ดวงใจภวินท์ - บทที่ 559 แบบนี้เท่ากับไปตายเปล่า
บทที่ 559 แบบนี้เท่ากับไปตายเปล่า
มุมปากของญาธิดากระตุกขึ้นเล็กน้อย ราวกับเธอมองเห็นแสงแห่งชัยชนะของพายุแล้วยังไงอย่างนั้น เธอตื่นเต้นมากจนอยากจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปบอกข่าวดีกับเขา
แต่มือของเธอเพิ่งจะยื่นออกไปก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้ก่อนเสียแล้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ “เธอเลิกขยับได้แล้ว เดี๋ยวฉันบอกแทนเธอเอง”
แก้มของญาธิดาร้อนผ่าว คิดไม่ถึงว่าแค่ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ของเธอเขาจะมองออกด้วย เธอจึงดึงมือกลับอย่างเคือง ๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก
ภวินท์จับสังเกตเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาของเธอ และกระตุกมุมปากยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “พักผ่อนซะ อย่าขยับ เดี๋ยวฉันโทรบอกเขาเอง”
พอพูดจบเขาก็ขับรถเข็นออกจากห้องไป
เขามองพายุเหมือนเป็นพี่น้อง ถ้าเขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ เขาก็จะไม่ขวางอย่างแน่นอน
หลังจากออกจากห้องผู้ป่วย ด้านนอกประตูมีญาติผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งกำลังเถียงกันเสียงดัง ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะขับรถเข็นไปที่ริมหน้าต่างที่มีคนน้อยและอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ทันทีที่เขาก้มศีรษะลงกดหมายเลขโทรศัพท์ ก็มีชายสามชุดพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งผลักประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของญาธิดา โดยแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
โดยทางด้านภวินท์ที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการโทรศัพท์กลับไม่ทันได้สังเกตเห็น
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องพักผู้ป่วย
ญาธิดากำลังนอนอยู่บนเตียง และเมื่อเธอได้ยิน “เสียงคลิก” จากทางประตู เธอก็รีบเอ่ยถามอย่างดีใจว่า “โทรเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
ชายที่เพิ่งเดินไปถึงปลายเตียงตกใจเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพูดขึ้นว่า “พนักงานทำความสะอาดของโรงพยาบาลมาเพื่อฆ่าเชื้อครับ”
เสียงของชายคนนั้นฟังดูสั่นเครือ เหมือนกับเอาใบมีดไปกรีดบนกระดาษทราย ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก
ญาธิดาแปลกใจเล็กน้อยจึงหันกลับไปอยากจะมองหน้าชายคนนั้น แต่กลับเห็นชายคนนั้นกำลังโน้มตัว ก้มหน้าก้มตา ปีกหมวกถูกผิดลงต่ำจนมองเห็นหน้าตาไม่ชัด
เมื่อเห็นเขาหยิบขวดสเปรย์สีขาวเดินไปที่มุมหน้าต่างก่อนจะเริ่มทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เธอถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
ชายคนนั้นไม่พูดอะไร เอาแต่ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อไปตามมุมกำแพง ญาธิดาหันกลับมานอนบนเตียงไม่ขยับเขยื้อน แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกเย็นวาบบริเวณแผ่นหลัง
ความเย็นยะเยือกนั้นเป็นความเยือกเย็นเหมือนกำลังถูกคนจ้องมองอยู่ ญาธิดาสูดหายใจเข้า เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจ และจู่ ๆ เธอก็พบว่าชายคนนั้นยืนอยู่ข้างเตียงของเธอแล้ว พลางจ้องมองเธอตาเขม็ง
ญาธิดาใจหาย และวินาทีที่เธอเหลือบตาขึ้นสบตากับชายคนนั้น ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นสะท้ายอย่างห้ามไม่ได้
เธอรู้จักคนคนนี้!
