ดวงใจภวินท์ - บทที่ 575 ต้องการความช่วยเหลือ
บทที่ 575 ต้องการความช่วยเหลือ
ญาธิดาเพียรพยายามวิ่งไปยังบานประตูเหล็กที่ขึ้นสนิมอย่างสุดชีวิต จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นดัง “ตึก ตึก ตึก” เข้าร่องหู
ยังมีเสียงสายลมที่พัดตามมาด้วย “เฮียทิงไม่ได้การแล้ว! เลือดไหลไม่หยุดเลย!”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยที่ลอยมาตามลมด้วยอาการตื่นตระหนก ญาธิดาไม่คิดถึงเรื่องอื่นอีกเลย แค่คิดพยายามหนีให้รอดสุดชีวิต ยิ่งวิ่งไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี!
จู่ๆ เหมือนมีของบางอย่างทำให้ใต้ฝ่าเท้าสะดุด ร่างกายของเธอเซถลาไปทางด้านหน้าอย่างไร้การป้องกัน ก้อนหินอันแหลมคมพลันบาดลงบนน่องขาของเธอ จนเป็นแผลไหลเลือดอาบเป็นทางยาว
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจากของมีคมทำให้ญาธิดาเปล่งเสียงร้องดังระงม เธอยื่นมือออกไปกดขาของตนเองเอาไว้ และนั่งกองอยู่ที่พื้น เจ็บจนย่นคิ้วหากันไว้แน่น เมื่อเห็นว่ามีรอยแผลอยู่บนน่องขา
เวลานี้เอง เมื่อครู่ทิศทางที่เธอวิ่งมามีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เรื่อย จากนั้นก็มีเสียงผู้ชายสบถด่าตามหลังมาติดๆ หัวใจของญาธิดาถูกแขวนอยู่ตรงคอหอยอีกครั้งในวินาทีนั้น
เธอใช้ความรวดเร็วกวาดตามองโดยรอบ พลันควานหาสถานที่หลบซ่อนตัว
ตรงนี้มันเป็นซอยเล็ก ซอยมันยาวติดถนนด้านนอก ตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าจะวิ่งหนีไปทางด้านนอกเกรงว่าจะวิ่งไม่ไหว แต่มองรอบๆ ก็ไม่มีบริเวณตรงไหนที่สามารถอำพรางตัวได้เลย
ในเวลานั้นเอง สายตาของเธอจ้องมองอยู่ที่บนถังขยะขนาดใหญ่หลายใบที่อยู่ทางด้านข้าง พลันลังเลอยู่ชั่วครู่ เธอลุกพรวดทันที พยายามกระเสือกกระสนลากขาที่ได้รับบาดเจ็บมุ่งหน้าเขยิบเข้าใกล้บริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งยองๆ อยู่ด้านหลังถังขยะใบหนึ่งทันควัน
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างกายของเธอเริ่มเกร็งขึ้น พลางไม่กล้าหายใจแรงๆ เธอกัดฟันไว้แน่น เพื่อพยายามควบคุมน้ำตาที่กำลังกลิ้งกลอกคลอเบ้า น้ำเสียงเบาลงถนัดตาอย่างไม่รู้ตัว
เสียงฝีเท้าเขยิบเข้าใกล้มาทางนี้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก พลันมีเสียงผู้ชายดังขึ้น “เหี้ยแม่ง! อีนังนั่นมันวิ่งไปไหนแล้ววะ! เมื่อกี้กูยังเห็นว่ามันวิ่งมาทางนี้อยู่เลย!”
ผู้ชายอีกคนพูดทันที “กูไม่เชื่อหรอกว่าอีนังนั่นมันจะเหาะหายไปแล้ว! เร็ว ไล่ตามมันต่อ!”
