ดวงใจภวินท์ - บทที่ 645 ขอความช่วยเหลือจากเขา
บทที่ 645 ขอความช่วยเหลือจากเขา
ไม่รอให้ญาธิดาเอ่ยปากพูดอะไร เอลล่าก็ยื่นขนมหวานที่เพิ่งได้รับมาให้เธอ “คุณแม่ ดูสิคะ นี่เป็นของที่คุณอาสุดหล่อเอามาให้ค่ะ!”
ญาธิดาเหลือบมอง พอเห็นโลโก้ของโรงแรม เธออดที่จะรู้สึกตกใจไม่ได้ นี่เป็นของขวัญ สำหรับลูกค้าวีไอพีของโรงแรม และมีเฉพาะลูกค้าวีไอพีของโรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้เท่านั้นที่สามารถได้รับ พวกเธอทั้งสามคนไม่มีคุณสมบัตินั้น ถึงแม้ห้องพักนี้ถูกเปิดด้วยบัตรประชาชนของภวินท์ แต่ของขวัญชิ้นนี้ไม่ได้เป็นของพวกเธอ
ภวินท์เอาของสิ่งนี้มาให้พวกเธอ แสดงว่าเขาเองก็พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เหมือนกัน …
ถ้าอย่างนั้นการเจอกันที่แผนกต้อนรับก่อนหน้านี้ ก็สมเหตุสมผล เขาเอาของมาให้ แต่เธอกลับด่าว่าเขาไปแบบนั้น จะว่าไปแล้วเป็นเธอที่ทำผิดไป
อารมณ์ของญาธิดานั้นเคร่งขรึมลง หลังจากพาเด็กสองคนนอนหลับบนเตียงไปแล้ว แต่เธอกลับนอนพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ
จะว่าไปแล้ว ห้องพักที่พวกเธอพักในคืนนี้เป็นภวินท์ช่วยเปิดให้ เธอต้องขอบคุณเขาถึงจะถูก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเปิดโทรศัพท์หน้าสนทนาของภวินท์ แล้วโอนค่าห้องคืนเขา ก่อนจะพิมพ์ข้อความขอโทษเขาไป “เมื่อตะกี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ… รวมถึงเรื่องในวันนี้ ขอบคุณมาก”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หลังจากส่งข้อความไปแล้ว แก้มของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย
เธอสูดหายใจเข้าลึก และไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย เธอก็รีบปิดโทรศัพท์ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วนอนลงบนเตียงทันที
ถ้ามีข้อความอะไร ไว้ค่อยดูพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
เธอแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนอนลงก็หันไปมองเด็กน้อยทั้งสองคนที่กำลังนอนหลับสนิท ในใจจึงสงบลง
ไม่นาน ความง่วงก็เข้าจู่โจม จนเธอผล็อยหลับไป
ถ้ามีข้อความอะไร ไว้ค่อยดูพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอถูกปลุกตื่นด้วยบริการรูมเซอร์วิส พอเธอได้ยินเสียงพนักงานตรงหน้าประตู เธอจึงเปิดประตู แล้วเห็นพนักงานชายสองคนผลักรถเข็นที่วางอาหารยืนรออยู่ที่หน้าประตู
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก แล้วถามว่า “คือว่า…ฉันคิดว่าฉันไม่ได้สั่งอาหารนะคะ?”
พนักงานชายหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ด้านหน้าตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “นี่คือสิ่งที่คุณภวินท์ที่อยู่ห้องข้างๆ สั่งให้ทางเรานำมาส่งครับ”
คุณภวินท์ที่อยู่ห้องข้างๆ?
ญาธิดาชะงักไปเล็กน้อย แต่เธอก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอมองไปทางประตูห้องข้างๆ ที่ปิดอยู่ด้วยความประหลาดใจ แล้วชี้ไปถามว่า “ห้องนั้น…คือห้องของคุณภวินท์เหรอคะ?”
