ดวงใจภวินท์ - บทที่ 635 ตัวอันตราย
บทที่ 635 ตัวอันตราย
แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันที่พูดคุยกันทุกเรื่อง แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกล้าแก้วหักหลังเธอครั้งล่าสุด ระหว่างทั้งสองคนจึงมีช่องว่างและความเหินห่างอยู่ไม่มากก็น้อย
พวกเธอเดินตามกันออกจากห้องพักผู้ป่วย รีบรุดไปยังประตูโรงพยาบาล หลังจากขึ้นรถแล้ว รถก็ตรงไปยังแกรนด์ บูเลอวาร์ดบ้านของญาธิดา
พยัคฆ์นั่งตรงที่นั่งคนขับ มองดูผู้หญิงสองคนในแถวหลังซึ่งล้วนแต่ไม่ส่งเสียง ต่างคนต่างเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มพูดเพื่อทำลายความเงียบ
“พี่ธิดา…พี่คิดยังไงกับการแสดงของผมต่อหน้าภูผาเมื่อครู่”
เดิมทีมันเป็นประโยคเพื่อปรับบรรยากาศ แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาพูดจบ บรรยากาศกลับกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิม
ญาธิดาเบี่ยงหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าของเกล้าแก้วไม่สู้ดี ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจ เปลี่ยนเรื่องและถามเสียงเบา “จริงสิพยัคฆ์ วันนี้ทำไมอยู่ดีๆ ภวินท์ก็มาที่นี่ล่ะ”
“ผม…” พยัคฆ์พูดตะกุกตะกัก ค่อนข้างรู้สึกผิด “ผมบอกเองครับ ผมกลัวว่าจะเกิดเรื่อง แล้วควบคุมคนเดียวไม่อยู่ เลยส่งข้อความไปหาคุณภวินท์ อธิบายสถานการณ์ แต่ผมไม่คิดว่าจู่ๆ เขาก็มาปรากฏตัวในเวลาฉุกเฉินแบบนี้ ช่วยแก้สถานการณ์ได้ทันเวลาพอดี เท่มาก!”
เมื่อเห็นสีหน้าของพยัคฆ์เปลี่ยนจากรู้สึกผิดเป็นตื่นเต้น ญาธิดาจึงยกยิ้มมุมปากและไม่พูดอะไร
เหตุการณ์นี้เทียบเท่ากับภวินท์ช่วยเธออีกครั้ง เธอเป็นหนี้บุญคุณเขาไม่ช้าก็เร็วต้องชดใช้
ไม่นาน รถก็มาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ด ญาธิดานำเกล้าแก้วเปิดประตูรถลงไป หลังจากบอกลาพยัคฆ์แล้วจึงตรงเข้าบริเวณบ้าน
เนื่องจากช่วงนี้คุณปภาวีและดร.ยติภัทรเดินทางไปต่างประเทศ ในเวลากลางวันบ้านจึงเหลือเพียงคนใช้กับลูกแฝด จะว่าไปก็นับว่าบ้านโล่ง
ญาธิดาพาเกล้าแก้วไปที่ประตูห้องชั้นหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับเธอว่า “เธออยู่ที่นี่นะ ต้องการอะไรก็บอกฉันได้”
เกล้าแก้วพยักหน้า ความซาบซึ้งเอ่อล้น เวลานี้ จู่ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “จริงสิธิดา เธอมีเรื่องจะถามฉันไม่ใช่เหรอ”
วันก่อน พวกเธอทำข้อตกลงกันผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ ญาธิดาเคยบอกว่ามีเรื่องจะถามเธอ
เมื่อได้ยิน ญาธิดาก็นิ่งไปเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ที่ฉันอยากรู้คือ ขาของภูผารักษาหายได้ยังไง”
ทันทีที่เกล้าแก้วได้ยิน ร่างกายก็มีอาการเกร็งขึ้น เกรงว่าคงไม่มีใครรู้คำตอบนี้ดีไปกว่าเธอ แรกเริ่มที่เธอรู้จักภูผา เธออยู่เคียงข้างเขาในฐานะพยาบาลส่วนตัวเพื่อรักษาขา ความทุกข์ยากใดที่พวกเขาเคยผ่าน ปัญหาใดที่เคยพบเจอ เธอรู้ดีทั้งหมด
เธอสูดหายใจเข้าลึก พูดเนิบช้าอย่างใช้ความคิด “พูดไปแล้วเรื่องมันยาว…”
ญาธิดาฟังแล้วเงียบไม่ได้พูดอะไร เกล้าแก้วพูดต่อ
“ความจริงตอนแรกฉันก็คิดว่าขาเขาจะไม่หาย ขาของเขาไม่มีความรู้สึกเลย นวดบำบัดฟื้นฟู เสาะหายาทั้งแผนจีนและแผนตะวันตก แต่ก็ไม่ได้ผล จนกระทั่งต่อมาเขาพบหมอคนหนึ่ง หมอคนนั้นใช้วิธีฝึกฝนเพื่อฟื้นฟู บวกกับยาพิเศษอย่างหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นประสาท…”
เกล้าแก้วบอกญาธิดาทุกอย่างที่เธอรู้ เธอฟังไปและตกอยู่ในความเงียบโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานานมาก เกล้าแก้วอยู่เคียงข้างภูผานานขนาดนั้น ช่วยให้เขาฟื้นฟูพละกำลังทีละเล็กทีละน้อย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ตอนนี้เอง จู่ๆ เกล้าแก้วก็ถามขึ้นว่า “ธิดา ถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอถามคำถามพวกนี้คงไม่ใช่แค่เพราะความอยากรู้อย่างเดียว แต่เพราะเธออยากช่วยรักษาขาของภวินท์ ถูกไหม”
ทันทีที่ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
เธอเป็นหนี้ภวินท์มากเกินไป และเธอมีความสามารถจำกัด ไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้ ดังนั้นเธอจึงนึกถึงภูผา ในเมื่อขาของเขาสามารถหายดีได้ เช่นนั้นขาของภวินท์ก็ต้องฟื้นฟูได้เช่นกัน เธออยากหาวิธีที่ทำให้เขายืนได้โดยเร็วที่สุด
“ฉันยังจำวิธีติดต่อหมอคนนั้นได้ หมอคนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่ง เหมือนจะชื่อหมอติ เปิดคลินิกส่วนตัวชื่อTR ClinicในเมืองJ ถ้าเธอพบเขา จะสามารถหาหมอต่างชาติคนนั้นได้”
ญาธิดาจดจำไว้ในใจ จากนั้นมองเกล้าแก้วพลางพยักหน้า “โอเค ขอบคุณนะ”
“ควรเป็นฉันที่ต้องคำขอบ” เกล้าแก้วตอบแล้วคิดอะไรขึ้นได้อีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะถามอีกว่า “จริงสิ ฉันมาพักอยู่ที่บ้านเธอ ไม่รู้ว่าไม่สะดวกหรือเปล่า คนอื่นจะเห็นด้วยไหม”
คนอื่น แน่นอนว่าหมายถึงธีทัต
ญาธิดายิ้มปลอบเธอ “ฉันจะคุยกับเขาเอง ไม่ต้องกังวล”
เมื่อพูดจบ เธอเดินไปที่ประตู ปิดประตูให้เธอเบาๆ แล้วพูดน้ำเสียงนุ่มนวล “เธอพักผ่อนให้สบายนะ”
ญาธิดาเดินผ่านโถงทางเดินไปที่ห้องนั่งเล่น สิ่งที่ค้างคาอยู่ในหัวของเธอคือเรื่องที่เกล้าแก้วบอกเธอเรื่องหมอเมื่อครู่
เธอต้องหาทางส่งข่าวนี้ไปให้ภวินท์ แต่ไม่อยากให้โจ่งแจ้ง ดูเหมือนว่าคงต้องรบกวนพยัคฆ์ท่าจะดี
ในชั่วพริบตาก็ถึงเวลาเย็น ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เหล่าคนใช้กำลังยุ่งกับการเตรียมอาหารเย็น เกล้าแก้วก็อาสาช่วยด้วย เดิมทีเด็กแฝดเศร้าสร้อยไปเล็กน้อยเพราะเณรศีลจากไป แต่จู่ๆ ในบ้านก็มีเพิ่มมาอีกคน พวกเขาจึงร่าเริงมากขึ้น
ในช่วงเวลาหนึ่ง บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะรื่นรมย์ บรรยากาศผ่อนคลายและมีความสุขกว่าที่เคยเป็น
ญาธิดาเพิ่งจัดวางภาชนะบนโต๊ะอาหาร ก็ได้ยินเสียงดังมาจากลานบ้าน ไม่นานธีทัตก็เดินเข้าประตูมา ถอดเสื้อคลุมออก แล้วเดินไปหาญาธิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับเอ่ยถาม “ทำไมวันนี้ดูมีความสุขจัง”
เขาเพิ่งพูดจบ เกล้าแก้วก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับจานอาหาร และประสานสายตากับเขาเข้าพอดี
ทันใดนั้น บรรยากาศพลันเย็นลง ธีทัตขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเกิดแววประหลาดใจ จากนั้นจึงหันหน้าไปมองญาธิดาและถามว่า “นี่มัน…เรื่องอะไรกัน”
ตอนนั้นเกล้าแก้วยังตามพวกเขาไปส่งอัญมณีไปรับการรักษาที่ต่างประเทศด้วยกัน พวกเขาสามคนนับว่าสนิทกันดี แต่ต่อมาทุกคนรู้เรื่องที่เกล้าแก้วหักหลังญาธิดา คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันอีกครั้งในลักษณะนี้
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ขยับริมฝีปากแล้วพูดเสียงนุ่ม “เกิดเรื่องกะทันหันนิดหน่อย ฉันยังไม่มีเวลาได้บอกคุณ”
จากนั้นเธอเอื้อมมือออกไปดึงๆ แขนของเขาเบาๆ แล้วพูดกระซิบว่า “เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
ธีทัตเหลือบมองเกล้าแก้ว จากนั้นก็ถอนสายตา พยักหน้าและเดินไปกับเธอที่ระเบียงเล็ก
ไปถึงระเบียง ญาธิดาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงเบา “เกล้าแก้วเธอ…ถูกภูผากักขัง และเธอกำลังตั้งครรภ์ เธออยากหลุดพ้นจากภูผา ในฐานะเพื่อน ฉันอยากช่วยเธอ…”
ธีทัตสีหน้าขุ่นมัว “คุณเห็นหล่อนเป็นเพื่อน แล้วหล่อนล่ะ จริงใจต่อคุณหรือเปล่า”
ญาธิดาลดเปลือกตาและพูดเสียงแผ่ว “เพราะแต่ก่อนฉันกับเธอเคยเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้ฉันเลยไม่ช่วยเธอไม่ได้…”
ธีทัตสายตาเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นชาด้วย “ธิดา ถ้าหล่อนสามารถหักหลังคุณได้หนึ่งครั้ง หล่อนก็สามารถหักหลังคุณครั้งที่สองได้ และต่อให้ช่วยหล่อน คุณก็ทำเต็มที่เพื่อช่วยหล่อนแล้ว คิดหาทางช่วยหล่อนออกมาได้ก็พอ ไม่ควรพาหล่อนกลับมาอยู่ที่บ้าน!”
ญาธิดาลดสายตาลง พูดไม่ออกครู่หนึ่ง
ธีทัตนิ่งไปก่อนจะพูดเน้นคำต่อคำ “ธิดา ผมไม่ต้องการให้ชีวิตของเราถูกคนอื่นรบกวนตลอดเวลา ผมแค่อยากจะใช้ชีวิตดีๆ กับคุณ แต่ตอนนี้…”
เขาขมวดคิ้ว เสียงหยุดลง
ก่อนหน้านี้เป็นเณรศีล และเขาก็เพิ่งจากไป ตอนนี้เกล้าแก้วมาอีกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกล้าแก้วเป็นผู้หญิงของภูผาด้วย เมื่อข้องเกี่ยวกับเธอ เกรงว่าพวกเขากับภูผาจะยิ่งพัวพันยุ่งเหยิงกันหนักขึ้น
และเขารู้อยู่แก่ใจว่าภูผาเป็นตัวอันตราย เป็นตัวอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้