ดวงใจภวินท์ - บทที่ 638 เกล้าแก้วเลือดออกมา
บทที่ 638 เกล้าแก้วเลือดออกมา
เธอเพิ่งก้าวเท้าเข้ามา เห็นว่าในห้องหนังสือมีคนใช้อีกคนนอกจากธีทัต จึงชะงักไปและพูดว่า “พวกคุณยุ่งอยู่เหรอ”
ธีทัตไอสองครั้ง เหลือบมองคนใช้คนนั้น แล้วพูดเสียงเบา “เปล่า ผมเรียกเขาให้มารายงานทุกสิ่งที่ซื้อเพิ่มในเดือนนี้น่ะ”
จากนั้นเขาลุกขึ้นเหลือบมองคนใช้คนนั้น และพูดเสียงเบา “คุณลงไปก่อน วันหลังค่อยสรุปบิลมาให้ผมดูก็ได้”
คนใช้ได้ยินจึงพยักหน้า แล้วถอยออกไปจากห้องทันที
เมื่อเห็นเขาออกไปแล้ว ธีทัตก็เดินไปหาญาธิดาและถามด้วยเสียงอ่อนโยน “มีอะไรเหรอ”
ญาธิดานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ก็ไม่มีอะไร แค่อยากถามคุณหน่อยว่ารู้จักหมอในโรงพยาบาลเอกชนบ้างไหม ฉันอยากพาแก้วไปตรวจร่างกาย”
ธีทัตลังเลไปชั่วครู่ ดวงตาเกิดประกายวาบดำมืด ก่อนจะพูดว่า “มีสิ ผมจะติดต่อไปหาก่อน แล้วให้ข้อมูลติดต่อกับคุณ”
ทันทีที่ญาธิดาได้ยินก็ยิ้มอย่างมีความสุข ความกังวลที่กดทับอยู่ในใจของเธอพลันหายไป “โอเค งั้นฉันจะรอฟังข่าวจากคุณ”
“ได้”
เมื่อเห็นว่าญาธิดาไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ธีทัตจึงลอบถอนหายใจโล่งอก
เมื่อญาธิดาออกไป เขาถึงได้รู้ตัวว่ายังคงถือขวดเล็กๆ อยู่ในมือ ฝ่ามือก็มีเหงื่อออกอีกด้วย
เขาสูดหายใจเข้าลึก ให้ตัวเองค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งถึงได้ตัดสินใจ
เรื่องนี้ คงต้องเป็นเขาทำมันด้วยตัวเองถึงจะสบายใจกว่า
ในชั่วพริบตาก็ผ่านไปสองวัน
หลังจากผ่านไปหลายวัน เกล้าแก้วค่อยๆ ปรับตัวจนเข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่ เธอกับเกล้าแก้วมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แถมยังใช้เวลาว่างพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเอกชนอีกด้วย ตอนนี้ตัวอ่อนกำลังพัฒนาได้ดีและไม่มีความผิดปกติใดๆ
ตอนนี้สิ่งที่เกล้าแก้วต้องทำคือการรอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีก็พอ
เมื่อในบ้านมีคนมากขึ้น จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทุกที่ แต่สองวันมานี้ธีทัตพูดน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก สำหรับเขาแล้ว ข้อตกลงสามวันระหว่างเขากับภูผากำลังครบกำหนดในไม่ช้า วันสุดท้ายหากเขาทำไม่สำเร็จ เกรงว่าสิ่งต่างๆ จะยากแก่การควบคุม
เขาสูดหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นออกจากห้อง เดินตรงไปที่ห้องครัว ชงชาร้อนหนึ่งถ้วยแล้วออกมา
เป็นอีกเช้าที่เงียบสงบ ราวกับว่าทุกอย่างไม่แตกต่างไปจากปกติ แต่ในที่ที่มองไม่เห็นมีแผนการก่อตัวขึ้นช้าๆ…
ช่วงพักกลางวัน ญาธิดากล่อมสองเด็กน้อยให้นอนหลับ กำลังตั้งใจว่าจะกลับห้อง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองทิ้งหนังสือไว้ในห้องนอนของเกล้าแก้ว เธอลังเลครู่หนึ่งก่อนจะลงไปชั้นล่าง
