ่วงเวลา เขารู้ดีว่าต่อให้ตามไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว
ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความเย็นชา มองไปยังครามและพูดว่า “มีดพับที่ฉันให้นายยังอยู่ไหม?”
ภูผาส่งสัญญาณมองไปยังเจ้าอาวาส “จัดการมันซะ”
ครามประหลาดใจเล็กน้อย “คุณชาย?”
“ไว้ชีวิตคนอื่น ๆ ไว้ส่งข่าว บอกพวกมันว่า ที่เจ้าอาวาสต้องตาย ทั้งหมดเป็นเพราะไอ่ภวินท์นั่น”
พูดจบ ภูผาก็เดินต่อไป ไม่หลงเหลือความลังเลแม้แต่น้อย
ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มาขวางทางเขา มันจะต้องไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป เขาต้องทำให้เห็นว่าการที่เจ้าอาวาสเลือกปกป้องเจ้านั่นคือการตัดสินใจผิด!
เขาเดินไปข้างหน้า รอบข้างรายล้อมไปด้วยเหล่าลูกสมุน เมื่อเท้าของเขาเหยียบไปบนเนินเขา เสียงกระทบพื้นดังขึ้น พร้อม ๆ กับเสียงร้องแห่งความโศกเศร้าของเหล่านักบวชและเณรน้อย
ภูผาก้าวเดินต่อไปพลางสูดหายใจเข้าอย่างเยือกเย็น
ตั้งแต่วันนี้ไป เขาจะทำให้ทุกคนรับรู้ว่า ใครที่จะเป็นศัตรูกับเขา ต้องไม่ได้ตายดี!
ท้องฟ้าด้านนอกครึ้ม ๆ
ภวินท์นั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองแสงของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับไป ดวงไฟประดิษฐ์ค่อย ๆ ส่องสว่างขึ้นแทนที่ บนถนนเต็มไปด้วยแสงสีแห่งความวุ่นวาย
ภวินท์รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พลางเบือนหน้าหลบ
เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าจนเขาคุ้นชินกับบรรยากาศภายในสถานปฏิบัติธรรม บรรยากาศของท้องฟ้าที่มืดลงไปพร้อม ๆ กับโลกแต่วันนี้เมื่อเขากลับมา รอบตัวก็มีแต่แสงสว่างจ้าจนไม่คุ้นชิน
ภวินท์นั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองแสงของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับไป ดวงไฟประดิษฐ์ค่อย ๆ ส่องสว่างขึ้นแทนที่ บนถนนเต็มไปด้วยแสงสีแห่งความวุ่นวาย
พายุจัดแจงอาหารวางลงบนโต๊ะ “คุณวิน มาทานข้าวเถอะครับ”
เขามองดูบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกับข้าวสีสันน่าทานห้าหกอย่าง แต่เขากลับกินไม่ลงเลยแม้แต่น้อย
เขาส่ายหัวเบา ๆ พูดว่า “ผมยังไม่ค่อยอยากกิน นายกินก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นภวินท์เป็นอย่างนี้ พายุก็ไม่ค่อยสบายใจ เขาเดินเข้าไปหาและพูดว่า “วางใจเถอะครับ ยังไงท่านเจ้าอาวาสจะต้องไม่เป็นอะไร”
หลังจากที่พวกเขาออกมาจากเขาราม หลุยส์ก็ส่งคนมารับ พาเขามายังคฤหาสน์ส่วนตัวที่ล้อมรอบไปด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง อยู่ที่นี่ยังไงก็ปลอดภัย
การพาภวินท์กับพายุมาซ่อนตัวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการก่อน
แต่หลังจากกลับมาที่นี่ จิตใจของภวินท์ก็กระวนกระวายไม่หยุด จนต้องให้หลุยส์กลับมาดูอาการ
ที่จริงแล้ว ภวินท์รู้ดีว่าภูผาไม่ใช่คนดีนัก นี่คือสิ่งที่ทำให้เขากังวล
หลุยส์ตอบรับคำและรีบนำคนจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเขารามเพื่อตรวจสอบ
ภวินท์นั่งคอยอยู่หน้าหน้าต่าง เข้าเงียบไม่ยอมพูดอะไร หลังจากนึกอะไรขึ้นได้จึงหันไปถามพายุ “หลุยส์กลับมาถึงหรือยัง?”
พายุตั้งใจจะส่ายหัว แต่จู่ ๆ เปิดตูด้านหน้าก็เปิดออก เผยให้เห็นหลุยส์รีบก้าวเท้าเข้ามาสีหน้าเต็มไปด้วยความซับซ้อน มีทั้งความโกรธแค้นปนเศร้าสร้อย
เมื่อดูจากสีหน้าของหลุยส์ ใจก็เขาก็ถึงกับสั่นไหว เขาพูดขึ้น“เป็นยังไงบ้าง?”
หลุยส์ไม่ได้ตอบพลางเดินเข้ามาหาเขา สีหน้าลังเลเล็กน้อยและตอบว่า “ข่าวไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เกิดอะไรขึ้นที่นั่น?”
“พอพวกเราไปถึงสถานปฏิบัติธรรมบนเขาราม เราก็ไม่พบใครด้านในเลย แม้แต่ท่านเจ้าอาวาส หรือพวกเณรน้อย เณรศีล ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่า ต่อมาพวกเราไปเจอรอยเลือดอยู่ที่ประตูด้านหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เพราะที่นั่นเองก็ไม่พบศพใครเลย”
คำพูดพวกนี้เป็นเหมือนหินก้อนใหญ่ที่กดทับจิตใจของเขาไว้ จนเขาแทบจะหายใจไม่ออก
ไม่พบใครอยู่เลย บนพื้นก็มีรอยเลือด เรื่องแบบนี้ เกรงว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ค่อยดีนัก
แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่นั่นหรือเปล่า ? ภูผายอมปล่อยคนเหล่านี้ไปหรือไม่
มีคำถามมากมายเข้ามาในหัวไม่หยุด แต่เขาเองก็ไม่มีเวลามาคิดให้กระจ่าง
ขณะนั้นเอง ประตูก็ถูกผลักออก คนของหลุยส์เดินเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
หลุยส์หรี่ตาลง ถามอย่างเย็นชา “เป็นจริงหรือเปล่า?”
ลูกน้องพยักหน้า “แน่นอนครับ เป็นเธอแน่ !”
พูดจบ เขาก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ยื่นรูปที่ถ่ายไว้ให้หลุยส์ดู
หลุยส์เห็นดังนั้น แววตาถึงกับวูบไปเล็กน้อย กดโทรศัพท์ลง และพูดขึ้น “เข้าใจแล้ว”
วันนี้ญาธิดาไปที่สถานปฏิบัติธรรม แต่เธอรู้จักที่นี่ได้ยังไง
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ภวินท์ถูกเปิดเผยที่ซ่อน?