ดวงใจภวินท์ - บทที่ 582 ติดหนี้การช่วยเหลือจากเขาหนึ่งครั้ง
ชวิศพูด พร้อมทั้งลุกขึ้นทันที เพื่อหยิบเสื้อคลุมที่พาดบนพนักเก้าอี้ทางด้านข้างขึ้นมา และก้าวเท้าสองสามเก้ามาหยุดข้างตัวเธอทันที พลันพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ผมไม่ได้ดื่มเหล้า สามารถขับรถไปส่งคุณได้ครับ”
โดยที่ไม่รอให้ญาธิดาได้ตอบรับ ชวิศพลันก้าวขายาวเหยียดเดินมุ่งหน้าไปยังประตูเรียบร้อยแล้ว เธอตะลึง จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ ตามเขาหลังเขาไป
รถออฟโรดทะยานมุ่งหน้าบนถนนอันกว้างขวาง ตลอดทาง ชวิศไม่ได้พูดอะไรสักประโยค ทำสีหน้าเคร่งเครียดตลอดทาง สติสัมปชัญญะทั้งหมดเอาแต่สนใจอยู่กับการขับรถ ญาธิดามีเรื่องอยู่ในใจ มีอาการเคร่งเครียดจนไม่ไหวแล้ว และก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
เมื่อเดินทางมาถึงโรงพยาบาลเอกชนK ญาธิดามุ่งหน้าไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามเรื่องหมายเลขห้องพัก จากนั้นเร่งรุดตาลีตาเหลือกมุ่งหน้าไปทางนั้นชวิศไม่วางใจ จึงเดินตามไปด้วย
ญาธิดาร้อนใจราวกับไฟสุมทรวง เหมือนจะวิ่งเหยาะตลอดทาง ตอนที่เดินตัดผ่านทางเดินห้องพักนั้น มีพยาบาลคนหนึ่งที่กำลังเข็นรถเข็นปลอดเชื้อมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ฝีเท้าของเธอที่กำลังวิ่งอยู่ มันไม่สามารถหยุดลงในทันที
ทันใดนั้น หัวไหล่ตึงเล็กน้อย เพราะมีฝ่ามือใหญ่คู่หนึ่งที่ยื่นมาจากทางด้านหลัง และจับไหล่ของเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา เธอถึงไม่ชนกระแทกเข้าไปตรงๆ
หัวใจของญาธิดาเต้นโครมครามอย่างรวดเร็ว เมื่อทางนี้เพิ่งจะยืนทรงตัวมั่นคง พอหันหน้ากลับไปมองเห็นชวิศที่อยู่ทางด้านหลังของเธอคอยประคองเธออย่างมั่นคง ตอนที่เตรียมจะพูดขอบคุณ กลับได้ยินเขาพูดว่า “หยุดความรีบร้อนสักสองสามนาที อีกอย่างนะสภาพขาคุณตอนนี้มันวิ่งได้มั้ยล่ะครับ?”
ญาธิดาขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดหนึบๆ ตรงบริเวณแผลที่ขา เวลานี้ เธอไม่ควรจะวิ่งจริงๆ แต่วันนี้เธอสวมใส่กระโปรงยาว จนปกปิดแผลอย่างมิดชิด แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธอได้รับบาดเจ็บมา?
ท่ามกลางสถานการณ์อันเร่งด่วน จึงไม่อยากซักไซ้เรื่องเหล่านี้ ญาธิดาสูดหายใจลึก เพื่อตั้งสติให้มั่นคง จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินไปทางด้านหน้า ครั้งนี้แม้ว่าเธอจะเดินเร็วมาก แต่ก็ไม่ได้วิ่งอีกเลย
ตามข้อมูลที่ฝ่ายเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ได้แจ้งมา ญาธิดาตามหาหมายเลขห้องตลอดทาง ในที่สุดก็เจอประตูหมายเลขห้องที่สอดคล้องกัน เธอดาหน้าวิ่งเข้าไปทันที อย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อมาถึงประตู เธอยกมือผลักบานประตูอย่างไม่ลังเล และผลักประตูเข้าไป
“แอ๊ด” เสียงประตูดัง เธอผลักประตู ทุกคนที่อยู่ในห้องหันมามองเธอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ภวินท์ หลุยส์และพี่เข้มพวกเขานั่งอยู่บนโซฟาที่อยู่ด้านข้างในห้องรับแขกเล็ก จ้องมองเธอด้วยสีหน้าตะลึงเล็กน้อย
ญาธิดาชะงักบ้าง แต่มีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันเอ่ยปากสอบถาม “เณรศีลล่ะคะ? เขาอยู่ที่ไหน?”
