ดวงใจภวินท์ - บทที่ 598 ขีดจำกัดของเธอ
บทที่ 598 ขีดจำกัดของเธอ
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้นธีระก็เค้นเสียงอย่างเย็นชา ในแววตามีความดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยเล็กน้อย เขาพูดอย่างดุเดือดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ถ้าแกจะช่วยฉันจริงๆ ก็ช่วยฆ่าภูผาซะ!”
ญาธิดาตกใจ พูดอะไรไม่ออกเลยขณะหนึ่ง
เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะขอแบบนี้ ตราบใดที่เธอทำได้ เธอจะตอบรับคำขอใดๆของเขา ยกเว้นการฆ่าคนหรือลอบวางเพลิงอะไรผิดกฎหมายเทือกนั้น
เธอส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องนี้ฉันรับปากไม่ได้”
เมื่อธีระได้ยิน เขาก็มีสีหน้าเย้ยหยั่นขึ้นทันที “ฉันก็เดาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องตกปากรับคำอะไรเถอะ สิ่งที่แกพูดเมื่อกั้นจะมีความหมายอะไร โกหกตัวเองอยู่หรือไง”
คำพูดไม่กี่คำนี้ ดูเหมือนจะแทงเข้าในใจของญาธิดาอย่างรุนแรง ในแววตาของเธอแสดงถึงความรู้สึกผิดและหมดหนทาง แต่สุดท้ายก็ทำตามที่เขาขอไม่ได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองธีระนิ่งๆพูดออกไปทีละคำว่า “ฉันจะรับปากแค่สิ่งที่ฉันทำได้ เรื่องอื่น ไม่มีทาง”
เธอรู้ว่าหลังจากเจ้าอาวาสถึงแก่กรรม สถานปฏิบัติธรรมเขารามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนวันนี้พวกเขาเกลียดภูผาเข้ากระดูกดำ แต่ถ้าฆ่าคนเพื่อล้างแค้น พวกเขาก็จะกลายเป็นคนประเภทเดียวกับภูผาไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเป็นนักบวช ควรจะเคารพทุกชีวิต
แต่เธอจะไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย นี่คือหลักการ คือขีดจำกัดของเธอ
เธอนิ่งไปแล้วหันกลับมาสั่งพยัคฆ์ว่า “อย่าลืมหาหมอมา แล้วทำแผลให้เขาด้วย”
หลังจากพูดเสร็จ ก็ก้าวออกจากห้องไป เสียงที่เย็นชาและไม่พอใจของธีระก็ดังมาจากด้านหลัง “ไม่ต้องมาทำเสแสร้ง!”
ญาธิดานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ไม่นาน พยัคฆ์ก็วิ่งตามไป น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “พี่ธิดา เขาไม่สำนึกเลยสักนิด พี่จะให้ผมพาเขาไปหาหมออีกทำไม”
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ฉันติดค้างเขาอยู่”
เป็นหนี้ต้องชำระ นี่เป็นเรื่องธรรมดา เธอติดค้างคนทั้งสถานปฏิบัติธรรมเขาราม ในเวลาสั้นๆแบบนี้ไม่มีทางใช้คืนหมดแน่
พยัคฆ์เม้มริมฝีปาก เดิมอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ทำได้เพียงแค่เงียบไป
กลับถึงบ้าน ญาธิดาเหนื่อย เธออาบน้ำแล้วลงไปข้างล่าง จริงๆอยากจะลงไปดูเด็กๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนคุณปภาวีเรียกไว้ก่อน
ญาธิดาทำหน้างงเล็กน้อย “แม่คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
มองดูคุณปภาวีลากเธอมาข้างๆด้วยสีหน้าจริงจัง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “คืนดีกับพ่อลูกเขยหรือยัง”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย นึกถึงเหตุการณ์ที่เจอธีทัตครั้งก่อน ยังรู้สึกจุกอยู่ในใจเล็กน้อย เธอขยับริมฝีปากจะพูด แต่ไม่ได้พูดอะไรตั้งนาน
คุณปภาวีเห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็ได้คำตอบแล้ว เธอถอนหายใจเบา ๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ธิดา ไม่ใช่ว่าแม่จะว่าลูกนะ แต่สามีภรรยาจะไม่พอใจใส่กันข้ามคืนได้ยังไง ทะเลาะกันปกติก็ว่าไปอย่าง นี่อะไร ลูกตั้งใจจะไม่สนใจเขาไปตลอดชีวิตเลยหรอ ไม่ว่ายังไงก็ต้องคิดเรื่องลูกด้วยนะ”
ได้ยินเช่นนั้น ญาธิดาก็เงียบไป คิดไปคิดมา แล้วจึงพูดกับคุณปภาวีว่า “แม่ อย่ากังวลเลยน่า หนูรู้น่า”
คุณปภาวีไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีทัตเป็นยังไงกันแน่ เธอถึงพูดแบบนี้ แต่ในอีกแง่หนึ่ง หลายปีมานี้ธีทัตทุ่มเทให้เธอกับลูกๆมากจริงๆ ลำบากตรากตำก็หลายอย่าง เขารอเธอมาหกปีแล้ว และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลย พูดแล้วก็ เธอติดค้างเขามากมายจริงๆ
เมื่อคิดได้อย่างนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนก็ไม่ได้ร็สึกแย่อะไรมากมายแล้ว เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มีความต้องการทางร่างกายเหมือนกัน เรียกได้ว่าเขาก็เคารพเธอ เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรมากมายเลยตลอดช่วงหกปีที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเคยบอกด้วยว่าจะใช้ชีวิตกับเขา…
ตอนนั้นเอง คุณปภาวีก็พูด “รู้อยู่ก็ดีแล้ว เรื่องในครอบครัวลูกแม่ก็ไม่อยากจะพูดมาก แต่แม่ไม่อยากเห็นลูกกับพ่อลูกเขยไม่มีความสุขกัน แถมพ่อกับแม่จะไปเที่ยวกันเดือนหน้า ลูกสองคนเป็นแบบนี้ พวกเราก็กังวลน่ะสิ!”
