ดวงใจภวินท์ - บทที่ 562 หรือเปลี่ยนเข่ากอด
เฉินจื่อเซียวนยิ้มพร้อมกับพูด “เรื่องเป็นการเป็นงานไม่น่าสนใจเท่าเรื่องคนอื่น!”
ขณะที่พูด อยู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ แล้วอุทานในทันที “พี่ม่านฉง คนที่พี่รัก คงไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นที่พี่พามา เมื่อตอนขายของการกุลที่จิมซาจุ่ยนะ? ตอนนั้นเขายังบอกว่าพี่เป็นคู่หมั้นของเขา หรือว่าพวกพี่เป็นชู้กันจริงๆด้วย?!”
หลิวม่านฉงมองอย่างสงบนิ่ง พูดอย่างไม่มีทางเลือก “เธอไม่ต้องหยาบคายขนาดนั้นได้มั้ย พี่กับคุณเย่เราบริสุทธิ์ใจกัน ทำไมถึงมาพูดว่าเป็นชู้กัน………”
“ยังจะมาคุณเย่…….ยังจะมาบริสุทธิ์……..” เฉินจื่อเซียวนแลบลิ้น พูดอย่างหยอกล้อ ฉันเดาว่าในใจพี่น่าจะเริ่มตั้งชื่อลูกในอนาคตของพี่สองคนแล้วมั้ง? เขาแซ่เย่ งั้นชื่อลูกของพวกพี่ควรจะเรียกเย่อะไรดีนะ? เออ ใช่แล้ว หากไม่รังเกียจล่ะก็ ฉันจะเป็นแม่บุญธรรมของลูกพี่ พี่มองว่าไง?
หลิวม่านฉงรู้สึกใบหน้าบวมขึ้นมาเล็กน้อย และพูดอย่างเคืองๆ” เซียวนเซียวน วันหลังหากเธอยังหยาบคายแบบนี้ ต่อไปพี่ควรที่จะอยู่ห่างๆเธอถึงจะดี!”
เฉินจื่อเซียวนเบ้ปากแล้วถามเธอ “พี่ม่านฉง สะดวกเมื่อไหร่ ก็เรียกเขาออกมาทานข้าวด้วยกันซักมื้อสิ? คนอย่างฉัน ไม่มีความสามารถอะไร แต่เรื่องสแกนผู้ชายนั้นสุดยอด เขาดีหรือเลว แค่ทานข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อฉันก็ดูออกแล้ว!”
หลิวม่านฉงพูดอย่างเศร้าเล็กน้อย “ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ คืนนี้เขาก็จะไปจากฮ่องกงแล้ว”
“ห๊า?” เฉินจื่อเซียวนถามาอย่างประหลาดใจ “เขาจะกลับไปที่จีนเหรอ? ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด เขาน่าจะเป็นคนเมืองจิงหลิงใช่มั้ย?”
หลิวม่านฉงที่ในใจรู้สึเสียดาย เวลานี้เขาก็ไม่ได้พยายามปกปิดแล้ว ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เขากลับสหรัฐอเมริกา”
“กลับสหรัฐอเมริกา?” เฉินจื่อเซียวนรีบถาม “แล้วพี่จะไปเมืองจิงหลิงทำไม? ก็ไปหาเขาที่สหรัฐอเมริกาสิ!”
หลิวม่านฉงที่เอามือเท้าคางไว้ สายตาเหม่อมองไปกำแพงที่อยู่ไม่ไกล ในปากก็บ่นพึมพำ “เขากลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่เรียนอยู่สหรัฐอเมริกา เดือนหน้าก็จะกลับมาเมืองจิงหลิงแล้ว”
เฉินจื่อเซียวนถามอย่างตะลึงงัน “พี่ม่านฉง……..พี่…….พี่พูดอะไรนะ?! เขา……เขา……เขา…..มีเมียแล้ว?”
“ใช่จ้า” หลิวม่านฉงพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “เขาแต่งงานได้สี่ปีแล้ว”
“โอ้โห…..” เฉินจื่อเซียวนไม่อยากจะเชื่อไปชั่วขณะหนึ่ง พูดโพล่งออกมา “พี่ม่านฉง พี่…..พี่…..พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย…..”
หลิวม่านฉงหมุนปากกาในมือโดยไม่รู้ตัว แล้วบ่นพึมพำ “พี่ไม่ได้คิดอะไร พี่เพียงแต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้”
ขณะที่พูด อยู่ๆเธอก็มองดูเวลาที่มุมขวาล่างของคอมพิวเตอร์ พูดโพล่งออกมา “แย่แล้ว สี่โมงกว่าแล้ว พี่ต้องถามเขาก่อนว่าจะไปเมื่อไหร่”
……
บอดี้การ์ดได้ยินดังนั้น ก็รีบคว้าผมของนิวรา กำลังจะลงมือ ใครจะไปรู้ว่ามีเสียงผู้ชายดังลอยมาจากด้านหลัง “หยุดนะ!”
กลุ่มคนหันไปมองตามเสียง เห็นชายหนุ่มพร้อมด้วยลูกน้องหลายคน ที่ดูสง่า เดินมุ่งมาท่างนี้ด้วยบุคลิกที่ไม่ธรรมดา
คุณป้องหันหลังไปมอง จำชายคนนั้นได้ จึงระงับความโกรธไว้ทันที พลันฉีกยิ้มออกมา แล้วกล่าวถามขึ้น “คุณภูผามาได้อย่างไรครับ เพิ่งจะเข้าไปได้ไม่นานไม่ใช่เหรอครับ”
ภูผากล่าวเบา ๆ “เจรจาธุรกิจเสร็จแล้ว ยังต้องรีบไปให้ทันธุรกิจอื่นต่ออีก”
พลางพูดเขาพลางหันหน้ามามองนิวราที่ถูกบอดี้การ์ดจับตัวไว้ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เปลี่ยน แล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
คุณป้องฮึดฮัด “ผู้หญิงคนนี้ตีผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของผม ยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มากัดผมอีกครับ ผมจึงให้คนสั่งสอนบทเรียนเธอนิดหน่อย”
“เสี่ยป้อง ตีผู้หญิงต่อหน้าผู้คนแบบนี้ ไม่ส่งผลดีหรอกมั้ง”
ขณะที่พูดประโยคนี้ ภูผายังคงยิ้ม จากนั้นก็เหลือบไปมองนิวรา แล้วกล่าวกับคุณป้องเบา ๆ “ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเพื่อนของผมด้วย”
คุณป้องตกใจ เหลือบมองนิวราอย่างรวดเร็ว “เธอเป็นเพื่อนกับคุณเหรอครับ”
ภูผากล่าวอย่างเบาสงบ “รู้จักกันตั้งนานแล้ว ต่อมาเธอแต่งงานกับพี่ชายผม จะว่าไปผมยังต้องเรียกเธอพี่สะใภ้นะ”
เขากล่าวเช่นนี้ ฉับพลันสีหน้าของคุณป้องก็ถอดสีทันที
คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเมื่อสักครู่จะเป็นเรื่องจริง ยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับภูผาอีก ถึงแม้ตอนนี้ภวินท์ไม่มีอำนาจใดๆ แล้ว แต่ว่าในมือของภูผาครอบครอง STN ไว้แล้ว อย่างไรก็ต้องไว้หน้าสักหน่อย
คุณป้องประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือสื่อให้บอดี้การ์ดปล่อยคน แล้วก็ยิ้มให้กับภูผา กล่าว “เป็นการเข้าใจผิดครับ คุณภูผาโปรดอย่าได้นำไปใส่ใจ”
“ไม่หรอก วันหลังผมค่อยเลี้ยงเหล้าคุณป้อง แล้วพวกเราค่อยคุยกัน วันนี้มอบคนให้กับผมเถอะ ผมจะสั่งสอนเธอให้เอง”
“ครับ ๆ ผมมีธุระพอดี อย่างนั้นขอตัวก่อนนะครับ”
คุณป้องพลางพูด พลางพากลุ่มลูกน้องเดินจากไปอย่างรวดเร็ว