ตอนเธอไปที่สถานปฏิบัติธรรม นักบวชที่กำลังกวาดพื้นและทำงานช่างไม้ที่นั่นที่เธอเคยเจอ คนที่ชื่อว่าธีระ ซึ่งก็คือเขาคนนี้!
แล้วในตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็มาปรากฏตัวที่ห้องผู้ป่วยของเธอ เขาพยายามจะทำอะไรกันแน่?
“คุณ…”
ญาธิดายังไม่ทันได้พูดอะไร ใครจะคิดว่าจู่ๆ เธอก็เห็นแสงสีเงินวาบผ่าน ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ่ออยู่ที่เอวของเธอที่มีผ้าห่มคลุมอยู่ เมื่อเธอก้มศีรษะลงก็ต้องตกตะลึงจนตัวแข็งไปทั้งตัว
มันคือกริช คมมีดกำลังส่องประกายสีเงิน ราวกับว่าเพียงเขาออกแรงเพียงเล็กน้อย คมมีดนั้นก็สามารถแทงทะลุผ้าเข้ามาทันทียังไงอย่างนั้น
ภายในแววตาของธีระคนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและบ้าคลั่ง ตอนนี้เหมือนเขากำลังกัดฟันจ้องเธอตาเขม็ง “ถึงจะฆ่าแกไป ฉันก็ไม่หายแค้นอยู่ดี!”
ญาธิดาสั่นไปทั้งตัว เดิมทีแค่อาการบาดเจ็บที่หลังเธอก็เคลื่อนไหวไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีมีดมาจ่อเอวเธออยู่แบบนี้ เธอยิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ และเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรให้คุณโกรธแค้นขนาดนี้”
“ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน!” ธีระกัดฟันพูด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ “ผู้ชายคนที่ฆ่าเจ้าอาวาส!”
ญาธิดาสะดุ้ง จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธออ้าปากค้างแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้…”
พูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีดสั้นที่จ่ออยู่ตรงเอวถูกออกแรงแทงเข้ามาหาเธออย่างกะทันหัน เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวด ร่างกายของเธอแข็งทื่อทันที และไม่กล้าขยับเขยื้อน
ญาธิดาตัวสั่น “ฉันไม่รู้จริง ๆ ฉันไม่สนิทกับเขา”
เห็นได้ชัดว่าธีระไม่เชื่อคำพูดของเธอ เขากัดฟันพูดขึ้นว่า “เหลวไหล! พวกแกเป็นพวกเดียวกันชัด ๆ ! ทีแรกฉันก็คิดว่าพวกแกสามคนไปทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ที่หน้าประตูวัดทำไม แต่เจ้าอาวาสก็ใจดีต้อนรับพวกแก! แต่หลังจากที่พวกแกกลับออกไป ผู้ชายคนนั้นเขาก็ตามขึ้นมา แต่แกกลับบอกว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน ใครมันจะไปเชื่อ?”
หัวใจของญาธิดารู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที
มิน่าตอนนั้นภวินท์ถึงสงสัยว่าเธอเป็นพวกเดียวกันกับภูผา…พอได้ยินธีระพูดแบบนี้ เธอก็พอจะเดาได้แล้ว วันนั้นภูผาอาจจะสะกดรอยตามเธอไปถึงได้ตามหาสถานปฏิบัติธรรมจนเจอ แต่ในเมื่อเขาอยากจะลงมือ ทำไมถึงต้องรอให้เธอกลับออกไปก่อนแล้วถึงลงมือล่ะ? นี่คือสิ่งที่น่าสงสัยที่สุด
ไม่ทันที่ญาธิดาจะได้พูดอะไร เสียงของธีระก็ดังขึ้นอย่างโกรธแค้นและเสียใจอีกครั้ง “ฉันต้องการล้างแค้นให้เจ้าอาวาส! พวกแกทุกคนสมควรตาย…”
“ปังปัง!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดจังหวะคำพูดของธีระอย่างกะทันหัน เขาตกใจ ขมวดคิ้วแน่นใส่ญาธิดา มืดที่จ่ออยู่ตรงเอวของเธอยังไม่ขยับเขยื้อน
“คุณภวินท์ พี่ธิดา ผมขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ?”