หลุยส์เชิดปลายคางมาทิศทางด้านข้าง พลันตอบเสียงเบา “ตรงนั้นแหละ เขาไม่ยอมเจอหน้าคน”
ญาธิดาหันหน้าไปมอง จึงมองเห็นทางเดินเล็กๆ อยู่ทางนั้น และเป็นห้องอีกห้องที่มีลักษณะเหมือนกัน
อุปกรณ์ทุกอย่างในโรงพยาบาลเอกชนดีว่าโรงพยาบาลรัฐอยู่บ้าง ขนาดห้องพักก็ยังเป็นห้องชุด เมื่อผลักประตูเข้ามาก็เป็นห้องรับแขก แถมต้องเดินตามทางเดินถึงจะมาถึงห้องพักผู้ป่วยจริงๆ
ญาธิดาขยับปาก ตอนแรกก็อยากจะสอบถามถึงสถานการณ์ให้มากขึ้น แต่กลับค้นพบสีหน้าเคร่งขรึมของภวินท์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น แถมสายตาคอยจับจ้องมาทางด้านหลังของเธออยู่ตลอด
เธอจับสัมผัสอะไรบางอย่างได้ พลันหันหน้าไปมอง ตอนเห็นรูปร่างสูงใหญ่คอยยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ ชวิศที่ใส่ชุดเครื่องแบบทหาร พลันตะลึงเล็กน้อย
เขาเข้ามาได้อย่างไรเนี่ย?
ช่วงนั้น บรรยากาศภายในห้องรับแขกเล็กเริ่มแปลกเล็กน้อย ภวินท์และหลุยส์ใช้สายตาประเมินชวิศพร้อมๆ กัน และไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
จังหวะนี้เอง จู่ๆ พี่เข้มก็ลุกขึ้น พลันถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย “ชวิศ นายมาได้ยังไง?”
ชวิศสีหน้าตามเดิน พลันตอบอย่างเรียบเฉย “มาด้วยกันกับเธอ ได้ข่าวว่าเธอมีเรื่องทางนี้ เลยมาส่งเธอ”
แม้จะเป็นคำพูดที่แสนปกติธรรมดามาก แต่เมื่อเข้าหูภวินท์แล้ว กลับแปรเปลี่ยนเป็นมีความหมายพิเศษอย่างอื่นแทน
ภวินท์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นหรี่ตาเล็กน้อย เพื่อประเมินชวิศ ราวกับสามารถมั่นใจได้อย่างรวดเร็วมาก ผู้ชายคนนี้ เป็นผู้ชายที่เขาเห็นว่าอยู่บนรถกับญาธิดาเมื่อครั้งที่แล้ว
เขาเบนสายตาออก เพื่อกวาดตามาทางญาธิดา จนเกิดความรู้สึกไม่พอใจกดทับลงมาในหัวใจ พลางใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อยตอนกล่าวออกมา “หมอบอกว่าสภาพของเขาในเวลานี้ทำอะไรไม่ได้มาก เขาแค่ยอมเจอหน้าคนที่เขาเชื่อใจเท่านั้น คุณลองเข้าไปดูสิ”
ญาธิดาจะมีกะจิตกะใจอะไรไปคำนึงถึงสายตาที่แลกเปลี่ยนกระแสน้ำความรู้สึกระหว่างพวกผู้ชายเหล่านี้ หัวใจทั้งดวงของเธอบินลอยละล่องไปอยู่ตรงเณรศีลทางนั้นตั้งนานแล้ว จนผูกดึงไว้ไม่อยู่แล้ว
“ฉันขอลองดูนะ”
เธอพูด พร้อมทั้งยกเท้าก้าวย่างไปทางห้องทางนั้น เพิ่งจะก้าวออกไม่กี่ก้าว จู่ๆ เธอก็ฉุกคิดอะไรได้ พลันย่างเท้าให้เบาลงทันควัน และสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ จากนั้นจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นอย่างแผ่วเบา
หลังจากมีเสียงประตูดัง “แอ๊ด” ห้องรับแขกเล็กทางนี้ก็สงบลงเยอะ
พี่เข้มชำเลืองมองชวิศ พลันเอ่ยปากถาม “เราไปหาที่นั่งคุยกันมั้ย?”
