ดวงใจภวินท์ - บทที่ 660 ถ้าเปลี่ยนเป็นพ่อแม่ของคุณล่ะ?
บทที่ 660 ถ้าเปลี่ยนเป็นพ่อแม่ของคุณล่ะ?
ตอนที่ญาธิดาได้รับคลิปวิดีโอ ก็เป็นช่วงบ่ายที่แดดกำลังจ้าแล้ว
เธอเพิ่งกล่อมลูกทั้งสองคนที่เพิ่งตื่นไปล้างหน้าด้วยน้ำเย็น จากนั้นโทรศัพท์ของเธอก็สั่นและเสียงข้อความเข้าสองสามข้อความ
เธอคิดว่ามันเป็นฟีดข่าวบันเทิงที่ไม่มีประโยชน์ แต่เธอก็หยิบมันขึ้นมาเหลือบมอง พอเธอเห็นข้อคความที่เกล้าแก้วส่งให้เธอ ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อไปทันที
เธอลังเลเล็กน้อย แล้วมองไปที่ห้องน้ำ เด็กน้อยทั้งสองคนกำลังล้างมือและใบหน้าอย่างเชื่อฟัง เธอแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหันไปอีกด้านหนึ่งก่อนจะคลิกข้อความ
ที่เป็นวิดีโอออกมา เธอกดเริ่ม และวิดีโอก็เริ่มเล่นทันที
ในคลิปเป็นภาพในห้องที่มีแสงสลัว ผู้หญิงผมยุ่งนอนอยู่บนเตียง ข้อมือและข้อเท้าถูกมัดเข้าด้วยกันจนขยับไม่ได้ จากนั้น ก็มีหญิงวัยกลางคนเดินเข้าไปพร้อมกับชามโจ๊ก แล้วยื่นมือของเธอออกไป บีบคางของหญิงสาวบนเตียงให้แยกออกจากกัน แล้วกรอกโจ๊กเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นต่อต้านและบิดตัวหนี แต่เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ ข้าวต้มล้นชาม ถูกหญิงวัยกลางคนรวบผมของเธอขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดราวกับกระดาษของหญิงสาว
หญิงสาวคนนั้นคือเกล้าแก้ว!
ร่างกายของญาธิดาสั่นเทาอย่างแรง ในขณะนี้ อุณหภูมิในร่างกายของเธอเย็นยะเยือกทันที มือและเท้าของเธอก็เย็นเฉียบ
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเกล้าแก้วจะถูกปฏิบัติแบบนี้ ด้วยวิธีการ และการกระทำแบบนี้ ถูกเลี้ยงเหมือนสัตว์ และถูกทารุณอย่างโหดร้าย!
ขนของญาธิดาลุกขึ้นทั้งตัว และก่อนที่เธอจะได้สติกลับมาจากความตื่นตระหนก โทรศัพท์ของเธอก็สั่นอีกสองสามครั้ง
ยังคงเป็นข้อความจากเกล้าแก้ว “เห็นเพื่อนที่แสนดีของคุณเป็นแบบนี้ คุณปวดใจไหม”
นี่มันไม่ใช่สไตล์การพูดของเกล้าแก้วแน่นอน!
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นได้เพียงอย่างเดียว ภูผา!
ญาธิดาตัวสั่นเทา เธอหายใจเข้าลึก และบังคับให้ตัวเองสงบอารมณ์และตอบกลับไปว่า “คุณต้องการอะไร”
หลังจากรออยู่สักพัก ข้อความก็ถูกส่งกลับอย่างรวดเร็ว คราวนี้เป็นที่อยู่ของร้านน้ำชา
วินาทีถัดมา ก็มีประโยคอื่นตามมา “มาคุยกัน”
ญาธิดารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึก ในใจสับสนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
สิ่งที่เธอไม่อยากเป็นห่วง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกล้าแก้วนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย แต่สุดท้ายแล้ว ภาพในวิดีโอก็วนเวียนอยู่ในใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนฝันร้าย ทำให้เธอต้องทนทุกข์ตลอดเวลา และรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณแม่ครับ/คะ!”
