ดวงใจภวินท์ - บทที่ 592 อัญมณีกลับมาแล้ว
ปลายสายมีเสียงไม่พอใจจากหลุยส์ “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกหกเธอด้วย”
ญาธิดากลับมารู้สึกตัว “โอเค รู้แล้ว ขอบคุณนะ”
วางสายไป เธอลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วก็โทรไปหาอัญมณี
เสียงรอสายดังอยู่นาน ตอนที่เธอคิดว่าจะไม่มีใครรับสายแล้ว เสียงที่หายไปนานก็ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ “ฮัลโหล ธิดา!”
เสียงที่ดังมาเป็นเสียงของอัญมณีจริงๆ น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เป็นความดีใจที่ซ่อนยาก
ไม่รู้ทำไม ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ ญาธิดาก็รู้สึกชาไปทั้งตัว ในตอนที่ขยับตัวได้ น้ำตาก็ไหลออกมา
พูดก็พูด เธอไม่ได้ยินเสียงนี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่อัญมณีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่ส่งเสียงใดๆ เลย สำหรับเธอแล้วมันอ้างว้างไปมาก
ญาธิดาเอ่ยปากเรียกชื่อเธอ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อันอัน นี่เธอจริงๆ หรอ…”
“ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครล่ะ” อัญมณีอดหัวเราะไม่ได้ “หรือว่าเธอไม่อยากได้ยินเสียงของฉันหรอ”
ได้ยินน้ำเสียงล้อเลียนของเธอ ญาธิดาก็หัวเราะ จงใจพูดเวอร์ๆ “ซะที่ไหนล่ะ ฉันคิดถึงเธอทั้งวันทั้งคืน กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ”
ผู้หญิงในปลายสายทั้งสองฝั่งก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง
ญาธิดาคิดอะไรบางอย่างได้ แล้วก็ถามว่า “อ้อ อันอัน เธออยู่ในประเทศแล้วใช่ไหม”
“เธอรู้ได้ไง!” เสียงแปลกใจดังมาจากอัญมณี “พี่ชายฉันบอกเหรอ”
ยังไม่ทันที่ญาธิดาจะพูดอะไร อัญมณีก็บ่นพึมพำ “ฉันอยากจะเซอร์ไพรส์เธฮสักหน่อย แต่ทำแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว!”
ญาธิดาหัวเราะเบา ๆ “เขาไม่ได้บอกฉันหรอก เธอเข้าใจผิดแล้ว เธอบอกมาสิว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
อัญมณีพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอ ฉันกำลังจะไปแกรนด์ บูเลอวาร์ดไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวเธอก็จะได้เห็นฉันตัวเป็นๆแล้ว!”
ได้ยินเธอพูดแบบนั้น ญาธิดาก็ทั้งแปลกใจและดีใจ “เธอมาจริงๆหรอ”
“จริงสิ!” อัญมณีหัวเราะ “พายุมากับฉัน เธอจะไม่ต้อนรับเขาไหม”
“ได้ยังไง เธอมาเร็วเข้า ฉันจะไปเรียกอีธานกับเอลล่าเดี๋ยวนี้แหละ!”
เธอพูดอีกสองสามคำอย่างตื่นเต้น แล้วก็รีบวางสาย จากนั้นก็ไปที่ห้องเด็ก เรียกอีธานกับเอลล่าให้ตื่น
ที่จริงเด็กน้อยทั้งสองยังสะลึมสะลือไม่ยอมตื่นนอน แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าคุณน้ากำลังมา พวกเขาก็ตื่นเต้นจนตื่นขึ้น รีบลุกขึ้นมาจากเตียง
หลังจากที่ปลุกเด็กๆแล้ว เธอก็รีบลงไปข้างล่างเตรียมขนมกับผลไม้ ตอนที่วางของลงบนโต๊ะ เธอก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น
เธอไม่มีเวลาใส่เสื้อโค้ต เดินออกไปโดยใส่รองเท้าแตะ ตอนที่เดินเข้าไปในสนาม เธอก็เห็นอัญมณีกับพายุอยู่นอกประตูเหล็ก
หญิงสาวสวมเสื้อโค้ตยาว ผมของเธอพาดบ่าอย่างสบายๆ เธอไม่ได้แต่งหน้า หน้าซีดเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอยังคงสดใส เมื่อมองเห็นเธอ อัญมณีก็โบกมือให้เธออย่างตื่นเต้น
ญาธิดา น้ำมูกน้ำตาไหลพรากจนตาเบลอ
เมื่อมองเห็นอัญมณีกลับมามีชีวิตชีวาได้แล้ว หินก้อนยักษ์ที่หนักอึ้งอยู่บนอกเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เธอวิ่งเหยาะๆ ไปที่ประตู เปิดประตูเหล็ก ไม่ได้รอให้อัญมณีพูดอะไร เธอก็กางแขนออกไปกอดเธอ
เหมือนว่าอัญมณีจะผอมลงกว่าเมื่อก่อน ญาธิดาโอบเธอไว้ในอกแต่กลับรู้สึกว่างเปล่า
ญาธิดาซบหน้าลงที่ไหล่ของเธอ อดสะอื้นไม่ได้ “อันอัน ฉันคิดถึงเธอมากจริงๆ…”
อัญมณีเห็นเธอแบบนี้ นัยน์ตาก็แดงก่ำขึ้นทันที เธอเอื้อมมือไปตบหลังเธอ พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง”
ในตอนนั้นเองจากที่เงียบๆอยู่ อีธานกับเอลล่าก็เหมือนกับนกแตกรัง พุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
อัญมณีเอื้อมมือไปตบไหล่ของญาธิดาอีกครั้ง ยิ้มแล้วพูดโน้มน้าวใจ “พอแล้วน่า หยุดดราม่าได้แล้ว พวกเด็กๆเห็นเข้าจะหัวเราะเยาะเอานะ”
ญาธิดาหัวเราะขึ้นมา แล้วก็ปล่อยเธอ กลอกตาขาวให้เธออย่างตลกปนไม่พอใจ “หลับไปตั้งนาน แต่ยังปากแจ๋วอยู่เลยนะเธอ เจ๋งจริงอัญมณี!”
อัญมณีตอบกลับโดยไม่เขินอายเลยสักนิด “แหงล่ะ ดูซะก่อนว่าฉันเป็นใคร”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม ตอนที่ได้สติ อีธานกับเอลล่าก็วิ่งมาถึงแล้ว ทั้งสองคนก็กระโดดตรงไปที่ขาของอัญมณี กอดเธอ แล้วเรียก “คุณน้า คุณน้า กลับมาแล้ว!”
“คุณน้า หนูคิดถึงน้ามากๆเลย!”
ปากของเด็กน้อยทั้งสองหวานราวกับเคลือบน้ำผึ้งไว้ ตอนนี้พูดจาก็ไม่กำกวมสักนิด ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นสนุกสนานเบิกบานใจ
เมื่อเห็นการพูดคุยที่มีชีวิตชีวาของพวกเขา ญาธิดาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอเงยหน้าขึ้น เห็นพายุที่อยู่ข้างๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “พายุ ขอบคุณนะที่คอยดูแลอันอัน”
หลังจากกลับจากต่างประเทศ พายุก็ผอมลงเยอะเหมือนกัน ผิวก็คล้ำขึ้นดูแมนขึ้นเยอะ เขายิ้มแล้วส่ายหัวให้ญาธิดา “นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ถ้าให้พูดกันจริงๆ ผมควรจะขอบคุณคุณมากกว่า”
ถ้าไม่ใช่ญาธิดาที่บอกให้เขาไปต่างประเทศกับอัญมณี เกรงว่าตอนนี้เขากับอันอันคงจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกันแล้ว
ญาธิดาส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “จะสุภาพกับฉันทำไมเนี่ย ไปกันเถอะ! ไปคุยกันในบ้าน”
อัญมณีตอบตกลงด้วยน่าทีดีใจ “อื้ม!”
พูดแล้ว ก็เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับอีธานกับเอลล่าที่อยู่สองข้าง
ญาธิดามองแผ่นหลังของเธอ จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปถามพายุว่า “ร่างกายของเธอเป็นยังไปบ้างแล้ว”
“หายดีหมดแล้วนะ ผ่าตัดเลือดคลั่งในกะโหลดไปแล้ว ล้างเลือดออกมาแล้ว แต่ส่วนที่หักของร่างกายยังต้องใช้เวลาฟื้นฟู ถึงตอนนี้จะดูไม่มีอะไรแล้ว แต่ถ้าเดินมากเกินไป เหนื่อยเกินไป ขาอาจจะเจ็บได้ นอกนั้นหมอก็บอกว่าทุกอย่างดีเหมือนเดิมแล้วล่ะ”
ญาธิดาได้ฟังแล้วก็พยักหน้าทันที เงยหน้าขึ้นมองอันอันที่กำลังเล่นกับเด็กๆ ใจอ่อนก็ลง
แม้ว่าอัญมณีจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เธอต้องทนทุกข์ทรมานมาก ลำบากมามาก แต่ตอนนี้เธอยังคงยิ้มอย่างสดใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่นาน คุณปภาวีกับดร.ยติภัทรก็กลับมา เมื่อเห็นอัญมณี พวกเขาก็พูดคุยหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน คุณปภาวีไปเตรียมอาหารค่ำในครัวอย่างมีความสุข ดร.ยติภัทรก็คุยกับพายุ
เด็กๆวิ่งเล่นกันวุ่นอยู่ข้างใน ญาธิดากับอัญมณีนั่งอยู่บนโซฟาทั้งสองถึงได้มีเวลาคุยกันในหัวข้อระหว่างเพื่อนสนิท
อัญมณีมองดูเด็กๆที่กำลังเล่นอยู่อีกฝั่ง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วถาม “ธิดา หนูน้อยคนนั้นเป็นใครน่ะ”
เธอใช้คางชี้ไปทางเณรศีล
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเบาๆ “เรื่องมันยาวน่ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นตอนที่เธออยู่ต่างประเทศ ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไง…”
อัญมณีขยิบตาให้เธออย่างสนใจ “พูดมาเถอะ! เวลาเยอะแยะ!”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง แล้วพูดเบาๆ “เรื่องนี้เริ่มตอนที่ฉันไปต่างประเทศกับเธอ… “