พนักงานชายพยักหน้า “ใช่ครับ”
ลำคอญาธิดาลำคอตึง และพูดอะไรไม่ออกทันที
นี่เขาพักอยู่ห้องข้าง ๆ พวกเธออย่างนั้นเหรอ? มิน่าล่ะเมื่อคืนเขาถึงมาเคาะประตูกลางดึกแบบนั้น
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะหลบทาง ให้พวกเขาเอาอาหารเข้ามา
หลังจากที่พนักงานโรงแรมส่งอาหารแล้ว พวกเขาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว ญาธิดาเดินไปที่หัวเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง
แล้วพบว่ามีข้อความตอบกลับของภวินท์ที่ตอบกลับเธอเมื่อคืนนี้ พอเธอเปิดออกมาดู ก็เห็นเพียงประโยคง่ายๆ ตอบกลับมา “พรุ่งนี้เช้ามาหาผมด้วย มีเรื่องจะคุยด้วย”
พอเห็นประโยคง่ายๆ นี้ ญาธิดาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เธอเองก็สงสัย ภวินท์อยากจะเจอกับเธอ อยากจะคุยอะไรกับเธอกันแน่?
ญาธิดาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ หลังจากที่กลับมาในห้อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นหอมของอาหารหรือเสียงเปิดประตูเมื่อตะกี้ เด็กน้อยสองคนจึงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจากเตียง
“คุณแม่ครับ หิวจังเลยครับ…”
พอได้ยินเสียงของอีธาน ญาธิดาก็ยกยิ้ม จึงวางโทรศัพท์ในมือของเธอลง ก่อนจะอุ้มเขาลงจากเตียง แล้วพาเขาไปล้างหน้าแปรงฟัน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่แสนอร่อยแล้ว เด็กๆ ก็กินอิ่มจนท้องป่อง แล้วเดินไปดูโทรทัศน์อย่างพึงพอใจ ญาธิดาหยิบเสื้อผ้าที่เมื่อวานซักแล้ว และตากจนแห้ง ก่อนจะเริ่มตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
เธอจะอยู่ที่นี่กับลูกๆ ตลอดไปไม่ได้ ที่สำคัญ ของใช้ของเธอส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่แกรนด์ บูเลอวาร์ดด้วย รวมถึงเรื่องที่เธอกับธีทัตต้องไปทำเรื่องหย่ากันด้วย…
เรื่องพวกนี้ เหมือนความยุ่งเหยิง ที่พันรอบตัวเธอไว้อย่างแน่นหนา จนอารมณ์ของเธอที่เพิ่งดีขึ้นหายไปทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกในใจรู้สึกวิตกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก
เมื่อก่อน เธอไม่เคยต้องกังวลเลยว่าชีวิตจะเป็นยังไง ขอแค่ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวี และลูกของเธอทั้งสองคนปลอดภัยอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป เธอก็รู้สึกว่ามันเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ หลังจากออกมาจากแกรนด์ บูเลอวาร์ด เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอเหมือนจะอยู่ในช่วงสับสน ไร้จุดหมายและหวาดกลัว
เรื่องทุกอย่างมันตกลงมาบนไหล่ของเธอแบบกะทันหัน จนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก แต่เรื่องทุกอย่างจำเป็นที่เธอต้องไปทำ สถานการณ์มันบังคับให้เธอก้าวไปข้างหน้า และถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว
การยื่นเรื่องหย่ากับธีทัตยิ่งเร็วยิ่งดี และเธอต้องรีบกลับไปแกรนด์ บูเลอวาร์ดเพื่อเก็บข้าวของออกมาโดยเร็วที่สุด รวมถึงอนาคตของเธอกับอีธานและเอลล่า เธอก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรเลย
เธอจะพาอีธานกับเอลล่าไปคุยเรื่องหย่ากับธีทัตด้วยไม่ได้ แต่เธอก็ทิ้งทั้งสองคนไว้ในโรงแรมเพียงลำพังไม่ได้เช่นกัน ทำให้ในเวลานี้ เธอตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทันใดนั้นเอง เธอก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเธอ
เธอรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ไม่นาน ความคิดนี้ก็เริ่มมั่นใจขึ้นในใจ เธอหายใจเข้าลึก แล้วหันไปมองอีธานกับเอลล่าที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนเตียง ก่อนจะพูดว่า “เด็กๆ แม่ออกไปข้างนอกสักพักนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะกลับมาภายในสิบนาที ลูกสองคนเป็นเด็กดีอยู่แต่ในห้อง ถ้ามีคนมาเคาะประตูก็ห้ามเปิดเด็ดขาด ต้องรอให้แม่กลับมาก่อน ได้ยินไหมจ๊ะ”
หลังจากถูกญาธิดา “ตำหนิ” เมื่อคืนนี้ ตอนนี้เด็กทั้งสองคนจะไม่เชื่อฟังก็ไม่ได้ จึงพยักหน้าพร้อมกัน แล้วหันหน้าไปดูโทรทัศน์ต่อ
ญาธิดารู้สึกวางใจมากขึ้น จึงก้าวเดินออกจากห้องไป เธอหยิบการ์ดห้องมาจับไว้ แล้วปิดประตูลงเบา ๆ ก่อนจะเดินไปทางประตูห้องถัดไป
ในเวลานี้ เธอมีความลังเลเล็กน้อย
เดิมทีก่อนรับประทานอาหารเช้า เธอเห็นภวินท์ส่งข้อความบอกให้เธอไปหาเขา ในใจยังลังเลว่าจะมาหรือไม่มาดี แต่ตอนนี้เธอมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นเธอจึงต้องมาหาเขา
เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วยกมือขึ้นมาเคาะประตู
ไม่นานประตูก็เปิดออก แล้วเห็นพยัคฆ์ยืนอยู่หน้าประตู พอเห็นว่าเป็นเธอ เขาจึงยิ้มทักทายทันที “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ธิดา! คุณภวินท์รอพี่นานแล้วครับ เขาอยู่ข้างในครับ เชิญ”
เขาพูด ก่อนจะหลบทางให้เธอเดินเข้ามา ญาธิดาอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ลังเลที่จะพูดออกไป แต่ใครจะรู้ว่าพยัคฆ์กลับเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตูห้องไปทันที
ญาธิดาตกตะลึงไปสักพัก จากนั้นก็หายใจเข้าลึก แล้วก้าวเข้าไปข้างใน
รูปแบบของห้องนี้เกือบจะเหมือนกับห้องที่พวกเธอพักอยู่ และภวินท์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กด้านหน้าของหน้าต่างที่สามารถดูวิวได้ทุกด้าน เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่ได้ผูกเนกไท คอเสื้อเปิดกว้างจนเห็นผิวด้านใน แขนเสื้อพับขึ้นจนถึงข้อศอก นิ้วมือกำลังพลิกเอกสารอ่าน
แสงส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ปกคลุมร่างกายของเขา จนเกิดเงาสีขาวพร่ามัว เหมือนภาพเขียนสีน้ำมัน ที่สวยงามน่าหลงใหล
ญาธิดารู้สึกเพียงว่าการเต้นของหัวใจเธอเต้นแรงและเร็วขึ้น เธอหายใจเข้าลึก และกัดฟันแน่น พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบนิ่งของเธอไว้ และกระแอมออกมาเบา ๆ
ในเวลานี้เอง มือของชายหนุ่มที่กำลังพลิกเอกสารก็หยุดชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
แววตาที่เคร่งขรึมพอเห็นเธอก็อ่อนโยนลง เขาหยุดการเคลื่อนไหวของมือ แล้วพูดเสียงทุ้มว่า “เดิมทีนึกว่าคุณจะไม่มา”
ญาธิดาเม้มปาก “ที่จริงก็ลังเลอยู่ค่ะว่าจะมาหรือไม่มาดี…”
แต่ตอนนี้ เธอมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเขา