ดวงใจภวินท์ - บทที่ 591 จับไอ้คนทรยศ
ยี่สิบนาทีต่อมา ญาธิดาสวมเสื้อคลุมแล้วยืนอยู่หน้าประตูบ้านพัก
จากไกลๆ รถ SUV ที่คุ้นเคยก็ขับเข้ามาจอดอยู่ข้างหน้าเธอนิ่งๆ จากนั้นพยัคฆ์ก็เปิดประตูรถลงมา
“พี่ธิดา ทำไมไม่รอด้านใน”
แม้ว่าอากาศจะไม่หนาว แต่มือที่ญาธิดากอดอกไว้ก็สั่นเล็กน้อย เธอขยับริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันอยากเจอไอคนนั้นไวๆ”
อยากเห็นคนทรยศนั่นเร็วๆ ในใจก็เกลียดขึ้นมา!
พยัคฆ์เข้าใจในทันที รีบเดินไปที่แถวหลังอย่างเร็ว เปิดประตูรถ หลังจากนั้น ชายคนหนึ่งที่ถูกมัดมือเท้าอยู่ก็ถูกถีบลงจากรถ
เขาล้มลงกับพื้นแล้วกลิ้งไปมาสองสามครั้ง หน้าของเขาซีดเผือดและดูน่าเกลียด
ตอนที่พยัคฆ์จับหลังคอเขาแล้วดึงขึ้น ญาธิดาถึงได้เห็นสีหน้าของเขาชัดเจน
ใบหน้านี้คุ้นมาก เขาอยู่ที่นั่นด้วยตอนที่ที่เธอไปเขารามครั้งก่อน แต่เขาทำให้เธอคิดว่าเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ก้มหน้าทำงานไม่พูดอะไรมาก เธอนึกไม่ถึงเลยว่าคนทรยศจะเป็นเขา!
พยัคฆ์ ที่อยู่ข้างๆพูดว่า “เขาชื่อโกเมศ เขายอมรับแล้วว่าเขาเปิดเผยข้อมูลให้กับภูผาเอง เขาบอกว่าลูกน้องของภูผาได้ติดต่อเขามา ให้เขารายงานที่อยู่ตอนที่พี่กำลังตามหาคุณภวินท์ ให้เงินสดสองแสนห้าหมื่นบาทกับเขา แล้วตอนที่เราไปสถานปฏิบัติธรรมเขาราม เขาก็ส่งข่าวให้ภูผา แถมยังทำเครื่องหมายเส้นทางที่เราสามคนตามหาไว้ด้วย ภูผาก็เลยพาคนไปหาเรา”
ญาธิดาได้ยินแบบนั้น คิ้วของเธอก็ขมวดลงเรื่อยๆ เธอจ้องไปที่ชายคนนั้นบนพื้นด้วยตามืดดำ ร่างกายสั่นเล็กน้อย
เธอกัดฟันแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายทำจริงๆใช่ไหม”
ชายที่ชื่อโกเมศก้มหน้าลง แทบไม่กล้ามองไปที่เธอ ได้ยินเธอถามแบบนี้ ร่างกายก็สั่นพลางตอบคำถาม “ผมทำ…เป็นผมเองที่ทำ ผมทำไปเพราะเงิน ขอร้องล่ะครับ ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ผมจะซื่อสัตย์กับคุณกับท่านประธานตั้งแต่วันนี้ไป!”
เมื่อได้ยินคำสัญญาที่ไร้ความจริงใจนี้ ญาธิดาก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ความโกรธพุ่งเข้าหัวใจเธอ เธอยกมือขึ้น แล้วทุบเข้าหัวโกเมศด้วยหมัดอย่างแรง แล้วพูดอย่างโมโห “นายรู้ไหมว่าคำขอโทษง่ายๆที่ออกจากปากนายมันคือชีวิตของคนอื่นเลยนะ!”
เมื่อคิดถึงเจ้าอาวาส เธอก็แสบจมูกและน้ำตาไหลขึ้นมา พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ฉันจะให้นายชดใช้ ชีวิตของคนนายชดใช้ไหวไหม!”
