ดวงใจภวินท์ - บทที่ 596 แฟลชไดรฟ์ว่างเปล่า
บทที่ 596 แฟลชไดรฟ์ว่างเปล่า
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด ทีปกรกับกันต์ก็ตกใจ
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมว่า “อีกครั้ง หลังจากที่เธออยู่ในอาการโคม่า เราก็สงสัยกันว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุทางรถยนต์ธรรมดา เราก็ไปตรวจสอบเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเบาะแสทั้งหมดจะถูกปกปิดโดยเจตนา ค้นหาอะไรไม่ได้เลย”
พายุที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าเห็นด้วย “เกี่ยวกับรถคนนั้น กล้องวงจรปิดที่ถ่ายเส้นทางเดินรถก็ถูกจัดการไปหมดแล้ว”
ได้ยินพวกเขาพูดแบบนี้ ทีปกรก็ขมวดคิ้ว คิดว่าเรื่องทั้งหมดต้องซับซ้อนไปกว่าที่เขาคิดไว้แน่ เขามองดูอัญมณี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ในเมื่อคุณเลือกที่แจ้งตำรวจในตอนนี้ ก็น่าจะมีหลักฐานอะไรอยู่ในมือใช่ไหมครับ!”
อัญมณีพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ”
พูดพลางก็หยิบแฟลชแฟลชออกมาจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะ “ในแฟลชไดรฟ์นี้มีวิดีโอที่ถ่ายติดว่าผู้ก่อเหตุจงใจขับรถชนไว้ วิดีโอนี้ได้มาจากกล่องดำของรถคันที่จอดอยู่ใกล้ๆที่เกิดเหตุค่ะ เราอยากจะให้คุณช่วยดูว่ามันพอจะใช้เป็นหลักฐานได้ไหม”
ทีปกรเหลือบมองที่แฟลชไดร์ฟตรงหน้า สีหน้าเขาก็จริงจังขึ้นมาก “โอเคครับ เราต้องดูวิดีโอก่อน ถึงจะให้คำตอบกับคุณได้”
อัญมณีพยักหน้า ตอบว่า “โอเคค่ะ”
หลังนั้น พวกเขาก็เอาแฟลชไดรฟ์ไปอีกห้องหนึ่ง ใช้คอมพิวเตอร์มาเปิดแฟลชไดรฟ์ คิดว่าจะดูวิดีโอด้วยกัน
ญาธิดาเคยดูวิดีโอนี้เพียงครั้งเดียว แต่ตอนนี้ก็ยังจำความโหดและชั่วร้ายของภาพนั้นได้
ระหว่างที่รอ ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ มองดูอัญมณีด้วยความเป็นห่วง แล้วถามว่า “เธอเคยเห็นวิดีโอในแฟลชไดรฟ์ไหม”
“ยังไม่ได้ดู” อัญมณีส่ายหน้า “วันนี้พอได้แฟลชไดรฟ์มา ฉันก็ไม่ทันได้เอาคอมมาเปิด เลยคิดว่าจะมาดูที่สถานีตำรวจทีเดียว”
ญาธิดาพยักหน้าและจับมือเธอเบา ๆ “เธอต้องเตรียมใจไว้นะ”
ภาพที่ตัวเองถูกชนจนปลิว ไม่ต้องพูดถึงอันอันเลย ถึงจะเป็นผู้ชายก็คงจะต้องกลัว
อัญมณีพยักหน้าแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันทำได้น่า”
ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงคำถามของทีปกรก็ดังขึ้นจากด้านข้าง “ทำไมแฟลชไดรฟ์ถึงไม่มีอะไรล่ะครับ”
ทันใดนั้นความสนใจของพวกเขาก็หันไปอยู่ทางนั้น มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างพร้อมเพรียง
ทีปกรเปิดข้อมูลในแฟลชไดรฟ์อีกครั้ง แต่ก็ว่างเปล่า มีเพียงโฟลเดอร์เดียวแล้วก็ไม่มีอะไรอีก
อัญมณีแปลกใจ “เป็นไปได้ยังไง”
เธอก้มลงมองหน้าจอแล้วกดจับเมาส์เปิดดูเอง แต่ก็ยังเหมือนเดิม ในแฟลชไดรฟ์ไม่มีอะไรเลย
ญาธิดาขมวดคิ้ว “ใส่แฟลชไดรฟ์ผิดมันเลยไม่อ่านหรือเปล่า”
อัญมณีรีบดึงแฟลชไดรฟ์ออก ได้ยินเสียง “ติ้งต่อง” แล้วก็เปิดแฟลชไดรฟ์ทันที แต่ก็ไม่มีอะไร
คราวนี้ เธอถึงกับไปไม่เป็น
“เป็นงี้ไปได้ไง!”
ภวินท์ให้แฟลชไดรฟ์นี้กับเธอเอง มันจะว่างเปล่าได้ยังไง
ญาธิดาก็ตกใจมากเช่นกัน เธอนึกถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้ว เม้มปากไว้แล้วไม่พูดอะไร
ตอนนั้นเอง ทีปกรได้ถอดแฟลชไดรฟ์แล้วเอาไปลองที่คอมพิวเตอร์ข้างๆอีกครั้ง ผลก็เหมือนเดิม คือแฟลชไดรฟ์ว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น
เมื่อรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ทีปกรก็หันหน้ามา มองดูอัญมณีอย่างรู้สึกผิดแล้วถามว่า “คุณหยิบมาผิดหรือเปล่าครับ”
อัญมณีจมูกแดงๆ น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “จะเป็นไปได้ยังไง”
พูดพลาง เธอก็หันไปดูพายุที่อยู่ข้าง ๆ แล้วถามว่า “ตอนที่ภวินท์เอาแฟลชไดรฟ์มาให้ฉัน คุณก็อยู่ด้วยใช่ไหม มันจะว่างเปล่าได้ยังไง”
พายุสีหน้าค่อนข้างจริงจัง เขาเห็นอัญมณีน้ำตาไหล ใจเขาก็เต้นแรง รีบเอื้อมแขนไปโอบกอดเธอแล้วปลอบโยนเธออย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องห่วง ผมจะโทรไปถามฝั่งนั้น ดูว่าเขาให้ผิดมาหรือเปล่า”
ญาธิดาที่ได้เห็นแบบนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “พายุ อยู่ดูแลอันอันเถอะ เดี๋ยวฉันโทรเอง”
พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องไป หยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรไปหาภวินท์
มีเสียงบี๊บสองครั้งดังจากอีกฝั่ง แล้วก็มีคนรับทันที
น้ำเสียงภวินท์มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย จึงถามเบาๆ ว่า “ทำไมถึงโทรหาผมได้”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ขี้เกียจตอบคำถามของเขา แล้วถามไปแทน “คุณเอาแฟลชไดรฟ์ให้อันอันแล้วใช่ไหมวันนี้”
ภวินท์ที่อยู่อีกด้านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ใช่ ให้ไปแล้ว”
ญาธิดากัดฟันพูด ชัดถ้อยชัดคำ “แต่แฟลชไดรฟ์อันนั้นว่างเปล่า”
พอพูดจบ ปลายโทรศัพท์อีกข้างไม่มีเสียงใด ๆ สักพัก ภวินท์ก็ถามกลับมา “ทำไมถึงได้ว่างเปล่า”
“คำถามนี้ควรเป็นฉันที่ถามคุณไม่ใช่หรือไง” ญาธิดารู้สึกโมโห เสียงดังขึ้นโดนไม่รู้ตัว “หลังจากที่อันอันได้แฟลชไดร์ฟมา ก็ให้ฉันมาเป็นเพื่อนเธอที่สถานีตำรวจ เราเปิดมันในคอมที่นี่ ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย!”
พูดพลาง เธอก็คิดถึงเรื่องที่ภวินท์คอยดูแลปกป้องนิวรา ความสงสัยในใจของเธอก็ผุดขึ้น
“ภวินท์ ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้มั้ง กลัวว่าพวกเราจะแจ้งตำรวจก็เลยให้แฟลชไดรฟ์เปล่ามา คุณจะโกหกใครหรอ สนุกมากไหม”
ภวินท์ที่อยู่อีกฝั่งก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจเฮือก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ญาธิดา ไหนคุณบอกสิ ในเมื่อผมคิดจะให้คุณแล้วผมจะให้อันปลอมคุณไปทำไมกัน”
ญาธิดากัดฟันพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “คุณไม่ได้อยากปกป้องนิวราหรอกเหรอ ฉันก็เพิ่งเข้าใจนะ ตั้งแต่แรก ที่คุณแกล้งทำเป็นหาหลักฐานกับฉัน พอได้หลักฐานแล้วก็บอกว่าไม่ให้แจ้งตำรวจก่อน รอให้อันอันกลับมาแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้อันอันกลับมาแล้ว แฟลชไดรฟ์ที่คุณให้มามันกลับว่างเปล่า เรื่องเป็นมาแบบนี้ มันคือเรื่องบังเอิญงั้นสินะ”
ภวินท์ถามเสียงเข้ม “คุณคิดว่าผมจะปกป้องนิวราก็เลยให้แฟลชไดรฟ์เปล่ากับพวกคุณหรอ”
“แล้วไม่ใช่หรอ”
ชายหนุ่มจากอีกฝั่งพึมพำอย่างไม่พอใจ “ญาธิดา เรารู้จักกันมาก็นานแล้ว ผมทำเรื่องแบบนี้ได้หรือไม่คุณไม่ได้รู้อยู่แก่ใจหรอ ถ้าผมอยากปกป้องนิวราจริงๆ ผมก็ทำลายแฟลชไดรฟ์ไปเลยสิ ไม่พูดถึงเรื่องแฟลชไดรฟ์อีก”
ญาธิดาเงียบไป คิดว่าที่เขาพูดก็มีเหตุผล แต่ตอนนี้ เบาะแสทั้งหมดชี้ไปว่าเขาน่าสงสัยที่สุด
ภวินท์เงียบไปแล้วพูดทีละคำ “ญาธิดา คุณคิดให้ดีแล้วค่อยมาตั้งคำถามใส่ผม”
พูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไป
ญาธิดาอึ้งไปสักพัก ไม่นาน เธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจ เก็บโทรศัพท์ แล้วเดินกลับไปที่ห้อง
ทันทีที่เธอเข้าประตูเข้าไป อัญมณีก็มองมาที่เธอแล้วรีบถามว่า “ถามหรือยัง”
ญาธิดากัดฟันแน่น “จากที่เขาพูด เขาบอกว่าแฟลชไดรฟ์อันนั้นแหละที่ให้เธอมา”
ทันใดนั้น ญาธิดาคิดอะไรบางอย่างได้จึงรีบถามขึ้นว่า “อันอัน หลังจากที่ได้แฟลชไดรฟ์มา เธอก็เก็บไว้เลยหรอ”
อัญมณีพยักหน้า “ใช่ ฉันเก็บมันไว้ในกระเป๋าตลอด”
ญาธิดาคิดอะไรออก แล้วรีบถามว่า “กระเป๋าอยู่ติดตัวเธอตลอดเลยหรอ