เสียงของพยัคฆ์ดังมาจากประตู ญาธิดาสั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้อะไร มีดในมือของธีระก็เลื่อนมาจ่อที่คอของเธอแทน ปลายแหลมคมของมีดถูกจ่อไปที่คอของเธอ
ธีระตะคอกใส่เธอเบา ๆ “บอกไปว่าไม่สะดวกให้มันเข้ามา อย่ามาเล่นลูกไม้กับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันแทงทะลุคอของเธอทันที!”
สัมผัสเย็น ๆ มันทำให้ญาธิดารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ถึงแม้เธอจะรู้ว่าธีระไม่ใช่คนเลวอะไร แต่ตอนนี้เขาได้เสียสติไปแล้ว และไม่ได้ต่างอะไรจากพวกอันธพาล ถ้าเธอไม่เชื่อฟังเขา เกรงว่าเขาจะต้องทำอะไรบางอย่างจริง ๆ แน่
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้าให้ธีระ พลางพูดเบา ๆ ว่า“ฉันจะเชื่อฟังคุณ…”
หลังจากพูดจบเธอก้ส่งเสียงพูดไปทางประตูว่า “เธอไม่ต้องเข้ามา ตอนนี้ฉันไม่สะดวก”
แม้ว่าเธอจะแสร้งทำเป็นสงบ แต่เสียงของเธอก็ยังสั่นเครือตามสัญชาตญาณ
ไม่นานเสียงของพยัคฆ์ก็ดังมาจากข้างนอกว่า “ครับ”
ทันใดนั้นธีระก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะกระซิบกระซาบบังคับถามญาธิดาต่อไป “บอกมา ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน ทางที่ดีเธออย่าปิดบังฉันจะดีกว่า บอกฉันมาตรง ๆ!”
ญาธิดาเข้าใจความโกรธแค้นภายในใจของธีระ เพราะถ้าเป็นเธอ เธอก็อยากจะส่งศัตรูไปลงนรกด้วยมือของตัวเองเหมือนกัน แต่ธีระตัวคนเดียว แถมอายุก็มากแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของภูผาเลย
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามว่า “คุณคิดจะไปหาเขาคนเดียวเหรอ? จะไปแก้แค้นเขาคนเดียว?”
ไม่ทันรอให้ธีระพูดตอบ ญาธิดาก็พูดเสริมไปอีกว่า “แบบนี้ก็เท่ากับไปตายเปล่า”
ทันใดนั้น ใบหน้าของธีระก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวกว่าเดิม มืดที่กำมีดขยับเข้ามาใกล้อีกหนึ่งนิ้ว และทันใดนั้นปลายมีดก็เจาะเข้าไปในผิวหนังของญาธิดา จนมีเลือดไหลออกมาจากคอของเธอ
ญาธิดาขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด และกัดฟันพูดต่อไปว่า “ฉันพูดจริง ๆ ถ้าคุณไปทั้งแบบนี้ ไม่ใช่แค่จะไม่ได้ล้างแค้นให้เจ้าอาวาส แต่จะยังเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปทิ้งด้วย”
“แกอย่าคิดจะมาหลอกฉันนะ!”
ญาธิดากัดฟันด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังไม่ยอมหยุด แถมยังเกร็งคอพูดต่อไปว่า “ฉันกับผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พวกเดียวกัน ต่อให้คุณฆ่าฉันตอนนี้ก็แก้แค้นอะไรไม่ได้หรอก!”
เมื่อธีระได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง และชะงักนิ่งไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ทันใดนั้น ญาธิดาก็ยกมือขึ้นอยากจะปัดมือที่ถือมีดอยู่ของเขาออก แขนยาววาดออกไปก็บังเอิญกวาดไปโดนแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงหล่นแตกไปกับพื้น “เพล้ง!”