ตอนที่ผู้ชายสองคนพูด ต่างก็ก้าวเท้าต่อ เพื่อมุ่งหน้าไล่ตามต่อไป
ญาธิดาหดตัวอยู่ทางด้านหลังเงาตะคุ่มเล็กๆของถังขยะ เมื่อมองเห็นเงาของผู้ชายสองคนค่อยๆ หายวับไปแล้ว จึงถอนหายใจยาวๆ
เธอชำเลืองมองรอยแผลบนท่อนขา ตอนที่กำลังจะลุกขึ้น จู่ๆ ก็รับรู้ทันที ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถเดินได้แล้ว
ถ้ากลับไปตอนนี้ ไม่แน่อาจจะเจอผู้ชายสองคนนั้นตอนกลับมา ถ้าเธอไปอีกทาง งั้นก็ต้องผ่านประตูด้านหลังของโรงงานปูนซีเมนต์นั้นด้วย นั่นก็ไม่แน่ว่ายังมีคนคอยเฝ้าอยู่ ถ้าเธอเดินกลับไปก็เท่ากับว่าเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟนะสิ
นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ยาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พลันมองซ้ายมองขวาก็สามารถเกิดเรื่องเสี่ยงอันตรายที่ไม่รับรู้ขึ้นมาได้ทั้งหมด เนื่องด้วยสถานการณ์ของเธอในเวลานี้เธอได้รับบาดเจ็บ เธอวิ่งไม่ไหว เมื่อเจอคนโหดร้ายป่าเถื่อนพวกนั้นเข้า ก็ต้องยากที่จะหลุดรอดหนีพ้นอย่างแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้เณรศีลก็ยังอยู่ในมือของพวกเขา อีกอย่างเธอก็ไม่สามารถมานั่งคุกเข่าอยู่หลังถังขยะได้ตลอด แผลที่ขาของเธอมีเลือดไหลอาบอยู่ตลอดเลย จำต้องจัดการให้ทันท่วงที
เวลานี้เอง จู่ๆ เธอก็มองเห็นโทรศัพท์ที่เธอกำไว้แน่นในมือ จนเกิดความคิดขึ้นมา
ท่ามกลางความลังเลนั้น จู่ๆ หน้าจอโทรศัพท์ของเธอก็สว่างแวบขึ้น พลันมีชื่อหนึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอ และกำลังโลดแล่นอยู่บนหน้าจอตลอดเวลา
ตอนที่มองเห็นคำว่า “ภวินท์” นี้นั้น ดวงตาญาธิดาเปล่งประกายทันที เธอเพิ่งคิดว่าจะโทรศัพท์หาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาดีมั้ย ไม่คิดเลยว่าเขาจะโทรศัพท์มาหาแทน
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น พลันกดรับสาย โดยนำโทรศัพท์วางกระชับข้างหู
เสียงชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายเย็นชาเล็กน้อย “คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คำพูดขอความช่วยเหลือที่มีอยู่แต่เดิมติดอยู่ริมฝีปากพลันค้างเติ่งทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆลำคอแห้งผาก “ฉัน…”
“อยู่แกรนด์ บูเลอวาร์ดเหรอ? ผมให้คนเอาของไปให้คุณ”
เสียงเธอสั่นเครือตอนพูด “ฉันไม่ได้อยู่….ภวินท์ ฉันอยู่ที่เขตตะวันตก”
เสียงปลายสายเงียบงันทันที จนจับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ภวินท์รีบเอ่ยถามทันควัน น้ำเสียงแสดงความวิตกกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “ไปทำอะไรที่เขตตะวันตก? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉันมาหาเณรศีล เขาโดนคนควบคุมตัวเอาไว้ ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
เมื่อสิ้นเสียงเธอ วินาทีถัดมา เสียงของชายหนุ่มก็สวนกลับทันที “คุณอยู่ตรงไหน? ผมจะส่งคนไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้!”
หัวใจญาธิดามีคลื่นสายน้ำอุ่นไหลวนจนปรากฏขึ้นมา เธอกัดฟันไว้แน่น “ฉันไม่มั่นใจค่ะ ฉันจะแชร์โลเคชั่นให้คุณนะคะ คุณรีบมานะ…รีบมานะคะ”
แผลของเธอยังมีเลือดไหลทะลักออกมาอยู่ตลอด เธอก้มหน้าเหลือบมองแผลเลือดอาบที่อยู่บนน่องขาของเธอ เลือดไหลไม่หยุด พลันมองเห็นจนทำให้คนขนลุกตามอยู่ในใจ
ความจริงแล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความเจ็บปวดจากแผล แต่เป็นความรู้สึกที่เลือดไหลไม่หยุดเช่นนี้ มันรู้สึกว่าเลือดที่อยู่ในร่างกายค่อยน้อยลงไปทุกที ร่างกายก็อ่อนแรงลงเรื่อย เรื่องนี้แหละถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังออกมาจากปลายสาย ทรงพลังเป็นพิเศษ “ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
เมื่อโทรศัพท์ตัดสายแล้ว ประโยคนั้นกลับเป็นยาชูกำลัง ที่ทำให้ความรู้สึกหัวใจถูกแขวนอยู่บนคอหอยของญาธิดาหล่นลงพื้นทันที เธอหดตัวอยู่ท่ามกลางความมืดสลัว พลันก้มหน้ามองแผลที่น่องขา เมื่อครู่ความรู้สึกจิตใจไม่สงบและความวิตกกังวลก็มลายหายวับไปกับตาทันที
เวลานี้ เธอไม่ทำอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่จะทำคือซ่อนอยู่ตรงนี้ เพื่อรอเขามา
ราวกับเพราะว่าเลือดไหลออกมา ร่างกายเธอก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อย สมองของเธอก็หนักอึ้งเพิ่มมากขึ้น ขนาดเปลือกตาก็เริ่มตาตก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อมองแผลที่เลือดยังไม่แข็งตัว จนใจเต้นแรง
เธอฉีกชายเสื้อติดมือมา พลางเล็งตรงตำแหน่งแผล จัดการพันแผล จากนั้นจึงหดตัวรอคนอยู่ตรงนั้น โดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงคนดังมาจากทางนั้น
เสียงพูดคุยของผู้ชายดังมาตามเสียง “หาไม่เจอจริงๆ วะ! กลับไปค่อยว่ากัน!”
“เฮียทิงต้องไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ ไอ้เณรนั่นด้วย วันนี้ต้องถูกทำร้ายจนใกล้จะตายถึงถือว่าเป็นการระบายอารมณ์โกรธออกมา”
“หึ! กล้ากัดเฮียทิง มึงรนหาที่ตายให้ตัวเองชัดๆ!”
ผู้ชายทั้งสองคนที่เป็นคนวิ่งออกมาไล่ตามเธอพูดคุยสนทนากันไปมา พลันสบถด่าและรีบมุ่งหน้าไปยังโรงงานปูนซีเมนต์ เมื่อญาธิดาได้ยินเนื้อหาที่พวกเขาพูดคุยกัน พลันเกิดความรู้สึกหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
โดยไม่รู้ว่าเณรศีลตอนนี้ตกอยู่ในสภาพไหนบ้าง แม้ว่าเขาจะพูดว่าไม่เชื่อเธอ แต่ท่ามกลางสถานการณ์คับขันเมื่อครู่ เขาก็เลือกที่จะช่วยเธอ
ญาธิดาเกิดความรู้สึกกังวลใจและลำบากใจพร้อมกัน มือทั้งสองข้างเธอกำหมัดไว้แน่น พลันเกิดความรู้สึกหัวใจร้อนรุ่มไม่สบายใจ
“เดี๋ยวนะ!ไอ่ดำ มึงดูนี่! มีเลือดหยดกองอยู่ที่พื้น!”
พลันมีเสียงตกอกตกใจของผู้ชายดังมาจากทางนั้น ญาธิดานั่งตัวยองๆ จนตัวเกร็งอยู่ด้านหลังถังขยะ พลันได้สติกลับมาทันที
เมื่อครู่เธอแค่คำนึงถึงแต่เรื่องซ่อนตัว จึงไม่ได้สนใจบาดแผลที่อยู่ขาของตนเองเลย เลือดหยด จนทิ้งคราบเลือดเอาไว้ ถ้าเป็นเช่นนั้น แค่พวกเขาเดินตามรอยเลือดมา ก็ต้องค้นพบตัวเธออย่างแน่นอน!
เมื่อคิดเช่นนี้ ร่างกายเธอเย็นเฉียบ พลันหดตัวอยู่ที่เดิมและไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกเลย
“เป็นรอยเลือดผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ! อีนังนั่นคงไม่ได้วิ่งหนีไปไกล เราเดินตามรอยเลือดไปเถอะ!”
ผู้ชายสองคนต่างเห็นพ้องต้องกัน จากนั้นก็เดินตามรอยเลือดบนพื้นเพื่อค้นหาตัวของญาธิดา
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นว่าพวกมันค่อยเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย หัวใจทั้งดวงใกล้จะหลุดออกมาอยู่แล้ว เธอควบคุมลมหายใจของตนเอง เพื่อไม่ให้หายใจดังๆ
จังหวะนี้พอดี พลันมีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาอย่างกะทันหัน ญาธิดาปัดปิดเสียงในชั่วขณะนั้น เธอตัวสั่นเทา พลันมองโทรศัพท์ที่กำลังสว่างวาบ และกดรับสายทันที
ภวินท์เผยเสียงความหงุดหงิดจนดังออกมาจากปลายสาย “ฮัลโหล? ตอนนี้คุณอยู่ตรงไหน?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ไม่กล้าตอบกลับ เธอช้อนตาอย่างหวาดหวั่น เพื่อมองไปอีกทาง
ผู้ชายสองคนนั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าอย่างชัดเจน พวกมันทั้งสองคนสบตากันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ โดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อมุ่งหน้าเขยิบเข้าใกล้ทางถังขยะ