ดวงใจภวินท์ - บทที่ 622 ความเจ็บปวดเท่านี้มันยังไม่พอ
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากภวินท์ พยัคฆ์จึงไม่ล่าช้าอีก เท้าเหยียบคันเร่ง รถพลันแล่นออกไป เขาไปจากถนนแคบๆ จนถึงหน้ารถสีขาว ตรงเข้าขวางทาง รถคันสีขาวรีบเหยียบเบรกให้รถหยุดจนตัวโก่ง
ภวินท์เลือนสายตาขึ้นมองย้อนกลับไปผ่านกระจกมองหลัง จากนั้นเม้มปากแล้วพูดว่า “นายลงไปบอกเธอว่าฉันอยากพบเธอ”
พยัคฆ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปทางด้านหลัง
เขาเดินไปที่หน้าต่างคนขับด้านหน้า ยกมือขึ้นเคาะกระจกหน้าต่าง ข้างในไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาจึงยกมือขึ้นเคาะอีกครั้ง ครั้งนี้หน้าต่างถึงค่อยๆ ลดต่ำลง
เมื่อเห็นผู้หญิงที่นั่งตรงตำแหน่งคนขับชัดเจน พยัคฆ์ก็ค่อนข้างประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนิวรา!
นิวราสีหน้าเย็นชา “มีธุระอะไร”
พยัคฆ์ถ่ายทอดข้อความ “คุณภวินท์ของเราบอกว่าต้องการพบคุณ”
นิวราเลื่อนสายตาขึ้นเหลือบมองไปยังรถคันข้างหน้า นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เขาจะเรียกหาฉันทำไม เราสองคนไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว”
“คุณภวินท์บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณ”
นิวราเชิดคาง บนใบหน้าฉายแววเย่อหยิ่งพอสมควร ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากพูดว่า “โอเค พวกคุณจอดรถให้เรียบร้อย ฉันจะลงไปหาเขา”
พยัคฆ์พยักหน้า “ได้ ไม่มีปัญหา”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เดินไปที่รถด้านหน้าทันที ทำการเคาะกระจกด้านหลัง วินาทีถัดมา หน้าต่างลดต่ำลง
“คุณภวินท์ เธอตกลงครับ”
เมื่อได้ยิน ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ด้านแววตากลับฉายแววเย็นชาหนัก
ในไม่ช้า เสียงฝีเท้าของรองเท้าส้นสูงก็ดังมาทางนอกหน้าต่างรถ ตามด้วยเสียงของพยัคฆ์ “คุณนิวรา คุณภวินท์อยู่บนรถ”
จากนั้นประตูรถก็ถูกคนด้านนอกเปิดออก ตามด้วยกลิ่นหอมฟุ้งลอยลมมา แล้วนิวราก็ขึ้นไปบนรถ หลังจากประตูรถปิด ก็หันหน้าไปมองภวินท์ที่อยู่ข้างๆ
นัยน์ตาของเธอขยับเล็กน้อย สีหน้าดูซับซ้อน แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่แยแส เธอมองเขาพร้อมกับพูดว่า “พี่วิน คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไร”
ช่วงน้ำเสียงมีความเย็นชามากกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ภวินท์หันไปมองเธอนิ่งๆ แล้วถามว่า “เรื่องในงานแต่งงานวันนี้คุณเป็นคนทำใช่ไหม”
นิวราจงใจแสร้งโง่ “งานแต่งอะไร”
ดูเหมือนจะเดาได้ตั้งแต่ต้นว่าเธอจะปฏิเสธ ภวินท์เหลือบมองเธอเบาๆ แล้วถามว่า “ในเมื่อไม่รู้ แล้วคุณมาที่นี่ทำไม”
ความตื่นตระหนกฉายในแววตาของนิวรา “ฉันแค่ผ่านมา…”
“จริงเหรอ” ภวินท์เล่นกับโทรศัพท์มือถือในมือนิ่งๆ และพูดเสียงเบา “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่ผมได้พบกับเพื่อนเก่าที่งานแต่งงาน คุณรู้จักเขาดี…”
ระหว่างการสนทนา นิ้วเรียวยาวของเขาได้เลื่อนหน้าจอ วิดีโอกำลังเล่น ฝูงชนแน่นขนัด ผู้คนแออัด ในบรรดาชายหญิงหนุ่มหล่อสาวสวยที่แต่งตัวในชุดสูทและชุดเดรส ร่างหนึ่งเร่งรีบเดินไม่เข้ากับสภาพแวดล้อม
เป็นชยิน เขาสวมชุดพนักงานภาคสนาม สายตาคมกวาดมองโดยรอบ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
วิดีโอนี้แสดงให้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
นิวราหน้าซีดไปแวบหนึ่ง เธอสูดหายใจเข้าลึก เมื่อสายตาของภวินท์มองเธออย่างหยั่งเชิง จึงรีบแสร้งทำเป็นสงบ
ภวินท์เลิกคิ้ว “คุณคงจะไม่ใช่ว่าแม้แต่เขาก็ไม่รู้จักหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้เจอเขามานานแล้ว ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไปปรากฏตัวที่งานแต่งงานของญาธิดา…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ถูก รีบหยุดพูด และมองภวินท์อย่างตื่นตระหนก
ภวินท์ได้ยินแล้วหัวเราะเยาะ “ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่านี่เป็นงานแต่งงานของใคร คุณรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นงานแต่งงานของญาธิดา”