เธอไปถึงหน้าประตูห้องแล้วยกมือขึ้นเคาะประตู และเอ่ยถามเบาๆ “แก้ว เธอหลับแล้วหรือยัง”
คนท้องง่วงง่าย จุดนี้ญาธิดารู้ดี ตอนเที่ยงเพิ่งทานข้าวเสร็จเกล้าแก้วก็บ่นว่าง่วงแล้วกลับห้องไป เป็นไปได้มากว่าอาจหลับไปแล้ว
ญาธิดาถามประโยคนี้แล้วกลั้นหายใจฟังว่าข้างในมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ แต่ข้างในเงียบมาก ไม่มีเสียงใดเลย
หรือว่าหลับไปแล้ว
ช่างเถอะ รอช่วงบ่ายค่อยไปเอาหนังสือแล้วกัน
เธอคิดแล้วหันหลังกำลังจะเดินไป แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งตั้งใจว่าจะก้าวเท้า ก็ได้ยินเสียงดัง “ตุ้บ” มาจากในห้อง
ญาธิดาชะงัก รีบหันไปแล้วลองเคาะประตูอีกครั้ง “แก้ว?”
ไม่มีการตอบรับ นี่มันไม่สมเหตุสมผล ความไม่สบายใจรุนแรงท่วมท้นหัวใจญาธิดา เธอสูดหายใจเข้าลึกแล้วผลักกดที่จับประตูเปิดออก
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เปิดประตู เมื่อเห็นเหตุการณ์ภายในห้อง เธอก็ต้องตกใจ
เกล้าแก้วนอนอยู่บนพื้น สีหน้าท่าทางเจ็บปวด มือทั้งสองกุมท้อง บนหน้าผากมีแต่เหงื่อ
ญาธิดาตกใจและตะโกนเรียกเสียงดังลั่นทันที “แก้ว! เธอเป็นอะไร!”
เธอรีบก้าวเข้าไปนั่งลงสอบถามอาการ แต่ดูเหมือนเกล้าแก้วจะเจ็บปวดจนพูดไม่ออก เธอพยายามส่ายหน้า แต่ไม่สามารถส่งเสียงได้
ญาธิดาตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก เธอร้องเรียกอย่างประหม่า “แก้ว แก้ว…”
เธอก้มหน้าโดยไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นถึงได้สังเกตเห็นว่าชุดนอนสีขาวบนตัวเกล้าแก้วเปื้อนเลือด “เธอ…เธอหกล้มเหรอ”
ดูจากลักษณะ เหมือนการตกเลือด! แต่เกล้าแก้วเพิ่งตั้งครรภ์ได้เดือนกว่า แค่หกล้มจะแท้งได้ยังไง
เธอไม่สามารถนิ่งดูดายได้อีกต่อไป รีบหยิบมือถือออกมาโทรเรียกรถพยาบาล แล้ววิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนก เรียกคนใช้มา ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ปลุกทุกคน โถงชั้นล่างพลันเกิดเสียงอึกทึก
เกล้าแก้วเจ็บปวดแสนสาหัส ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเธอมีเลือดไหลออกไม่หยุด ญาธิดาทั้งเป็นกังวลและไม่กล้ารบกวน ร่างกายราวกับมดบนหม้อร้อน ทุกข์ทรมานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ในที่สุด เสียงไซเรนรถพยาบาลก็ดังมา ในไม่ช้าพยาบาลก็เข้ามาย้ายเกล้าแก้วขึ้นรถและรีบไปโรงพยาบาล
หัวใจของญาธิดาแทบจะค้างติดในลำคอ เธอเดินตามไปตลอดทาง เห็นเกล้าแก้วถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว เธอถึงได้แอบถอนหายใจโล่งอก แต่ความรู้สึกตึงเครียดในหัวใจยังคงไม่จางหาย
ทั้งทั้งที่ดีๆ อยู่ ทำไมจู่ๆ เกล้าแก้วถึงปวดท้องและมีเลือดออก นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่วันนี้กลับเกิดขึ้นกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว
เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่
เธอมักจะรู้สึกอยู่ตลอดว่ามันมีตรงไหนที่ผิดปกติ แต่กลับคิดไม่ออกเลย แค่รู้สึกจิตใจกระวนกระวาย ทำให้เธอเครียดทุกเวลาทุกนาที
“ธิดา!”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้น ญาธิดาจึงรีบหันไป เห็นธีทัตที่กำลังรีบเดินมาทางด้านนี้ด้วยท่าทีตื่นตระหนก ช่วงเวลานั้นเหมือนความอบอุ่นเกิดขึ้นในหัวใจของเธอ
“ทัต ในที่สุดคุณก็มา…”
เมื่อเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกะทันหัน เธอเผชิญหน้ากับมันคนเดียว จึงรู้สึกไม่สบายใจไม่มากก็น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเหตุการณ์นี้ค่อนข้างแปลก เมื่อตอนนี้ได้เห็นธีทัต หัวใจที่เต้นรัวของเธอในที่สุดก็สงบลงมาบ้าง
ธีทัตก้าวเข้ามาหา ถามด้วยสีหน้ากังวล “เกิดอะไรขึ้น ผมเพิ่งถึงบริษัทไม่นาน ก็ได้รับโทรศัพท์จากคนใช้ที่บ้านว่าเกิดเรื่อง เลยตรงมาที่โรงพยาบาล”
“ฉันก็ไม่รู้ แก้วมีเลือดออกมาก ไม่รู้ว่าหกล้มหรือเกิดอะไรขึ้น เพิ่งถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน…”
ญาธิดาตัวสั่นเล็กน้อย เมื่อครู่เธอเห็นเกล้าแก้วเลือดออกมาก เกรงว่าเด็กคนนี้จะไม่มีโชคเข้าข้างแล้ว
เกล้าแก้วเพิ่งตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กไว้ จู่ๆ ก็เกิดเรื่องแบบนี้ มันจะเป็นการโจมตีเข้าใส่เธอหนักหนาสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย
ญาธิดาคิดไปคิดมา จิตใจสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
ทันใดนั้นไหล่ก็ทรุดลง ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งวางบนไหล่ของเธอ เสียงปลอบใจของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู “อย่าห่วงเลย เธอต้องไม่เป็นไรแน่นอน…”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกแล้วพยักหน้า แต่ในใจยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่มาก
เธอเดินไปมาหน้าประตูห้องฉุกเฉิน บนหน้าผากมีเหงื่อออกไม่หยุด
ธีทัตมองเธอ มือจับโทรศัพท์แน่นขึ้นเล็กน้อย เวลานี้ จู่ๆ โทรศัพท์สั่นสองครั้ง ได้รับข้อความใหม่
ธีทัตสะดุ้งและเปิดข้อความอ่านทันที “พาเธอออกไป”
สี่คำเยือกเย็นปรากฏบนหน้าจอ
ธีทัตสูดหายใจเข้าลึก มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเดินไปข้างๆ ญาธิดา และพูดเสียงนุ่ม “เราไปเดินเล่นรอเถอะ จะได้ไปทำเรื่องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย”
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ หันไปมองทางประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดอยู่ ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงได้พูดเสียงเบา “ได้…”
เดิมทีเธอไม่อยากไปจากตรงนี้ แต่การรออยู่ตรงประตู ทุกนาทีทุกวินาทีผ่านไปอย่างแสนทรมาน ไม่สู้ออกไปเดินเล่นแล้วกลับมา บางทีการผ่าตัดอาจจบลงแล้ว