โกเมศตัวแข็งทื่อ ก้มหน้าลงไม่กล้าขยับ พยัคฆ์ที่อยู่ข้างๆ ไม่คิดเลยว่าญาธิดาจะทำร้ายเขา เขาก็ตะลึง หายใจยังไม่กล้าจะหายใจแรง
บรรยากาศเย็นยะเยือกมาก ญาธิดาจ้องมองชายคนนั้น อกขยับขึ้นลง หายใจอย่างแรง
ถึงตอนนี้ถ้าจะทำร้ายคนคนนี้ ก็คลายความโกรธของเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะลงโทษเขาได้รุนแรงไปกว่านี้อีกแล้ว ในกรณีนี้ เธอแจ้งตำรวจไม่ได้ เรียกร้องอะไรแทนเจ้าอาวาส ก็ไม่ได้ ยิ่งแก้แค้นด้วยการทำผิดกฎหมายไม่ได้อีก เพราะงั้นเธอก็หมดหนทางเหมือนกัน
รู้สึกหมดหนทางเพราะถึงแม้ว่าเธอจะเจอคนทรยศแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทำได้ ในขณะเดียวกันเธอก็ตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าถึงแม้เธอจะจับคนคนนี้ได้แล้ว แต่เธอก็ยังคงติดค้างธีระกับเณรศีล
คิดไปคิดมา จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ก็คือเธอเอง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดปัญหาก็กลับมาหาเธอ
ถ้าแม้จะฆ่านายคนนี้ให้ตาย แต่ก็เกรงว่ายังไม่สามารถขจัดความเกลียดชังในหัวใจของธีระได้ ไม่สามารถขจัดความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขาได้
ญาธิดายิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ กว่าจะรู้ตัว ก็เจ็บจมูก น้ำตาไหลออกมาหมดแล้ว
พยัคฆ์ที่อยู่ข้างๆ สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ จึงรีบเดินเข้าไป ถามด้วยความเป็นห่วงเบาๆ “พี่ธิดา เป็นอะไรไปครับ”
ญาธิดาส่ายหน้าไม่พูดอะไร พยายามทำให้น้ำตาที่ไหลกลับเข้าไป แล้วปรับอารมณ์
เมื่อเห็นแบบนั้น พยัคฆ์ก็มองลงไปที่โกเมศ แล้วถามว่า “พี่ธิดา เป็นเพราะไอ้คนทรยศนี้ใช่ไหม พี่อยากจะจัดการยังไง บอกมาได้เลย เดี๋ยวผมจะจัดการให้!”
ญาธิดาส่ายหัว สีหน้าเข้มขึม “แบบนั้นไม่มีประโยชน์หรอก”
คนตายไปแล้วฟื้นคืนกลับมาไม่ได้ ถึงแม้เธอจะฆ่าโกเมศไปตอนนี้ เจ้าอาวาสก็กลับมาไม่ได้แล้ว
พยัคฆ์พูดอย่างไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นจะปล่อยไอ้คนทรยศนี้ไปเหรอ”
ญาธิดามองต่ำลงแล้วจ้องไปที่โกเมศ สุดท้ายเธอกฌสูดหายใจเข้าลึก ๆ กัดฟันแล้วพูดว่า “ไม่สิ”
เพิ่งจะจับมาก็ต้องปล่อยไป จะเป็นไปได้ไง
พยัคฆ์ถามว่า “แล้วจะทำยังไงกับเขา”
แววตาญาธิดาลึกลงไปอีก พูดอย่างเย็นชา “พาเขาไปที่สถานปฏิบัติธรรมเขาราม เจ้าอาวาสตายก็เพราะเขา งั้นก็ให้เขาไปส่งเจ้าอาวาสหน่อย”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ สีหน้าของโกเมศก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดทันที เขาเงยหน้าด้วยความตื่นตระหนกแล้วขอความเมตตา “ขอร้องเถอะ ขอเถอะนะ ผมจะไม่ทำอีกแน่ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับผมนะ… … …”
ญาธิดากัดฟัน มองเขาอย่างเย็นชา หายใจเข้าลึกๆ มองไปที่พยัคฆ์ แล้วพูดว่า “พยัคฆ์ เรื่องนี้ฉันรบกวนด้วยนะ”
“พี่ธิดา ให้ผมจัดการเถอะไม่ต้องกังวล!”
