ดวงใจภวินท์ - บทที่ 647 พวกเขาไปที่ไหนแล้ว?
บทที่ 647 พวกเขาไปที่ไหนแล้ว?
หลังจากเดินออกจากโรงแรม ญาธิดาก็เหลือบมองเวลา ก่อนจะเก็บความกังวลทั้งหมดของเธอไว้ก่อน แล้วกวักมือเรียกรถแท็กซี่ พร้อมกับบอกที่อยู่ของแกรนด์ บูเลอวาร์ดให้กับคนขับรถ
งานที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ ก็คือต้องรีบไป แล้วจัดการเรื่องต่างๆ ทางนั้นให้เรียบร้อย ที่สำคัญกว่านั้น คือคุยเรื่องหย่ากับธีทัต
ตอนนี้ เธอตัดสินใจดีแล้ว และเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าตลอดหลายปีมานี้เหตุผลที่เธอไม่สามารถยอมรับเขาเป็นเพราะในใจของเธอไม่เคยคิดว่าเขาเป็นอนาคตของเธอ
คนบางคน ถ้าไม่เหมาะสม ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน
เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกัดริมฝีปาก เธอค่อยๆ ได้สติกลับมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วส่งข้อความให้ธีทัต “ฉันกำลังกลับไปที่บ้าน พวกเรามาคุยกันเถอะค่ะ”
ในตอนนี้ เรื่องราวมาจนถึงขนาดนี้แล้ว รวมถึงหัวใจของเธอด้วย ที่ตอนนี้มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานเธอก็มาถึงหน้าบ้าน เธอเพิ่งเดินมาถึงประตู พอคนรับใช้เห็นเธอ ก็รีบเดินออกมาต้อนรับอย่างดีใจ “คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว!”
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกยิ้มให้เธอ แล้วพูดเบาๆ “จากนี้ไป ฉันจะไม่ใช่คุณผู้หญิงของที่นี่อีกแล้ว เรียกฉันว่าธิดาก็พอค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของคนรับใช้ก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปทันที เธอขยับริมฝีปาก เหมือนตั้งใจจะเกลี้ยกล่อม แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้
ในขณะนี้เอง ญาธิดาก็หันกลับมามองเธอแล้วถามว่า “คุณธีทัตอยู่ที่นี่ไหมคะ?”
คนรับใช้ตอบตามความจริง “คุณผู้ชายไม่อยู่ค่ะ”
ญาธิดาพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน กลับไปที่ห้องนอนของเธอ แล้วยืนมองสภาพที่คุ้นเคย หัวใจไหวหวั่นอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วปรับอารมณ์ของเธอให้สงบ ก่อนจะเริ่มเก็บของในห้องทันที หลังจากขนของอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็เก็บเสื้อผ้าของอีธานกับเอลล่าไว้ในกระเป๋าเสร็จ แล้วเอาไปวางไว้ด้านข้าง
เธอวางกระเป๋าที่จัดไว้ด้วยกัน และในเวลานั้นเอง เธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาข้างหลัง เธอจึงหันกลับไปมองทันที
พอเธอเห็นร่างของชายหนุ่มที่ปรากฏขึ้นตรงประตู เธอก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย
ธีทัตยืนพิงกรอบประตู แล้วมองดูเธอนิ่ง
สีหน้าของญาธิดาดูแปลกๆ พอมองข้ามเขาไป ไม่นานก็มองผ่านไป เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “เราไปทำเรื่องหย่ากันเถอะค่ะ”
พอได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของธีทัตก็เปลี่ยนไปทันที เขาก้าวไปข้างหน้า และถามเสียงทุ้มต่ำ “คุณต้องทำแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม”
ญาธิดาขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแต่หนักแน่น “ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะ เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยยิ่งเร็วยิ่งดี มันดีสำหรับพวกเราทุกคน”
เธอพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองธีทัต แล้วสบตากับเขา แววตาของเธอมั่นคง และไม่หลบหนี
เหมือนถูกคำพูดของเธอทิ่มแทงหัวใจ สีหน้าของธีทัตแย่มาก คิ้วของเขากดลงต่ำ สีหน้าเคร่งขรึม
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที…
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ บรรยากาศห้องที่เงียบงันน่าอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ธีทัตก็พูดขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ญาธิดา ก่อนจะถามว่า “เป็นเพราะภวินท์หรือเปล่า?”
ญาธิดาขมวดคิ้วและรีบปฏิเสธ “ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา”
ธีทัตสูดหายใจเข้าลึก และเหมือนจะพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ “มาจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องโกหกผม ญาธิดา ผมแค่อยากจะได้ยินความจริงจากปากคุณ”
ร่างกายของญาธิดาเย็นยะเยือก พอมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า เธอยิ่งรู้สึกว่าเขาดูแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ญาธิดาร่างกายสั่นเทา “ฉันพูดจริงค่ะ ที่ฉันหย่ากับคุณ เพราะคุณโกหกฉัน ปิดบังฉัน อีกทั้งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่สนใจว่าถูกหรือผิด นี่คือสิ่งที่ฉันทนรับไม่ได้ที่สุด แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ!”
สีหน้าของธีทัตเคร่งขรึม เขานิ่งเงียบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันไปมองเธอแล้วพูดว่า “เมื่อวาน มีคนเห็นคุณกับภวินท์เข้าไปในโรงแรมด้วยกัน”
หัวใจของญาธิดาสั่นเทาอย่างรุนแรง และเข้าใจความหมายของคำพูดเขาในทันที เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด และคิดว่าที่เธออยากจะหย่ากับเขาเพราะภวินท์!
