ดวงใจภวินท์ - บทที่ 584 ถูกรางวัลใหญ่
บทที่ 584 ถูกรางวัลใหญ่
เมื่อจับสัมผัสถึงสายตาของทุกคนที่กระจุกมองมาที่ตัวของตนเอง ญาธิดารู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
เธออ้าปาก “เอ่อ….ให้เณรศีลพักก่อนเถอะค่ะ เขายังสร้างเกาะป้องกันอยู่ค่ะ”
ภวินท์ตอบรับ “อืม ทางผมได้จัดเตรียมพยาบาลมืออาชีพที่จะคอยสังเกตอาการของเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ญาธิดาเม้มริมฝีปากอย่างแน่นหนา พลันตอบอย่างเป็นทางการมาก “ตกลง งั้นก็ต้องฝากคุณด้วย”
เมื่อภวินท์ได้ยินน้ำเสียงที่ห่างเหินของเธอ จึงย่นคิ้วอย่างอดใจไม่ไหว เขายังไม่ทันได้พูด จึงมองเห็นญาธิดาหยิบกระเป๋าและเตรียมเดินออกจากห้องแล้ว
ชวิศที่คอยนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวติดกับประตูที่สุดอยู่เดิมนั้นเมื่อเห็นว่าญาธิดาลุกขึ้น จึงลุกขึ้นตามอย่างเป็นปกติ และเดินมาหยุดด้านข้างตัวเธอ “ผมจะไปส่งคุณกลับ”
ประโยคเดียวอันเบาเสียง ราวกับเหมือนสิ่งของอันหนักอึ้ง ที่มันกดทับหัวใจของภวินท์ทันที เขาย่นคิ้วเข้าหากัน พลันเงยหน้าชะเง้อมองไปยังทิศทางชายหนุ่มหญิงสาวกำลังเดินออก เมื่อเห็นแผ่นหลังของพวกเขา หัวคิ้วของเขาขมวดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นพวกเขาเตรียมจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย จู่ๆ ภวินท์ก็หลุดพูดออกมา “รอเดี๋ยว”
เมื่อได้ยินเสียงภวินท์ ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย พลันหันหน้ามามองเขา “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือคะ?”
“มี” น้ำเสียงภวินท์พูดอย่างหนักแน่น “มีเรื่องบางอย่างผมต้องการจะพูดคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”
ญาธิดาลังเลอยู่ชั่วครู่ พลันหน้าไปมองชวิศที่อยู่ทางด้านข้าง “ขอบคุณที่คุณมาส่งฉันเมื่อกี้นี้นะคะ อีกเดี๋ยวคุณไม่ต้องไปส่งฉันแล้วค่ะ ฉันกลับเองได้ค่ะ”
ชวิศเลิกคิ้วเล็กน้อย สายตาหยุดจ้องใบหน้าของเธอชั่ววูบ และใช้สายตาเรียบเฉยกวาดมองไปยังทางภวินท์ จากนั้นก็ยกมุมปากยิ้มกรุ้มกริ่ม “ตกลงครับ ผมตามใจคุณ”
เขาไม่ได้แสดงจุดยืนกรานที่ต้องไปส่งเธอ เขาทิ้งท้ายประโยคนี้อย่างเรียกความสนใจ พลันย่างฝีเท้าเดินออกจากห้องทันที
“อะแฮ่ม!”
หลุยส์กระแอมออกมาสองครั้ง จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้พี่เข้มทางสายตา “เอ่อพี่เข้มผมง่วงแล้ว ไปซื้อกาแฟสักแก้วเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
เขาพูด พร้อมทั้งยื่นมือโอบไหล่พี่เข้มและลากเขาให้ออกจากห้องพักผู้ป่วยทันที
เสียงบานประตูปิดลงดัง “ปึง!” ภายในห้องเหลือแค่ญาธิดากับภวินท์แล้ว
พวกเขาสบตากัน ญาธิดาเหมือนไหวพริบดีจนจับสัมผัสได้ถึงแววตาอันเย็นเฉียบของชายหนุ่ม เธอแสร้งทำตัวหนักแน่น “คุณต้องการจะพูดอะไรกับฉันเหรอ?”
เหมือนภวินท์หลุดปากถาม “ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร?”
ตอนแรกญาธิดาก็นึกว่าเขาอยากจะถามเรื่องเณรศีลคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามประโยคพรรค์นี้ออกมา
หลังจากเธอลังเลอยู่ลั่วครู่จึงพูดออกมา “เขานะเหรอ ….ก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง”
ดวงตาภวินท์ฉายอาการเย้ยหยันออกมาแวบหนึ่ง พลันพูดอย่างเย็นชา “ครั้งที่แล้วก็ไปดื่มเหล้ากับเขา ครั้งนี้ก็ดื่มเหล้าแล้วถึงมาญาธิดา คุณนี่ช่างเปิดเผยจริงๆ”
คำพูดของชายหนุ่มราวกับหนามแหลมคม ที่มันทิ่มแทงหัวใจของเธอตรงๆ เธอขมวดคิ้วทันที “คำพูดนี้ของคุณมันหมายความว่าไง?”
ทำไมฟังแล้วรู้สึกเสียดหูชะมัด
“ความหมายตรงๆ ตามตัวอักษร” ภวินท์ก้มหน้าก้มตา น้ำเสียงเย็นเฉียบ พลันแสดงอำนาจที่บีบคั้น “มีธีทัตคนเดียวยังไม่พอใช่มั้ย?”
ประโยคนี้ เหมือนถูกตบหน้าจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ที่ตบหน้าญาธิดาอย่างจัง ขณะนั้น แก้มทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าวอารมณ์โกรธกระแทกอยู่ในใจ พลันจ้องภวินท์ตาเขม็ง ตัวสั่นสะท้าน “ภวินท์ คุณพูดจาน่าเกลียดล้ำเส้นเกิน!”
คำพูดนี้มันหลุดออกมาจากปากของเขา เหมือนว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้านหน้าทน เอากับผู้ชายไปทั่ว จิตใจโลเลใครอยู่ใกล้ก็เอนไปหาคนนั้นแบบนั้น! แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอเคยเจอกับชวิศสองครั้งเอง และไม่ได้มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องเหล่านี้มันจัดเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ ยังไม่ถึงขั้นที่เขาต้องเข้ามาจุ้นจ้าน!
ญาธิดากัดฟันด้วยความโกรธเคือง “ภวินท์ คุณสนใจแต่เรื่องของตัวเองให้ดีๆ ก็พอแล้วมั้ง!”
พูดจบ เธอก็สะบัดหน้าเดินมุ่งหน้าไปยังประตูทันที โดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองด้วยซ้ำ
“ปึง” เสียงปิดประตู ดังขึ้น ราวกับฝุ่นที่อยู่ภายในห้องราวถูกแรงกระแทกจนหล่นเป็นชั้นๆ แววตาภวินท์หม่นหมองลงทันที
เขาตีหน้าขรึม อารมณ์สับสน
จังหวะนี้เอง มีคนผลักประตูเข้ามา หลุยส์โผล่หน้าเดินเข้ามา พลันเอ่ยปากถามทันที “ไอ่วิน เกิดอะไรขึ้นวะ? พวกแกสองคนอยู่ด้วยกันสองต่อสองไม่กี่นาทีมั้ง ทำไมเธอถึงได้โกรธจนหนีเตลิดไปเลย?”
ภวินท์เงียบกริบโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“หรือว่าแกไปพูดว่าอะไรออกไปใช่มั้ย?” หลุยส์เดินมุ่งหน้ามา พลันเขม็งตามองเขา
เมื่อเห็นว่าภวินท์ไม่ยอมพูดยอมจาอยู่นาน เขาคิดได้อยู่ในใจ จึงยกมือขึ้นตบบ่าของภวินท์อย่างแผ่วเบา พลันถอนหายใจพูด “ไอ่วินเอ๊ย! ทั้งๆ ที่ในใจมึงก็สนใจเธออยู่แล้ว ก็แค่หึงเท่านั้นเอง ทำไมถึงได้พูดคำพูดไม่น่าฟังออกไปวะ?”
ภวินท์เลิกคิ้ว พลันพูดอย่างเย็นชาใส่ “ใครบอกว่ากูหึง? เพื่อผู้หญิงคนนั้นเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ”
เขาพูดจบ พลันเคลื่อนเก้าอี้รถเข็น เดินไปทางด้านข้าง
หลุยส์มองเห็นลักษณะท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว พลันอดใจไม่ไหวจนต้องส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด
ญาธิดากับภวินท์สองคนนี้ ทั้งๆ ที่ให้ความสนใจกับอีกฝ่ายแท้ๆ แต่ทั้งสองคนก็ดื้อรั้นหัวชนฝาไม่เลิก ต่างฝ่ายต่างทรมาน ทุกข์ระทม ดึงดันกันอยู่
ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าเขาจะตั้งใจช่วย เกรงว่าก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
ระหว่างทางที่มุ่งหน้ามายังแกรนด์ บูเลอวาร์ด หลังจากออกจากโรงพยาบาล ญาธิดาโกรธจัด จนหายใจฟืดฟาด เมื่อคิดถึงคำพูดพวกนั้นที่ภวินท์พูดกับเธอ เหมือนว่าเธอถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก
คำพูดที่ออกมาจากปากของภวินท์ว่าเธอเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ราวกับเธอทำเรื่องอะไรที่ไม่สามารถสู้หน้าผู้คนได้จริงๆ
ญาธิดายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ตลอดทางที่โดยสารรถยนต์มา เธอขยี้ชายเสื้อจนยับยู่ยี่ อารมณ์อัดแน่นอยู่ในใจ ไร้วิธีการระบายออก
ไม่นานนัก รถยนต์ก็เดินทางมาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ด ญาธิดาลงจากรถ พลันเดินเข้าบ้านทันที
ก่อนที่จะเดินเข้าประตูบ้าน เธอก็พยายามปรับสภาพของตนเองให้ดีขึ้นอย่างช้าๆ จนยกมุมปาก จึงก้าวเท้าเดินเข้าไป
ปภาวีกำลังรดน้ำต้นไม้ ตอนที่เห็นเธอนั้น จึงวางฝักบัวรถน้ำในทันทีและเดินย่ำเท้าไปหาเธอ “ธิดา แกก็กลับมาแล้ว! ทำไมเมื่อคืนไม่กลับมา แม่เป็นห่วง…”
ญาธิดาเดินมุ่งหน้า พลันยิ้มและโอบเองของเธอ “มีธุระที่ต้องเข้าไปช่วยนิดหน่อยค่ะ เลยไม่ได้กลับบ้าน ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะ ฝาแฝดล่ะคะ?”
“พวกเขาอยู่ด้านบนแหละ นอนหลับไปแล้ว ลูกขึ้นไปดูสิ อีกเดี๋ยวลูกลงมา แม่จะบอกข่าวดีให้แกฟังนะ!”
ปภาวีขยิบตาอย่างลึกลับให้เธอ
ญาธิดาอดยิ้มไม่ได้ จึงถามอย่างอดใจไม่อยู่ “ข่าวดีอะไรคะ พูดตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ?”
ปภาวีไม่ยอมพูด “ลูกไปดูเด็กๆก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน!”
ญาธิดาส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด พลันเดินยิ้มขึ้นชั้นสอง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ญาธิดาเปลี่ยนใส่ผ้าใหม่ทั้งชุด เดินลงมาจากชั้นบน จึงเห็นปภาวีวุ่นวายอยู่กับดอกไม้อย่างมีความสุข จึงเดินมาถาม “แม่ พูดสิ มีข่าวดีอะไร”
ปภาวีวางสิ่งของที่อยู่ในมือ พลันเร่งฝีเท้าเดินมาหาทางเธอ พลันกระซิบพูด “แม่มีเรื่องจะบอกแก สองวันก่อนพ่อแกซื้อบัตรรางวัลไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกรางวัล! เป็นรางวัลใหญ่ทัวร์หรูยุโรปอะไรนี่แหละ!”
ญาธิดาตะลึง และแปลกใจอยู่บ้าง “ไม่ได้หลอกคนใช่มั้ย?”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? ฉันจะไปเอามาให้แกดูนะ!”
ปภาวีพูด พลันหยิบโทรศัพท์ของดร.ยติภัทรที่วางอยู่บนโต๊ะทางด้านข้างขึ้นมา เพื่อเปิดข้อความแจ้งข้อความหนึ่ง เพื่อแสดงให้เธอดู
ญาธิดาเหลือบมอง จากนั้นก็พูดทันที “ข้อความแบบนี้น่าจะหลอกคนแล้วแหละ อย่าไปเชื่อสิคะ”
“แต่พวกเราก็ตรวจสอบข่าวเรื่องถูกรางวัลจากอินเทอร์เน็ตได้นะ!”
ปภาวีพูด พร้อมทั้งเริ่มหาอะไรบางอย่าง
ญาธิดาหัวเราะอย่างหมดคำพูด พลันกระซิบพูด “แม่ ถ้าพ่อกับแม่อยากจะไปเที่ยว ก็พูดกับหนูได้เลย ฉันจะจัดการให้ เรื่องถูกรางวัลอะไรเนี่ย ไม่ต้องไปเชื่อเลย”
แต่ปภาวียังคงใช้น้ำเสียงยืนกรานเช่นเดิม “พ่อแกก็เห็นแล้ว ครั้งนี้เราได้รางวัลจริงๆ เขายังไปถามจุดที่ขายรางวัลเลย เรื่องจริงไม่ได้หลอกเลย!”
ญาธิดายกมือขึ้นนวดขมับ “ถ้าเป็นเรื่องจริงพ่อกับแม่ตั้งใจจะไปใช่มั้ย?”
ปภาวียิ้มตอบ “ไปแน่สิ! ตอนแรกก็คิดว่าจะเอารางวัลให้แกกับลูกเขยไป แต่พ่อแกไปถามทางคนขายบัตรมาเขาบอกว่าให้แค่คนรักของคนที่ถูกรางวัลไปได้ ช่วยไม่ได้ พ่อแกจึงต้องพาฉันไปด้วย”
“ในเมื่อพ่อกับแม่มั่นใจแล้วว่ามันคือเรื่องจริง อยากไปก็ไปเถอะค่ะ”
ญาธิดาพูด พลันหาวหวอด “แม่ หนูเหนื่อยแล้ว ขอตัวขึ้นกลับขึ้นห้องไปนอนหลับสักตื่นนะ”