ดวงใจภวินท์ - บทที่ 666 จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่ตอนนี้แล้ว
บทที่ 666 จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่ตอนนี้แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ญาธิดาทำเรื่องแบบนี้ แถมภวินท์ก็อยู่ห่างเธอแค่ไม่ถึงห้าเมตร เธอประหม่าจนศอกเผลอไปโดนแฟ้มที่อยู่ข้างโต๊ะหล่นลงพื้นดัง “ตุ๊บ!” อย่างไม่ทันตั้งตัว
ทันใดนั้นความเงียบสงบจนผิดปกติก็เข้าปกคลุม สองวินาทีต่อมา ญาธิดารวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองไปทางภวินท์ และภวินท์กำลังมองเธออยู่พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
ญาธิดาฝืนยิ้ม ก้มลงไปหยิบแฟ้มที่พื้น แล้วพูดขอโทษ “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
พูดจบเธอก็วางแฟ้มกลับเข้าที่เดิม สายตามองคอมพิวเตอร์อีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแสร้งทำเป็นสงบ
ขณะเดียวกัน ภูผาที่เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของที่นี่แบบเรียลไทม์ พอเห็นฉากนี้เข้าก็ถึงกับกระตุกริมฝีปากยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ไร้ประโยชน์”
เขานึกว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าได้กล้าเสียมากกว่านี้ ได้ยินมาว่าตอนเผชิญหน้ากับสิงโตเธอไม่สะดุ้ง ไม่ตื่นกลัวเลยสักนิด เขานึกว่าเธอจะกล้าหาญ จะแน่วแน่มากแค่ไหนกันเชียว ตอนนี้แค่ให้เธอเอาข้อมูลในแฟลชไดร์ฟใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ เธอยังรู้สึกผิดมากขนาดนี้เลย
หลังจากครุ่นคิดไปมา ดวงตาของเขาก็จดจ่อมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง กล้องวงจรปิดอยู่ตรงหัวมุม ซึ่งก็คือมุมเฉียงจากด้านหลังของญาธิดา พอจะมองเห็นหน้าจอบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่มันก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ภาพบนหน้าจอคือภวินท์กำลังจะรับโทรศัพท์ เขาลุกขึ้นเดินออกไปอีกฝั่งเพื่อรับสาย ทันใดนั้นญาธิดาซึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์รีบเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ซ่อนอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบกดเปิดและย้ายข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์
แถบแสดงความคืบหน้าแสดงเปอร์เซ็นต์การดาวน์โหลดปรากฏขึ้นบนหน้าจอ สีเขียวค่อย ๆ กลืนกินสีเทาอย่างช้า ๆ ญาธิดานั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่กะพริบ ส่วนทางด้านภูผาก็กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน
จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่ตอนนี้แล้ว!
แถบแสดงความคืบหน้าแสดงเปอร์เซ็นต์การดาวน์โหลดปรากฏขึ้นบนหน้าจอ สีเขียวค่อย ๆ กลืนกินสีเทาอย่างช้า ๆ ญาธิดานั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่กะพริบ ส่วนทางด้านภูผาก็กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าภวินท์จะโทรศัพท์เสร็จแล้ว เขากดวางสายแล้วเดินตรงมาทางนี้อย่างกะทันหัน ทำเอาญาธิดาตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
เธอพยายามจะไม่แสดงอาการประหม่าอย่างเต็มที่ มือที่ถือเมาส์กดเปิดเอกสารอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มกดแป้นพิมพ์แกล้งทำเป็นว่ากำลังเขียนแผนงาน
ภวินท์เดินเข้าไปข้างเธอ เอื้อมมือเข้ามาหยิบเอกสารบนโต๊ะ หลังจากพลิกอ่านสองหน้า เขาก็ค่อย ๆ หันตัวกลับแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกอีกครั้ง
บรรยากาศแสนตึกเครียดผ่อนคลายลงทันที ญาธิดาแอบโล่งใจ ก่อนจะกดออกจากเอกสารไปดูความคืบหน้า ตอนนี้ไฟล์ดาวน์โหลดไปมากกว่าครึ่งแล้ว
ในขณะเดียวกัน ภูผาที่อยู่อีกด้านของหน้าจอก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกมากเหมือนกัน ก่อนจะยกมือขึ้นปลดกระดุมคอเสื้อพร้อมกับหันมองครามแล้วยิ้มเบา ๆ “สำเร็จก็เพราะเธอ แพ้ก็เพราะเธอ ภวินท์คงคิดไม่ถึงแน่ว่าคนที่ทำให้เขาล้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะเป็นผู้หญิงแค่คนเดียว”
ครามลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “คุณชาย เรื่องนี้คุณมั่นใจไหมว่าจะสำเร็จ?”
พอได้ยินแบบนั้น ภูผาก็เหลือบมองไปที่หน้าจอดูแถบความคืบหน้าบนคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวทั้งหมดแล้ว การดาวน์โหลดเสร็จสมบูรณ์ เขากระตุกยิ้มและพูดว่า “เก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
ครามพูดอย่างลังเล “แค่กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะเล่นแง่”
“เธอกล้า?” ภูผายิ้มเยาะ “ผู้หญิงแบบนี้แค่จับไพ่ตายได้ เธอก็แพ้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว จุดอ่อนของเธอ ไม่มีอะไรมากไปกว่าลูกสองคนกับคนแก่ที่บ้านสองคนของเธอ ต่อให้เธอคิดอยากจะเล่นแง่ เธอก็ต้องคิดถึงสองเฒ่าชราสองคนในมือของเรา”
คราวนี้ครามไม่ได้คัดค้าน
ภูผาได้สติและเห็นว่าญาธิดาแอบถอดแฟลชไดร์ฟออกมาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเขียนแผนงานต่อไปอย่างไม่ส่งเสียง เขายิ้ม ก่อนจะปิดจอกล้องวงจรปิด
ที่เหลือเขาไม่สนใจอะไรแล้ว
ขณะที่กำลังครุ่นคิดเขาก็หันไปมองครามที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ทางนั้นเตรียมตัวเป็นยังไงบ้าง?”