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นยังไง มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ดี
ถ้าไม่ใช่เพราะภวินท์ที่ช่วยเธอไว้ เธอกลัวว่าเธอกับลูกคงจะไม่มีที่พักในตอนนี้! แต่ธีทัตกลับคิดไปในทางที่สกปรกแบบนี้!
เธอกัดฟัน ดวงตาของเธอเริ่มแสบและอยากจะร้องไห้ เธอยิ้มเยาะ “ธีทัต เมื่อวานฉันพาลูกไปด้วย! คุณคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอคะ?”
หรือเธอดูเหมือนผู้หญิงประเภทที่จะออกไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่นอย่างอดใจรอไม่ไหวแบบนั้นเหรอ?
ธีทัตขมวดคิ้ว มองตาของเธอที่แดงก่ำ ในใจรู้สึกผิดมาก “ธิดา ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”
ญาธิดายกมือขึ้นห้ามทันที และพูดขัดขึ้นมา “ฉันไม่อยากที่จะอธิบายแล้วค่ะ พวกเราหย่ากันเถอะ ฉันจะไปรอคุณที่หน้าประตู เอาทะเบียนสมรสกับทะเบียนบ้านไปด้วย”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ลากกระเป๋าเดินทางและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ธีทัตยืนนิ่งอยู่คนเดียว
สีหน้าของชายผู้นั้นดูหงุดหงิดมาก เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องต่างๆ จะมาถึงจุดนี้ไปได้ เขายกมือขึ้น แล้วกำหมัดชกไปที่กำแพง
เดิมทีเขาคิดที่จะตามง้อขอคืนดี แต่ตอนนี้เขาทำให้ทุกอย่างพังด้วยมือของเขาเอง
สีหน้าของชายผู้นั้นดูหงุดหงิดมาก เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องต่างๆ จะมาถึงจุดนี้ไปได้ เขายกมือขึ้น แล้วกำหมัดชกไปที่กำแพง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็เดินทางไปที่อำเภอเพื่อดำเนินเรื่องหย่า ตลอดการเดินทาง บรรยากาศภายในรถนั้นอึมครึม ไม่มีใครพูดอะไร
จนมาถึงที่จุดหมาย เจ้าหน้าที่ก็ถามถึงการแบ่งทรัพย์สิน ญาธิดาเลือกที่จะออกจากบ้านมือเปล่า ไม่ต้องการทรัพย์สินใดๆ ทั้งนั้น
ตั้งแต่แรกเริ่ม ครอบครัวนี้ก่อตั้งมาจากมือของธีทัต เขาออกเงินและออกแรง ตอนนี้ ทั้งสองแยกทางกัน เธอไม่ต้องการทรัพย์สินของเขาแม้แต่น้อย
หลังจากทำเรื่องหย่าเสร็จ ญาธิดาก็รู้สึกโล่งอก เธอกับธีทัตเดินออกจากประตูสำนักงานทีละคน ยังไม่ทันได้กล่าวคำอำลา ธีทัตก็พูดขึ้นมาว่า “คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ” ญาธิดาหันกลับไปมองเขา ก่อนจะอ้าปาก แต่พูดอะไรไม่ออก
สุดท้าย เธอก็สูดหายใจเข้าลึก “ขอบคุณสำหรับการอยู่เคียงข้างและดูแลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขอบคุณมากค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็โค้งคำนับเขาเล็กน้อย
ถึงแม้วันนี้พวกเขาจะแตกหักกันแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยลังเลที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
บุญคุณนี้ เธอยังจำไว้ในใจ
เธอสบตาเขานิ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันไปก่อนนะคะ อีธานกับเอลล่ายังรอฉันอยู่ที่โรงแรม”
“รอเดี๋ยวก่อน”
ธีทัตก้าวไปข้างหน้า และเดินตามเธอไปทัน “ธิดา ผม…”
เขาพูดได้ครึ่งประโยค แต่เขากลับไม่รู้จะพูดอะไรอีก
ญาธิดาเหมือนจะเดาความคิดของเขาได้ แล้วพูดโดยไม่ลังเล “ธีทัต เรายังคงเป็นเพื่อนกันค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็เบือนหน้าหนี แล้วหันหลังเดินจากไป
หลังจากขึ้นแท็กซี่กลับไปที่โรงแรม ญาธิดาก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากทำเรื่องหย่าเสร็จ เธอก็รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกอิสระมากขึ้น
ถึงแม้อนาคตจะยังสับสน แต่กลับรู้สึกยินดีอย่างไม่คาดคิด
ไม่นานรถก็มาถึงโรงแรม ญาธิดาลากกระเป๋าของใช้ไปที่ลิฟต์แล้วตรงขึ้นไปที่ห้อง ใครจะไปรู้ว่ายังไม่ทันที่เธอจะออกจากลิฟต์ ยังยืนอยู่ในลิฟต์ เธอก็เห็นรถเข็นอยู่นอกประตู
มันเป็นเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้านในโรงแรม กำลังจอดอยู่หน้าประตูห้องของพวกเธอ
หัวใจของญาธิดาบีบแน่น เธอจึงก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และพุ่งไปข้างหน้า
ประตูห้องพักถูกเปิดออก เป็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดห้องจริงๆ
ญาธิดาตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูห้องของภวินท์ แล้วยกมือขึ้นมาเคาะประตู
แต่เคาะอยู่หลายครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ในเวลานี้เอง แม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดก็เดินออกมาจากห้อง แล้วบอกเธอด้วยน้ำเสียงใจดีว่า “ห้องนั้นไม่มีใครอยู่แล้วค่ะ ดิฉันเพิ่งทำความสะอาดไป”
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของญาธิดาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
อะไรนะ ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว แล้วพวกเขาไปไหนแล้ว!