สุดท้ายเธอก็มองดูพยัคฆ์พาโกเมศขึ้นรถไป รถสตาร์ทออกไป แต่เธอยังยืนนิ่งๆไม่ขยับ
เรื่องนี้จบลงแล้วเหรอ แต่ทำไมหัวใจของเธอถึงยังว่างเปล่า ยังมีความไม่สบายใจที่ยากจะพูดออกมาอีกด้วย
จนกระทั่งเท้าของเธอเริ่มชา เธอจึงค่อยๆ ได้สติกลับมา หันหลังแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ตอนที่ไปถึงทางเข้า เธอก็เห็นเณรศีลยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันได ดูเหมือนเขาจะเพิ่งตื่นนอน มองไปรอบๆอย่างมึนงง แววตาของเขาเป็นประกายและมีรอยน้ำตาที่ไม่ทันได้เช็ดออก
ญาธิดาใจเต้นแรง เดินเข้ามาหาเขาอย่างไว ถามเบาๆ ว่า “เณรศีลเป็นอะไรไป”
เณรศีลเห็นเธอก็น้ำตาไหลออกมา เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ผมฝันว่าท่านธีระเลือดออก เลือดไหลเยอะมาก…”
พูดพลางเขาก็เอามือปาดน้ำตา ดูน่าสงสารและหมดหนทาง
ญาธิดามองดู หัวใจเธอก็เจ็บแปล๊บอย่างบอกไม่ถูก เธอยื่นแขนออกไป จับร่างเล็กๆ ของเขาไว้ในอ้อมแขน แล้วตบหลังเบาๆ พูดปลอบใจว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ความฝันตรงกันข้ามกับความจริงตลอดแหละ ไม่ต้องกลัวนะ…”
หลังจากปลอบอยู่ครู่หนึ่งเณรศีลก็ค่อยๆ ปรับอารมณ์กลับมาได้ เช็ดน้ำตา แล้วหันหลังกลับที่ห้องของเขา
ญาธิดายืนอยู่ที่ด้านล่างของบันได มองดูร่างเล็กที่พยายามแข็งแกร่งขึ้นมา ใจก็เต้นแรงขึ้นมา
อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่าง รีบหาโทรศัพท์แล้วโทรออกไปทันที
ไม่นานก็มีคนรับสาย มีเสียงที่สบายๆ จากหลุยส์ดังขึ้น “ฮัลโหล ใครน่ะ”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “นี่ฉันเอง ญาธิดา”
คนปลายสายชะงักไป แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น “ฉันไม่คิดว่าเธอจะโทรมา”
ญาธิดาขี้เกียจพูดพร่ำทำเพลงกับเขา เลยถามไปตรงๆ ว่า “ฉันมีอะไรจะถามคุณหน่อย คราวก่อนนายบอกว่าใกล้จะหาที่อยู่ของธีระได้แล้วใช่ไหม ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
หลุยส์หัวเราะ “นี่เพิ่งไม่กี่วันเองนะ ตามหาคนต้องใช้เวลานะ!”
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “งั้นก็รีบๆตรวจสอบหน่อย ขอบคุณมาก”
“ไม่รับประกันเรื่องเวลานะ ที่จริงผมช่วยวินตรวจสอบนี่ ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้กำหนดเวลามาด้วย!”
หลุยส์พูด แล้วก็หยุดไปสักพักดูเหมือนคิดอะไรได้ แล้วก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ยังบอกคุณไม่ได้ แต่อีกเรื่องหนึ่ง คุณอยากฟังมั้ย”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ “เรื่องอะไร”
“เพื่อนของคุณ อัญมณีน่ะ เหมือนว่าเธอจะกลับมาวันนี้นะ ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเครื่องตอนบ่ายนี้”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย “จริงเหรอ”
แม้ว่าเธอจะได้ยินธีทัตพูดว่าอันอันใกล้กลับมาแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้