ครามรายงานด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณชายวางใจได้ ทุกอย่างเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว ขอเพียงแค่ทางด้านนี้โอเคแล้ว ผมจะให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นสาธารณะทันที ประกอบกับการปรับนโยบายล่าสุด ต้องมีผลกระทบที่คาดไม่ถึงแน่นอน”
พอได้ยินแบบนี้ภูผาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที หลังจากที่รอมานานหลายปีเขาอยากจะเห็นผลสุดท้ายจนแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นภวินท์จะตื่นเต้นเหมือนกันกับเขาไหมนะ?
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ญาธิดาก็ปริ๊นแผนงานที่แก้ไขเสร็จเรียบร้อยออกมายื่นให้ภวินท์ดู และแอบโล่งใจในขณะเดียวกัน
สิ่งที่เธอแสดงออกไปตอนอยู่โต๊ะทำงานเมื่อกี้คงจะไม่ได้ความแตกหรอกนะ?
พอคิดแบบนี้แล้วเธอก็แอบประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้ฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ แผ่นหลังร้อนผ่าว แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
ทันใดนั้น ภวินท์ก็ปิดเอกสารแผนงานที่เขากำลังพลิกดูอยู่ในมือและเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เขียนได้ไม่เลว แนวคิดดีมาก เดี๋ยวฉันจะให้ฝ่ายวางแผนเอาไปทำให้สมบูรณ์กว่านี้ จากนั้นจะส่งไปให้ฝ่ายที่ทำความร่วมมือตรวจดูอีกที”
พอได้ยินแบบนั้น ญาธิดาก็ต้องแปลกใจขึ้นมาทันที และเซอร์ไพรส์มากในขณะเดียวกัน เมื่อกี้เธอก็แค่อยากจะแสร้งทำทีไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเขียนได้ไม่เลว
พอเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของหญิงสาว ภวินท์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางมองเธอด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไว้อีกสักระยะ รอให้ทุกอย่างคลี่คลาย เธอจะกลับมาทำงานที่ STNไหม?”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้จริงจังเหมือนเมื่อก่อน แต่แอบติดตลกเล็กน้อยเหมือนกำลังล้อเล่น ญาธิดาอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะได้สติ และพูดตอบเบา ๆ ว่า “ล้อเล่นอะไรเนี่ย?”
“ใครล้อเล่นล่ะ?” ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ต่อไปจะให้ฉันหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวคนเดียวเหรอ? ไม่ยุติธรรม”
เขาพูดเป็นธรรมชาติมากราวกับว่าพวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้วยังไงอย่างนั้น ญาธิดาอึ้งไปสองวินาที ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบ ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็ดูจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “คุณพูดไร้สาระอะไรเนี่ย?”
ภวินท์ไม่โกรธแต่กลับยิ้ม เขาค่อย ๆ เก็บกล่องอาหารกลางวันและเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วพูดว่า “อาหารมื้อนี้ฉันพอใจมาก พรุ่งนี้ฉันอยากกินซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน”
ญาธิดาอึ้งไป
นี่พวกเขากำลังเถียงกันอยู่แท้ ๆ ผู้ชายคนนี้กลับเปลี่ยนหัวข้อเอาซะดื้อ ๆ แถมยังสั่งอาหารสำหรับวันพรุ่งนี้อีก เธอโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ และได้แต่หยิบกล่องอาหารกลางวันมาเก็บอย่างเคือง ๆ พลางแสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า “พรุ่งนี้คุณยังอยากกินอาหารฝีมือฉันอีก? ฝันไปเถอะ!”
พูดจบ เธอก็รีบเดินออกไปจากห้องท่านประธานทันที ก่อนจะปิดประตูลง
ประตูปิดเสียงดัง “ปัง” วินาทีที่ประตูปิดลง ญาธิดาเดินออกไปข้างหน้าสองสามก้าว ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่โกรธ แถมยังกระตุกยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าเธอกับภวินท์จะเถียงกันตลอด แต่เธอกลับรู้สึกว่าแบบนี้เพิ่มความสนุกและน่าสนใจให้กับชีวิตมากอยู่ไม่น้อย เว้นแต่…เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
เพียงหนึ่งวินาทีสติของเธอก็กลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง ญาธิดาสีหน้าจริงจังขึ้นมาก มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวเริ่มกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว และเริ่มรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอทำไปมันจะได้ผลหรือเปล่า
แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอจะไม่เคยหลุดพ้นจากการเฝ้าระวังของภูผาเลย ทันทีที่เท้าของเธอก้าวออกจากประตูของ STN Group วินาทีต่อมา โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาทันที
ญาธิดาสะดุ้ง หยิบโทรศัพท์ออกมาดู สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นอักขระที่อ่านไม่ออก ซึ่งมันคือสายที่โทรเข้ามาจากภูผา
เธอทำเป็นนิ่งและกดปุ่มรับสาย ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฮัลโหล?”
ปลายสายมีเสียงผู้ชายที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “เรียบร้อยแล้ว?”