ดวงใจภวินท์ - บทที่ 561 คนที่ไม่ควรมีเรื่อง
ขณะที่เย่เฉินและเฟ่ยเข่อซินกำลังเดินห้างอยู่นั้น หลิวม่านฉงที่อยู่ในมหาวิทยาลัยกำลังเตรียมข้อโต้แย้งของวิทยานิพนธ์ที่จะมีขึ้นในอีกไม่นาน จู่ๆก็ได้รับอีเมลฉบับหนึ่งที่มาจากมหาวิทยาลัยจิงหลิง
เมื่อเห็นชื่อของมหาวิทยาลัยจิงหลิงแล้ว เธอนั้นตื่นเต้นมาก รีบเปิดอีเมลในทันที จากนั้นอดไม่ได้ที่จะอ่านเนื้อหาของเมลออกมาอย่างเบาเสียง
“เรียนคุณหลิวม่านฉง สวัสดีค่ะ ฉันคือเจ้าหน้าที่รับผิดชอบวางแผนจัดหาบุคลากรที่ดีเลิศของทางมหาวิทยาลัยจิงหลิงชื่อหลัวหรุ่ยเสวีย จดหมายแนะนำตัวของคุณ หลังจากผ่านการตรวจสอบเบื้องต้น คิดว่าคุณสมบัติของคุณเหมาะกับบุคลากรดีเลิศที่เรากำลังจัดหา จึงอยากเรียนเชิญคุณมาร่วมสัมภาษณ์ที่จิงหลิง…….วันและเวลาสัมภาษณ์คือ………..”
อ่านถึงตรงนี้ หลิวม่านอุทานด้วยความตื่นเต้นและดีใจ “เยี่ยมมากเลย!”
เฉินจื่อเซียวนเพื่อนร่วมคณะและเพื่อนในสาขาวิชาเดียวกันกำลังหาข้อมูลอย่างเงียบๆ อยู่ๆเธอก็ได้ยินหลิวม่านฉงอุทานอย่างเสียงดัง จึงถามด้วยความแปลกใจว่า “พี่ม่านฉง พี่เป็นอะไร เรื่องอะไรที่ทำให้พี่ตื่นเต้นได้ขนาดนี้”
หลิวม่านฉงตอบกลับโดยไม่ต้องคิด “ฉันได้รับจดหมายให้ไปสัมภาษณ์จากมหาวิทยาลัยจิงหลิง รอให้ฉันทำข้อโต้แย้งเสร็จก็สามารถไปสัมภาษณ์ได้เลย หากสัมภาษณ์ผ่าน ฉันก็จะไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยจิงหลิง!”
เฉินจื่อเซียวนพูดอย่างตกตะลึง “ไมใช่มั้ง พี่ม่านฉง พี่ก็จะได้เป็นดอกเตอร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกงในไม่ช้านี้แล้ว หากพี่อยากอยู่เป็นอาจารย์ ทางมหาวิทยาลัยอยากได้ตัวพี่อย่างมากอยู่แล้ว ทำไมพี่ยังต้องไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ไม่มีชื่อเสียงล่ะ?”
หลิวม่านฉงพูดอย่างจริงจังมาก มหาลัยจิงหลิงไม่ใช่ว่าจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ในทางตรงกันข้าม มันคือมหาวิทยาลัยระดับประเทศ คณาจารย์ ทรัพยากร การพัฒนามีความแข็งแกร่งอย่างมาก ”
เฉินจื่อเซียวนพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็สู้มหาวิทยาลัยฮ่องกงไม่ได้หรอก อีกอย่างถ้าหากพี่อยู่สอนที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง ก็ไม่ต้องไปจากฮ่องกง ทำงานใกล้บ้านของตัวเอง ยังไงก็ดีกว่าการไปทำงานที่จีนมาก”
หลิวม่านฉงยิ้มเล็กน้อย พูดย่างจริงจัง “พี่อยู่ฮ่องกงมานานขนาดนี้แล้ว ก็ควรแก่เวลาในการไปดูโลกภายนอกแล้ว
เฉินจื่อเซียวนทำหน้าทำตาแล้วกล่าว “โลกภายนอกมีอะไรดี ฉันดูแล้วไม่มีที่ไหนดีกว่าฮ่องกงเลย และบ้านพี่ม่านฉงที่อยู่บนเกาะฮ่องกงมีทั้งเงิน มีทั้งอำนาจ เรียกเงินได้เงินเรียกทอง ยังจะไปเมืองจีนที่แสนไกลทำไมนะ?”