ญาธิดายกมุมปากขึ้น ยิ้มจางๆ แล้วจับมือคุณปภาวี “เราไม่มีอะไรน่าแม่ ไม่ต้องห่วง ไปเที่ยวให้สบายใจเถอะ”
เมื่อเห็นญาธิดากลับมายิ้มได้ คุณปภาวีก็แอบโล่งใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ดี แต่ลูกต้องทำให้พ่อกับแม่หายห่วงก่อนนะ!”
“รู้แล้วค่ะ รู้แล้ว!”
ญาธิดาพูดพลางยิ้ม มองคุณปภาวียิ้มแล้วเดินออกไป แล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ลื้อแชทของธีทัตขึ้นมา เธอพิมๆลบๆอยู่หลายครั้งแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ตอนนั้นเอง เธอจำได้ว่าตอนที่เจอกับพยัคฆ์วันนี้ เขาบอกว่าช่วงนี้ธีทัตยุ่งมาก พรุ่งนี้ต้องไปตีกอล์ฟกับลูกค้า ตอนกลางคืนยังต้องไปเข้าสังคม…
ทันใดนั้น เธอก็ยิ้มขึ้นมา มีแพลนในใจแล้ว
วันต่อมา ญาธิดาก็เก็บข้าวของ มุ่งหน้าไปยังสนามกอล์ฟSRทางตะวันออกของเมืองJ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ถามชื่อสนามไว้ แต่ก็น่าจะหาได้ เพราะเธอรู้ว่าธีทัตเป็นเมมเบอร์VIPบัตรดำทองของสนามกอล์ฟSR มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะนัดพบกันที่นั่น
เมื่อเธอมาถึงสนามกอล์ฟSR เธอก็ไปที่แผนกต้อนรับเพื่อสอบถามเรื่องธีทัต เมื่อรู้ว่าเขากำลังรับประทานอาหารกับเพื่อนอยู่ในร้านอาหาร เธอก็ตรงไปที่ร้านอาหารวีไอพีชั้นบน
เมื่อเข้าไปในล็อบบี้ จากไกลๆก็มองเห็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยผู้คน ธีทัตก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วย เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วสวมเสื้อเชิ้ตโปโลสีขาว
สบายๆ คนที่เหลือบนโต๊ะนั่น ล้วนดูแปลกหน้าแปลกตาสำหรับญาธิดา
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าเป็นกระแสจิตหรืออะไรกันแน่ ธีทัตที่กำลังฟังการสนทนาของคนอื่นอยู่ก็ยิ้มบางๆ ราวกับว่าเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา จึงหันหน้า มองมาทางเธอ
ขณะที่นัยน์ตาของทั้งสองสบตากัน ทั้งคู่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันใด รอยยิ้มอันอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธีทัต
เขาหันไปแล้วพูดอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มกับคนข้างๆ จากนั้นก็ยืนขึ้นและเดินไปหาเธอ
เขาเลิกคิ้วขึ้นมองเธอแล้วถามว่า “คุณมาได้ยังไง”
น้ำเสียงของเขาดูผ่อนคลาย ไม่มีความไม่พอใจหรือทำตัวไม่ถูกเลย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองเลย
ญาธิดาเห็นแบบนั้น ก็ยิ้มให้เขา “อยู่ที่บ้านน่าเบื่อน่ะ เมื่อวานพยัคฆ์บอกว่าคุณจะมาตีกอล์ฟ ฉันก็เลยมาหา แก้เบื่อน่ะ”
ธีทัตยิ้มแล้วมองมาที่เธออย่างอ่อนโยน “โอเค งั้นมากับผม”
จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปกุมไหล่ของเธอแล้วเดินไปที่โต๊ะกลมใหญ่ตรงนั้น
ทุกคนที่โต๊ะตรงนั้นมองดูพวกเขาด้วยท่าทางที่ต่างกันออกไป ชายวัยสี่สิบกว่าเห็นพวกเขา เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมก็ว่าทำไมคุณธีทัตไม่เอาแคตดี้ ที่แท้ก็เพราะว่ามีสาวสวยข้างกายแล้ว!”
ธีทัตยิ้มแล้วให้ญาธิดานั่งข้างๆ อย่างอ่อนโยน
เมื่อพนักงานเสิร์ฟข้างๆ เห็นจึงรีบนำภาชนะและแก้วไวน์ใหม่มาเพิ่มทันที ตอนที่หยิบขวดไวน์แดงกำลังจะรินไวน์ให้เธออยู่นั้น ก็โดนธีทัตยั้งไว้
“ขอโทษนะครับ เอาน้ำส้มคั้นสดให้เธอก็พอ ไม่ต้องใส่น้ำแข็งนะ”
พนักงานเสิร์ฟพยักหน้าทันที หันกลับไปเอาเครื่องดื่ม
ทันที ผู้คนบนโต๊ะอาหารก็มองดูญาธิดาด้วยนัยน์ตาลึกซึ้งขึ้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆถึงกับชำเลืองมองดูญาธิดาอย่างถี่ถ้วน