ในเวลานี้เอง เสียงของอีธานกับเอลล่าก็ดังขึ้น ปลุกญาธิดาออกมาจากภวังค์ความคิด เธอหายใจเข้าลึก แล้วมองทางอีธานกับเอลล่าด้วยสีหน้าแปลก ๆ และฝืนยกยิ้มให้พวกเขาพร้อมกับพูด ว่า “เด็กดี ไปดื่มน้ำผลไม้กันก่อนนะลูก แล้วค่อยไปอ่านหนังสือที่ห้อง”
เด็กน้อยทั้งสองเป็นเด็กดีและเชื่อฟังมาก พวกเขาพยักหน้า และเดินไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่พวกเขาจากไป ญาธิดาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิดอีกครั้ง ความหนาวเย็นและความกลัวปกคลุมหัวใจของเธอไว้แน่นหนา และเริ่มแพร่กระจายไปเรื่อยๆ
ถึงแม้เกล้าแก้วจะหักหลังเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่ายได้ หลังจากที่ดูวิดีโอ
อาจเป็นเพราะความสงสารที่เหลืออยู่ในใจของเธอ หรือความเห็นใจที่มีต่อเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง อารมณ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้ทำให้เธอไม่สามารถนั่งเฉยๆ ได้
แต่เพราะอีธานกับเอลล่ายังอยู่ที่บ้าน เธอจึงออกไปไหนไม่ได้ เธอจึงไม่พยายามปัดความคิดที่จะออกไปข้างนอกออก
พอเห็นเธอสวมหมวกและหน้ากาก ท่าทางของเธอก็ดูผิดปกติแปลกๆ ก่อนที่เธอจะออกไป ภวินท์ก็ถามขึ้นมาก่อน “คุณจะไปไหน”
ญาธิดามองกลับมาที่เขา แล้วพยายามทำท่าทีให้สงบนิ่งที่สุด “ไปซื้อของค่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา ฝากดูแลอีธานกับเอลล่าไว้ก่อนนะคะ”
ภวินท์ไม่ได้พูดอะไร เขายืนมองเธอเดินออกไป แต่ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมา
แต่ก่อนที่เขาจะคิดได้ ก็มีเสียง “ตึง ตึง” ดังมาจากห้องเด็ก เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินไปเช็กดู
ปรากฏว่าอีธานกับเอลล่ากำลังฝึกเต้นตามในโทรทัศน์ และหัวใจที่ห้อยอยู่ของเขาก็ถูกปล่อยลง แต่พอเด็กสองคนเห็นเขาก็วิ่งเข้ามาจับมือเขาเพื่อเล่นกับเขา ความสงสัยและความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลังไปชั่วคราว
พอมาถึงร้าน ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดครึ้ม ญาธิดาจอดรถไว้ที่ประตูร้านน้ำชา แล้วมองขึ้นไปที่ประตู ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเดินเข้าไป
ทันทีที่เธอเดินเข้าไป ก็มีคนทักทายเธอและทักทายอย่างเป็นกันเองกับญาธิดา “คุณญาธิดาหรือเปล่าคะ” และมีคนพาเธอขึ้นไปชั้นบนไปที่ห้องส่วนตัวทันที
พอมาถึงประตูห้องส่วนตัว พนักงานในชุดกี่เพ้าโบราณก็ผลักประตูเปิดออก และเชิญเธอเข้าไป ญาธิดาลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินเข้าไป
ภายในห้องส่วนตัวกว้างขวางมาก สิ่งแรกที่เธอเห็นคือฉากกั้นกลางห้องที่บังสายตาคนด้านนอก ตรงโต๊ะอาหารตรงหน้าเธอยังไม่มีคน เธอเดินไปรอบๆ ห้อง การจัดตกแต่งห้องที่ดูดี และภูผากำลังนั่งดื่มชาอยู่ข้างใน
พอเห็นมีคนเดินมา เขาก็วางถ้วยชาในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ญาธิดา ก่อนจะยิ้ม “มาแล้วเหรอครับ?”