ขณะที่พูด เธอก็ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ใช่แล้วพี่ม่านฉง ที่พี่อยากไปทำงานที่จีน คงไม่ใช่เพราะความรักมั้ง?”
เธอยังไม่ทันได้กล่าวจบ นิวราได้เดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าวแล้ว ยื่นมือออกมาดึงผมของเธอไว้ จากนั้นก็กระชากอย่างแรง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งได้จับใบหน้าของเธอไว้
จีน่าเพื่อนมีมี่ที่อยู่ข้างๆ ตกใจมาก “หยุดตบได้แล้ว……”
มีมี่กรีดร้องเรียกจีน่า “จีน่า! โทรหาเสี่ยป้อง!”
คู่ดวงตาของนิวราแดงก่ำ กล่าวฮึดฮัด จับเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “เรียกเสี่ยป้องเหรอ วันนี้ต่อให้เทวดามาก็ไม่สามารถช่วยเธอได้!”
เธอพลางพูดพลางง้างมือขึ้นสะบัดตบไปมา แต่จู่ๆ มีคนจับมือของเธอจากด้านหลัง แล้วใช้แรงบีบ จนเธอรู้สึกกระดูกตัวเองแทบจะแหลกละเอียด
เธอหันหน้าไปมอง ถึงได้เห็นกลุ่มคนที่ไม่รู้มากันตั้งแต่เมื่อไหร่
บอดี้การ์ดหลายคน ยังมีชายหนุ่มในชุดสูทรองเท้าหนัง เธอยังไม่ทันได้มองว่าเป็นใคร ก็ถูกบอดี้การ์ดลากไปด้านข้างแล้ว
ชายวัยกลางคนที่รูปร่างอ้วนเตี้ย มองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วกล่าวฮึดฮัด “เกิดอะไรขึ้น!”
เมื่อมีมี่ที่ถูกตบอยู่บนพื้นได้ยิน ก็ทั้งกลิ้งทั้งคลานลุกขึ้นมา พลางร้องไห้พลางเรียก “คุณป้อง……”
ขณะที่พูด เธอพุ่งไปหาชายคนนั้น แล้วดึงแขนของเขาไว้ ร้องไห้ฟูมฟาย “คุณต้องเป็นพยานให้ฉันนะคะ!”
บุคคลที่ถูกเรียกว่าเป็นคุณป้อง เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ตัวเองโปรดปรานในช่วงนี้ ถูกคนอื่นตบจนเป็นแบบนี้ ทันใดนั้นก็โกรธจนขึ้นสมอง จึงออกคำสั่งทันทีว่า “จับผู้หญิงคนนั้นมา!”
นิวรายังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกผลักจากด้านหลังอย่างแรงจนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
คุณป้องยกมือชี้มาที่จีน่า แล้วกล่าวเบาๆ “เธอ ไปตบหน้าเธอหนึ่งร้อยครั้ง!”
นิวราตกใจ ไม่น่าเชื่อจะมีกล้าตบเธอ เธอเงยขึ้น เห็นคุณป้องที่อ้วนเตี้ย จู่ๆ ก็รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย
ทันใดนั้น หัวใจเธอก็กระตุก นึกอะไรได้บางอย่าง
หรือว่า จะเป็นคุณป้องนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ผู้มั่งคั่งที่เพิ่งกลับมาจากสิงคโปร์เมื่อไม่นานมานี้
เห็นเขาวางมาดให้ท้ายมีมี่ ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หรือว่าวันนี้เธอมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยจริงๆ