ดวงใจภวินท์ - บทที่ 560 มือโดนมีดบาด
บทที่ 560 มือโดนมีดบาด
ด้านนอกห้องพักผู้ป่วย ภวินท์เพิ่งจะคุยโทรศัพท์เสร็จ เมื่อมาได้ยินเสียงของหล่นแตกดังมาจากด้านในห้อง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะรีบเข็นรถเข็นเข้าไปใกล้
เมื่อเขาไปถึงหน้าประตู พอพยัคฆ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นเขาก็ทำหน้าแปลกใจ “คุณภวินท์ คุณไม่ได้อยู่ข้างในเหรอครับ? เมื่อผมยังได้ยินพี่ธิดาคุยกับใครสักคน…”
ขณะที่พูดเขาก็ชี้นิ้วไปทางห้องพักผู้ป่วย
ภวินท์ขมวดคิ้วและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา พอไปถึงประตู เขาคว้าลูกบิดประตูหวังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ประตูถูกล็อกจากด้านใน เขาออกแรงหมุนอยู่สองสามครั้งแต่ก็เปิดไม่ได้
ทันใดนั้น ความกังวลความไม่สบายใจปะทุขึ้นมาในหัวของเขาทันที เขายกมือขึ้นเคาะประตู “ญาธิดา! เปิดประตู!”
ด้านในห้องไม่มีเสียงคนตอบ
ภวินท์ร้อนใจรีบหันไปมองพยัคฆ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วออกคำสั่งด้วยเสียงเย็นชา “ถีบประตูสิ”
พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็ยกเท้าขึ้นเล็งไปที่ประตูทันที
“ปัง!” ประตูถูกผลักเปิดออก
ภวินท์รีบขับรถเข็นเข้าไปทันที สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก และรีบมองเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นเหตุการณ์ภายในห้อง แววตาของเขาก็เริ่มเย็นชาขึ้นมาทันที
ธีระกำลังข่มขู่ญาธิดาที่อยู่บนเตียง มือถือมีดสั้นจ่ออยู่ที่คอของเธอ และคอเรียวสวยของหญิงสาวก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาแล้ว
ทันทีที่เห็นฉากนี้ภวินท์ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบหันไปสั่งพยัคฆ์ว่า “ไปเฝ้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามาเด็ดขาด!”
พยัคฆ์รีบตอบรับและหันหลังเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปทันที
เมื่อประตูปิดลง ภายในห้องก็เหลืออยู่เพียงสามคน
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ภวินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามพูดอย่างใจเย็นว่า “ท่านธีระ ปล่อยเธอเถอะครับ”
ธีระกัดฟันแน่น “คุณวินเจ้าอาวาสตายแล้ว! ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้!”
ภวินท์ส่ายหน้าไปมา เขาเคลื่อนรถเข็นมาอย่างช้า ๆ พลางพูดว่า “ไม่ใช่เธอ! คนร้ายไม่ใช่เธอ! คุณเชื่อผม…”
“ฉันไม่เชื่อ!” ดวงตาของธีระทั้งเย็นชาและสิ้นหวัง “ฉันต้องการแก้แค้น! ฆ่าทุกคนที่ฆ่าเจ้าอาวาส! จากนั้นฉันก็จะฆ่าตัวตาย!”
ภวินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “แล้วพวกเณรศีลล่ะครับ คุณจะทำยังไง? พวกเขายังเด็กมาก…”
พอพูดถึงเหล่าพระตัวน้อย ใบหน้าของธีระก็เริ่มลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ส่ายหัวไปมาด้วยความเจ็บปวด “ฉันสนใจอะไรมากขนาดนั้นไม่ได้หรอก…”
“ท่านธีระ ตอนนี้เจ้าอาวาสจากไปแล้ว ท่านต้องดูแลพวกเณรศีลให้ดี ให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นี่คือสิ่งที่เจ้าอาวาสอยากเห็นมากที่สุด…”
ภวินท์ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เขา ทีละนิด ๆ “ท่านธีระวางมีดลง…”
ธีระยากจะควบคุมอารมณ์ได้ “คุณอย่าเข้ามา! คำพูดของคุณ… เชื่อถือไม่ได้!”
แต่ภวินท์กลับไม่มีความคิดที่จะหยุดเลย เขาค่อยๆ หมุนล้อรถเข็นเข้าไปหาทีละนิด ขยับเข้าใกล้เขาทีละนิด “เอามีดมาให้ผม…”
ญาธิดาสั่นไปทั้งตัว เธอถูกจับเป็นตัวประกัน ไม่กล้าขยับเลย พอมองฉากที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของเธอเต้นดังตุบ ๆ อยู่ในอก
ภวินท์ขยับใกล้พวกญาธิดามากขึ้นเรื่อย ๆ และธีระก็เริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน “คุณวิน อย่างเข้ามาใกล้มากกว่านี้! ถอยไป! ไม่อย่างนั้นผมไม่รับประกันว่าจะทำอะไรลงไป!”
ภวินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ และยังคงย้ำประโยคเดิมว่า “เอามีดมาให้ผม”
ขณะที่พูด มือของเขาก็ยื่นเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆ ธีระก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างกระตุ้นให้เขาใช้มือที่ถือมีดโบกปัดออกไปข้างหน้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
หลังจากนั้นไม่นาน มีดเล่มนั้นก็บาดผ่านแขนของภวินท์อย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลที่แขนของเขา
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น เขายกมือขึ้นกดปากแผลไว้ด้วยมืออีกข้าง และยังคงจ้องมองธีระต่อ และยังคงพูดอย่างใจเย็นที่สุดว่า “ท่านธีระ ผมรู้ว่าฆาตกรที่ฆ่าเจ้าอาวาสเป็นใคร ต่อให้คุณไม่แก้แค้น สุดท้ายวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้เขาต้องชดใช้ด้วยเลือด…”
ขณะที่พูดใบหน้าของเขาซีดขาวลงมาก อาจเป็นเพราะบาดแผลมีเลือดไหลออกมาก
แต่เขายังคงยืนกรานว่า “ปล่อยเธอไป เอามีดมาให้ผม เธอไม่ได้เป็นคนร้าย…”
เมื่อญาธิดาเห็นแบบนั้น เธอก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีสาเหตุ เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ มองภวินท์ที่ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ พลางส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “อย่า…”
ธีระคิดไม่ถึงว่าขนาดภวินท์บาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังจะขยับเข้ามาใกล้อีก เมื่อสายตาของเขาได้เห็นเลือดสีแดงสด จู่ ๆ ในหัวของเขาก็มีภาพที่เจ้าอาวาสถูกแทงในวันนั้นแวบเข้ามา ซึ่งก็มีเลือดสีแดงสดแบบนี้เหมือนกัน…
ภวินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ท่านธีระ คุณทำแบบนี้ มันจะไปแตกต่างอะไรกับพวกที่ลงมือทำร้ายเจ้าอาวาสพวกนั้นล่ะครับ?”
พอได้ยินแบบนั้น ดูก็รู้สึกเหมือนถูกแทงลึกเข้าไปในหัวใจ ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของธีระ มือของเขาสั่นก่อนที่มีดจะหลุดออกจากมือของเขา ร่างกายของเขาสั่นเทา เมื่อได้สติเขาก็รีบวิ่งออกไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
ตามด้วยเสียงประตูดัง “ปัง!” ร่างของญาธิดาสั่นสะท้าน ตอนนี้เธอไม่สนใจบาดแผลที่หลังของเธอแล้ว ต่อให้มันจะฉีกขาดแต่เธอยังยืนกรานจะยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะรีบเอื้อมมือไปกดกริ่งตรงผนังห้องด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อภวินท์เห็นดังนั้น มือหนึ่งของเขาจึงกดปากแผล พลางโน้มลงมองกริชเล่มนั้นที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนจะผลักกริชเล่มนั้นเข้าไปไว้ใต้เตียง
ญาธิดามองเลือดที่ไหลออกมาจากช่องระหว่างนิ้วของเขา พลางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ภวินท์…คุณเป็นไงบ้าง…”
เธอคิดไม่ถึงว่า เพื่อจะช่วยชีวิตเธอ ภวินท์จะถึงขนาดขยับตัวเองเข้ามาใกล้และพยายามเบี่ยงเบนความสนใจธีระ ให้เขาเลิกสนใจเธอ เลิกคิดจะทำร้ายเธอ และหันไปสนใจเขาแทน…
แบบนี้มันเท่ากับเอาเลือดเนื้อของตัวเองมาเป็นเป้าล่อ เพื่อรักษาความปลอดภัยของเธอชัด ๆ
เมื่อเห็นหญิงสาวน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ภวินท์จึงได้แต่ปลอบใจเธอเบา ๆ “แผลเล็กนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก”
พอได้ยินแบบนั้นญาธิดาก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อกี้เธอเห็นเองกับตาว่าปากแผลมันถูกบาดยาวมาก แถมเลือดยังไหลออกมาไม่หยุด ห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่ แบบนี้เขายังจะพูดว่าบาดเจ็บเล็กน้อยอีก…
ทันใดนั้นประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก และพยาบาลก็รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
พอเห็นพยาบาลเข้ามาญาธิดาก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้นทันทีว่า “คุณพยาบาล เขาบาดเจ็บค่ะ!”
พอพยาบาลเห็นบาดแผลที่แขนของภวินท์ก็ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำหน้าจริงจังขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ปากแผลแบบนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยมีด
แต่ภวินท์กลับพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ไม่ทันระวังเลยโดนบาดครับ”
พอพยาบาลเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เร่งด่วนจึงรีบแจ้งพยาบาลคนอื่น ๆ มาพาเขาออกไปที่ห้องทำแผล และจัดการทำแผลให้เขา
เพราะญาธิดาขยับตัวไม่ได้จึงทำได้แค่รออยู่บนเตียง หัวใจของเธอจุกอยู่ในลำคอและยังรู้สึกเป็นกังวลตลอด
ผ่านไปไม่นาน ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ญาธิดาก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
หรือว่าธีระจะวกกลับมาอีกอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อเธอคิดแบบนั้นขนทั่วทั้งตัวของเธอก็ตั้งชันขึ้นมาทันที
“คุณภวินท์…”
แล้วเสียงของพยัคฆ์ก็ดังขึ้น ทำเอาหัวใจเธอร่วงไปถึงตาตุ่มทันที
พยัคฆ์เหลือบมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นภวินท์ จึงหันมองไปทางญาธิดา “พี่ธิดา เมื่อกี้ผมไล่ตามผู้ชายคนนั้นไป ทีแรกจะตามทันอยู่แล้ว แต่พอเลี้ยวหักมุม เขากลับหายไปเลย”
จากนั้นเขาก็ถามต่ออีกว่า “คุณภวินท์ล่ะครับ?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “อยู่ห้องทำแผล”