ชวิศชะงักเล็กน้อย พลันเอ่ยปาก “รออยู่ที่นี่แหละ”
รออยู่ที่นี่ นั่นก็แสดงอย่างชัดเจน เขากำลังรอญาธิดาอยู่
แม้ว่าคำพูดจะไม่แน่ชัด แต่ทว่าก็สามารถทำให้คนอื่นฟังแล้วเข้าใจความหมายดี
ภวินท์หันหน้าไป สายตาสับสนเพิ่มมากขึ้น จึงชำเลืองมองเขา แต่กลับไม่ได้ว่าอะไร
หลุยส์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคอยมองชวิศ และหันมาหาเขา ยิ้มอย่างสะใจอย่างสื่อความหมายเป็นนัย
เธอเงยหน้ากระดกเหล้า จึงมองไม่เห็นหน้าจอที่สว่างวาบของโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะ
ชวิศที่เห็นเหตุการณ์ทางด้านข้าง จึงเอ่ยปากเรียกทันที “ญาธิดาครับ โทรศัพท์คุณดัง”
เมื่อญาธิดาได้ยิน จึงวางแก้วไวน์ในมือลงทันควัน พลันก้มหน้ามอง ที่แท้ก็มีคนโทรศัพท์มาหา
พอเห็นหน้าจอปรากฏเป็นชื่อ “ภวินท์” หัวใจของเธอบีบรัดแน่นทันที จึงกดรับสายทันควัน “ฮัลโหลค่ะ?”
“คุณอยู่ที่ไหน?” เสียงกดต่ำเป็นพิเศษของภวินท์ดังออกมา “เณรศีลเกิดปัญหานิดหน่อย”
ญาธิดาตะลึงทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าก่อนที่เธอจะออกมานั้นก็ยังดีอยู่แล้ว ทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้นได้ล่ะ?
เสียงเย็นชาภวินท์ดังขึ้น “ผมพาเขาไปหาหมอจิตแพทย์มา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เกิดควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ตอนนี้เขาขดตัวอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ยอมออกมา และก็ไม่ยอมเจอใครเลยครับ”
ญาธิดาระเบิดอารมณ์ทันที “คุณพาเขาไปหาหมอทำไมไม่บอกฉันสักคำ?”
เมื่อวานนี้เธอก็เห็นแล้ว ดูผิวเผิน เณรศีลแข็งแกร่งมาก แต่ความจริงในใจอ่อนแอมาก บวกกับระยะนี้เกิดเรื่องที่ดุเดือดเลือดพล่านมากเกินไปมาตลอด เขาไม่สามารถรับแรงกระตุ้นแม้เพียงเศษเสี้ยวได้อีกแล้ว
การไปหาหมอจิตแพทย์มาในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้มากว่าน่าจะโดนถามเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นในช่วงระยะก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ สถานการณ์จึงได้เปลี่ยนเป็นย่ำแย่มากขึ้นอีก
เธอกัดริมฝีปากล่าง ไม่รอให้ภวินท์อธิบายอะไร พลันสวนทันที “อยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
ภวินท์ลังเลอยู่แวบหนึ่งพลันตอบกลับทันที “โรงพยาบาลเอกชนK”
เมื่อญาธิดาได้ยินตำแหน่งที่หมายแล้ว จึงตัดสายทันที และเริ่มเก็บของของตนเองอย่างรีบร้อน พร้อมทั้งกล่าวขอโทษกับคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร “ขอโทษนะคะ! ฉันมีเรื่องด่วน ไม่สามารถอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนกับทุกท่านทางนี้ได้แล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
คนที่อยู่ด้านข้างพูดสมทบทันที “รีบไปเถอะ รีบไปเลย! ทางเราไม่เป็นไรเลยครับ”
พยัคฆ์ลุกพรวดขึ้นมาอย่างตกใจและรีบร้อน พลันเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ? หนักมากไหมครับ? ผมดื่มเหล้าเกรงว่าจะไปส่งคุณไม่ได้ครับ…”
ญาธิดายังไม่ทันได้ตอบคำถามทัน จู่ๆ พลันมีเสียงแหลมดังขึ้นทางด้านข้าง “ผมไปส่งเธอเอง”