น้ำเสียงของเขาดูสบายๆ และเหมือนสนิทสนมกับเธอมาก ซึ่งทำให้ญาธิดารู้สึกอึดอัดด
เธอนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเขาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วถามตรงประเด็น “ต้องทำยังไงคุณถึงยอมปล่อยเกล้าแก้วไป”
เธอมาที่นี่เพื่อเกล้าแก้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทักทายหรือแสดงท่าทีให้เกียรติ
คนที่มีหน้าเป็นคนแต่จิตใจเป็นสัตว์เดรัชฉานที่อยู่ตรงหน้าเธอ ในท้องของญาธิดาก็เต็มไปด้วยความโกรธ เธอไม่มีอารมณ์จะพูดกับเขามากไปกว่านี้แล้ว
พอภูผาเห็นเธอพูดแบบนี้ เขาก็รู้ดีอยู่ในใจ เขารินชาให้เธออย่างไม่รีบร้อนและพูดออกมาตรงๆ “ก็ไม่มีอะไรมาก ผมมีเรื่องจะให้คุณช่วยหน่อย”
ญาธิดาขมวดคิ้ว แล้วมองมาที่เขาก่อนจะถามว่า “ให้ช่วยอะไร?”
เธอไม่เชื่อว่าเขาแค่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ด้วยความสามารถและความเก่งกาจของเขา เขาทำอะไรเองจะง่ายและสำเร็จเร็วกว่า
“ช่วยผมเอาเนื้อหาในแฟลชไดรฟ์นี้ลงในคอมพิวเตอร์”
ภูผาพูดออกมาพร้อมกับยื่นแฟลชไดรฟ์สีเงินขนาดเล็กเท่านิ้วมือของเขาออกมา และค่อยๆ วางไว้ตรงหน้าเธอ
ญาธิดาก้มหน้าลงไปมอง แทนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอกลับถามออกมาอย่างเย็นชาว่า “ใส่ที่คอมพิวเตอร์เครื่องไหน”
ถ้าเพียงแค่เอาเนื้อหาในแฟลชไดรฟ์ลงในคอมพิวเตอร์ มันเป็นไปไม่ได้ที่ภูผาจะต้องเสียเวลาติดต่อหาเธอเพราะเรื่องง่ายดายแบบนี้
ดังนั้นคอมพิวเตอร์เครื่องไหนเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด
และแน่นอนว่า ภูผาเงยหน้าขึ้นมอง และพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คอมพิวเตอร์ส่วนตัวของภวินท์”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็หมุนแฟลชไดรฟ์ในมือเล่น แล้วพูดว่า “เนื้อหาที่นี่เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลถิรานนท์ล้มละลายลงได้”
จู่ๆ เขาก็นิ่งเงียบ และสังเกตทุกอาการบนใบหน้าของเธอ เธอถามกลับไปว่า “คุณคิดว่าฉันจะยอมตกลงเหรอ”
ภูผาค่อนข้างมั่นใจว่า “คุณจะทำแน่ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาที่นี่”
พอได้ยินสิ่งที่เขาพูด ญาธิดาก็ยิ่งรู้สึกไร้สาระมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอนิ่งเงียบ และพูดออกมาทีละคำ “ถึงจะเพื่อเกล้าแก้ว ฉันก็ไม่ต้องทำถึงขนาดทรยศ STN”
ภูผามองหน้าเธอยิ้มๆ “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณกับภวินท์จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมากขนาดนี้”
เห็นได้ชัดว่าญาธิดาไม่มีความอดทนที่จะพูดคุยกับเขาต่อ เธอลุกขึ้นยืน และสูดหายใจเข้าลึก “ดูเหมือนว่าวันนี้ฉันจะคิดผิดมากที่มาที่นี่”
พอพูดอย่างนั้น เธอก็ยกขาขึ้นพร้อมกับเดินไปทางประตู แต่ในเวลานี้เอง ภูผาก็เรียกหยุดเธอไว้ “เดี๋ยวก่อนสิครับ!”
ญาธิดาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เธอยังคงเดินตรงไปที่ประตู จากนั้น เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เกล้าแก้วไม่คุ้มค่าที่จะให้คุณไปทำ แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นพ่อแม่ของคุณล่ะ?”
คำพูดนี้ เหมือนหนามพิษที่แทงเข้าไปในหัวใจของญาธิดา ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปทันที เธอหยุดเดิน แต่ไม่ได้มองย้อนกลับไป
เธอไม่ทันได้หันกลับมาถามอะไร ก็ได้ยินเขาพูดต่อว่า “ครั้งนี้ผมเตรียมทัวร์ยุโรปเพื่อพวกเขาเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชอบมากเลยนะครับ!”