ดวงใจภวินท์ - บทที่ 563 สหายร่วมหลุมในสงความเดียวกัน
เวลาห้าโมงเย็น
ขบวนรถโรลส์รอยซ์ของหลิวเจียฮุย พาเขาและเฉินจ้างโจง ไปถึงโรงแรมที่เย่เฉินกับเฟ่ยเข่อซินพักอย่างตรงเวลา
เมื่อเห็นเย่เฉิน หลิวเจียฮุยก็กล่าวอย่างสุภาพ “คุณเย่ ขบวนรถได้เตรียมพร้อมแล้ว พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
เย่เฉินพยักหน้า เมื่อเห็นหลิวม่านฉงไม่ได้อยู่ด้วย จึงได้ถามขึ้น “คุณม่านฉงมาหรือยัง?”
หลิวเจียฮุยรีบอธิบาย “เรียนคุณเย่ ผมได้โทรหาม่านฉงแล้ว เธอบอกว่าต้องไปทำธุระที่สนามบินพอดี ดังนั้นจึงเดินทางไปก่อน”
เย่เฉินก็กล่าวขึ้น “โอเค งั้นพวกเราก็ออกเดินทางเถอะ”
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เย่เฉินและเฟ่ยเข่อซิน ที่ขึ้นขบวนรถของหลิวเจียฮุย ก็มาถึงสนามบินนานาชาติเกาะฮ่องกง
รถได้จอดสนิทบนชั้นวีไอพี หลังจากที่หลิวเจียฮุยลงจากรถแล้ว ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปถึงข้างรถของเย่เฉินอย่างเอาอกเอาใจ หลังจากเปิดประตูรถแล้ว ก็กล่าวอย่างสุภาพ คุณเย่ “ตอนนี้ต้องลำบากคุณกับคุณหนูเฟ่ยไปผ่านด่านตรวจและศุลกากรก่อน รถก็ต้องผ่านด่านตรวจของช่องทางรถ หลังจากที่เราผ่านด่านตรวจแล้ว จะรอคุณอยู่ในสนามบิน หลังจากที่คุณผ่านพิธีตรวจของศุลกากรออกมาก็จะเจอผม”
ขณะพูด เขายังมีความกังวลเกรงว่าเย่เฉินจะไม่พอใจกับขั้นตอนแบบนี้ ก็รีบอธิบาย “คุณเย่ ความปลอดภัยด้านการบินบนเกาะฮ่องกงนั้นเข้มงวดมาก ไม่เหมือนกับทางสหรัฐสหรัฐอเมริกา ซึ่งค่อนข้างหละหลวม ดังนั้นขั้นตอนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ขอให้คุณโปรดเข้าใจด้วย”
เย่เฉินพยักหน้ายิ้ม และเอ่ยปากขึ้น “มันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว งั้นผมกับคุณหนูเฟ่ยก็เข้าจากทางนี้”
“ครับ!” หลิวเจียฮุยพยักหน้า รีบพูดขึ้น “ผมขอส่งคุณสองคนเข้าไปก่อน”
เย่เฉินกล่าว “คุณหลิวไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น คุณไปยุ่งก่อนเถอะ พวกเราเข้าไปเองได้”
ขณะที่พูด ก็ได้ลงจากรถพร้อมกับเฟ่ยเข่อซิน
หลิวเจียฮุยยืนกรานที่จะส่งเย่เฉินและเฟ่ยเข่อซินเข้าไปในตึกวีไอพี มองดูทั้งสองคนเข้าไปในช่องตรวจ ถึงได้รีบหันหลังกลับไปยังขบวนรถ สั่งการให้ขบวนรถเอารถเข้าตรวจในช่องตรวจยานพาหนะ
เนื่องจากต้องรอให้เย่เฉิน เฟ่ยเข่อซินและคณะ ที่มีขั้นตอนมากว่าพวกหลิวเจียฮุยหนึ่งขั้นตอน ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาทำเสร็จตามขั้นตอน ขบวนรถของหลิวเจียฮุยก็เสร็จแล้วเช่นกัน เวลานี้ได้รออยูช่องทางรถของวีไอพีแล้ว
ทันใดนั้น หัวใจของญาธิดาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
สองมือของเธอประสานแน่นเข้าด้วยกัน ในที่สุดก็กัดฟันแล้วเอ่ยปากกล่าว “หากภูผาหาสถานปฏิบัติธรรมเจอเพราะตามฉันเข้าไป แสดงว่าฉันถูกคนของเขาสะกดรอยตาม หรือไม่ก็มีลูกน้องที่ฉันพาไปด้วยวันนั้นหักหลัง ดังนั้น ฉันอยากจะไปสืบสักหน่อย เพื่อหาคำอธิบายมาให้กับเจ้าอาวาสกับทางสถานปฏิบัติธรรม
ภวินท์ได้ยินดังนั้น หว่างคิ้วขยับเล็กน้อย จากนั้นก็หยุดชะงักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า “อืม แบบนี้ดีที่่สุด ศพของเจ้าอาวาสถูกนำไปที่ฌาปนสถาน รอพิธีเผา แล้วผมจะส่งคนไปสืบหาที่อยู่ของพวกท่านธีระ เป็นการดีถ้าสามารถจัดเตรียมให้พวกเขามีชีวิตที่ดี”
เมื่อกล่าวประโยคเหล่านี้เสร็จ บรรยากาศก็เข้าสู่อึมครึมอีกครั้ง
ญาธิดาหายใจเข้าลึก ไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรอีก และในเวลานี้ จู่ๆ มีเสียงประหลาดดังขึ้น
เธอชะงักครู่หนึ่ง แล้วก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ก้มหน้ามองดูท้องของตัวเอง จากนั้นเงยหน้าขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วก็สบตากับภวินท์อย่างเขินอาย
ภวินท์เดิมทีมีสีหน้าเย็นชา แต่เวลานี้เขากลับเลิกคิ้วอย่างไม่รู้ตัว พร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ แวบเข้ามาใต้ดวงตาของเขา
เขากล่าวเบาๆ “หิวแล้วเหรอ”
ใบหน้าญาธิดาร้อนผ่าวเล็กน้อย จากนั้นปฏิเสธไป “เปล่า”
ภวินท์ก็ยิ่งยิ้มอย่างลึกซึ้ง ไม่พูดไม่จา เพียงหยิบโทรศัพท์มาแล้วทำการส่งข้อความ
ไม่นานหลังจากนั้น พยัคฆ์ได้มาเคาะประตูบ้าน นำถุงกระดาษหลายใบวางลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมของอาหารได้โชยออกมา
ญาธิดาเงยหน้ามอง เห็นภวินท์นำซาลาเปา เกี๊ยวนึ่ง หมูผัด ผัดผัก และโจ๊กออกมาทีละอย่าง ทันใดนั้นท้องก็ยิ่งร้องดังขึ้น
“ผมหิวแล้ว จึงให้พยัคฆ์ส่งมาให้นิดหน่อย”
ภวินทย์หันมามองเธอ “อยากจะทานสักหน่อยไหม”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ยังคงรู้สึกเขินอาย จึงเงียบไม่พูดไม่จา
ภวินท์เองก็ไม่ได้ถามอีก และเริ่มทานอย่างใจเย็น ด้วยท่าทางสง่างาม ถึงแม้มือข้างหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บ ท่าทางการนั่งทานยังคงราวกับผู้ดีก็ไม่ปาน
ญาธิดาหิวจะตายอยู่ข้างๆ หลังจากอดทนอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ต้านทานอาหารที่ล่อใจไม่ไหว จึงกระแอมขึ้น “เยอะขนาดนี้ ฉันว่าคุณคงทานไม่หมดหรอกมั้ง”