นิวราอ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียงออก เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะโง่ แค่ไม่กี่คำก็เปิดเผยความจริงแล้ว
“เรื่องนี้ เป็นฝีมือคุณ ถูกไหม” ภวินท์เก็บโทรศัพท์แล้วพูดนิ่งๆ “ถ้าฉันไม่มีความมั่นใจเต็มที่ ก็จะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับคุณ”
นิวราได้ยินคำพูดนี้แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที
ขณะที่มือสองข้างของเธอกำแน่น ภวินท์หันไปมองเธอพลางถามว่า “ทำไมคุณต้องทำแบบนี้”
การทำลายงานแต่งงานของญาธิดามันไม่จำเป็นเลย ที่ทำแบบนี้ ก็แค่อยากเห็นเธอเสื่อมเสีย และบรรเทาความโกรธในจิตใจ
นิวรากัดฟันของเธอ ในใจรู้อยู่แล้วว่าเวลานี้ไม่อาจเสแสร้งได้อีกต่อไป ดวงตาพลันเกิดความเย็นชาและความเกลียดชัง “ฉันแค่อยากเห็นเธอเป็นตัวตลก แบบนี้ไม่ได้เหรอ! เธอทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้! ทำให้ฉันหย่ากับคุณและกลายเป็นตัวตลกของเมืองJ ฉันทำเรื่องพวกนี้แล้วมันสำคัญตรงไหน”
“นิวรา” ทันใดนั้นภวินท์ก็มองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่าทำผิดอีก”
นิวราส่ายหน้า พูดด้วยความทั้งเศร้าทั้งโกรธ “ฉันไม่ผิด! ที่ผิดคือคุณ ที่ผิดคือเธอ พี่วิน ถ้าตอนนั้นในสายตาและในใจของคุณมีแต่ฉัน พวกเราก็จะไม่เป็นอย่างวันนี้!”
“เพราะอย่างนั้นคุณก็เลยวางแผนทำร้ายคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่างั้นเหรอ” ทันใดนั้นสีหน้าของภวินท์พลันเปลี่ยนเป็นดุดัน “ครั้งล่าสุดขับรถชนคนยังไม่พอเหรอ คุณยังคิดจะทำถึงแค่ไหน”
นิวราส่ายหน้า สีหน้าแน่วแน่ และส่งเสียงพูดว่า “ไม่พอ ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้มันยังไม่พอ!”
เธอใกล้จะบ้าคลั่ง วันนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าตัวเองที่อยู่ตรงหน้าภวินท์จะดูเป็นอย่างไร
วินาทีถัดมา ทันใดนั้นข้อมือของเธอก็ถูกจับไว้ ภวินท์กระชากดึงเธอ ราวกับพยายามจะปลุกเธอให้ได้สติ “นิวรา ทำเรื่องแย่ๆ มาเยอะขนาดนี้กลางคืนต้องฝันร้ายนะ อีกอย่าง เมื่อมีคนส่งหลักฐานที่คุณทำร้ายคนไปสถานีตำรวจ ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณก็จบ”
เขากำลังเตือนเธอ หวังว่าเธอจะหยุดทันเวลา กลับตัวเสียก่อนจะพลาดพลั้ง
แต่ใครจะรู้ว่านิวราสะบัดมือเขาออก และพูดอย่างแข็งกร้าว “ฉันไม่กลัว! ในเมื่อฉันกล้าทำ ก็ไม่กลัวถูกจับ ภวินท์ ตั้งแต่วินาทีที่คุณตัดสินใจหย่ากับฉัน คุณก็ไม่มีสิทธิ์ควบคุมฉันอีก! คุณพูดกับฉันตั้งมากมาย สุดท้ายแล้วไม่ใช่เพื่อฉันหรอก แต่มันเพื่อนังสารเลวญาธิดานั่น ถูกไหม!”
เธอโวยวายใส่เขา เสียงของเธอลั่นรถ วินาทีต่อมาบริเวณโดยรอบก็เงียบลงฉับพลัน
ภวินท์กับนิวราจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
ไม่กี่วินาทีต่อมา นิวราหัวเราะเยาะ ถอนสายตาแล้วเปิดประตูรถลงไป และกระแทกประตูปิดอย่างแรง
ภวินท์ขมวดคิ้วไม่พูดไม่จา ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูด้านหน้าก็ถูกเปิดออก พยัคฆ์ขึ้นมาบนรถ สังเกตได้ถึงบรรยากาศในรถอันเย็นยะเยือก จึงถามอย่างลังเล “คุณภวินท์ครับ…”
ภวินท์ได้สติกลับมา คิ้วขมวดพลางพูดว่า “กลับบริษัท”
พยัคฆ์ตอบรับทันทีและสตาร์ทรถ
ภวินท์มองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าหนักขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ได้พบกับนิวราเมื่อครู่ ความรู้สึกไม่สบายใจของเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเสมอว่านิวราในปัจจุบันนั้นมั่นคงและแข็งแกร่ง ถึงขั้นไม่เกรงกลัวเลยว่าจะมีการส่งหลักฐานไปเปิดเผยที่เธอทำร้ายคน
เธอไม่มีความเกรงกลัวจนแสดงให้เห็นว่าเธอมีความมั่นใจเต็มที่ว่าสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่คนที่มีความสามารถมากพอจะปกป้องเธอได้ไม่มีทางเป็นตระกูลวรโชติ นั่นก็แสดงว่า เธออาจมีผู้มีอิทธิพลคอยหนุนหลัง
แต่ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะชัดเจน นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น แต่สิ่งเดียวที่แน่นอนก็คือ การแก้แค้นของนิวราต่อญาธิดาจะไม่มีทางสิ้นสุดแค่นี้