ดวงใจภวินท์ - บทที่ 671 ต้องพ่ายแพ้แน่นอน
ภวินท์นิ่งสงบมาก เขาไม่มีท่าทีแปลกใจเลยสักนิด ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว ทางด้านญาธิดาก็มองมาทางเขาด้วยสายตาเฉยเมยเช่นเดียวกัน
เมื่อรู้สึกได้ว่าการแสดงฉากนี้ไม่ได้น่าตื่นเต้นอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้ ภูผาลูบจมูกไปมา ก่อนจะกางมือออกและถามต่อไปว่า “หรือมัน…ไม่น่าตื่นเต้นเหรอ?”
จู่ ๆ ญาธิดาก็ถามขึ้นว่า “แล้วถ้าเรื่องราวทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่นายคาดไว้ล่ะ? หรืออาจจะเกิดผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามขึ้นมาล่ะ?”
“ตรงกันข้าม?” ภูผาแค่นหัวเราะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีทางหรอก”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงของภวินท์ก็ดังขึ้นมา “คงต้องทำให้แกผิดหวังแล้วล่ะ เพราะทุกอย่างที่แกพูดมาเมื่อกี้มันเป็นแค่เรื่องสมมติ แต่ในความเป็นจริงจะไม่เป็นไปตามบทที่แกวางเอาไว้”
สีหน้าของภูผาเริ่มจริงจังและเคร่งขรึม และรีบปฏิเสธคำพูดของพวกเขาทันที “จะเป็นไปได้ยังไง! ภวินท์ แกอ่างหลงตัวเองเกินไปหน่อยเลย!”
“ในอดีตทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับแก! ทั้งในตระกูลสถิรานนท์ ในบริษัท แกเปล่งประกาย เป็นตัวของตัวเอง แต่เรื่องนี้! ผลลัพธ์สุดท้ายฉันจะต้องเป็นคนตัดสินมัน!”
เขาเดินเข้าไปหาภวินท์ ไล่บี้ไปจนเข้าใกล้รถเข็นของเขา แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและเกลียดชัง และพูดด้วยความโกรธว่า “ภวินท์ แกต้องพ่ายแพ้แน่นอน!”
ภวินท์ไม่มีท่าทีตื่นกลัว และเงยหน้าขึ้นมองเขาช้า ๆ “จริงเหรอ?”
ภูผาขยับริมฝีปาก ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาทางด้านญาธิดาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ภูผา ไม่ว่านายจะคิดแล้วคิดอีกยังไงก็คงจะคิดไม่ถึงใช่ไหมว่ามันจะผิดพลาดตรงส่วนของฉัน? วันนั้นสิ่งที่ฉันใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ไม่ใช้สิ่งที่นายให้ฉันมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้นภูผาตัวแข็งทื่อ เขายืนนิ่งอยู่กับที่นานกว่าพักใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เป็นไปไม่ได้”
ญาธิดากระตุกมุมปากยิ้ม แล้วพูดทีละคำว่า “ฉันเปลี่ยนแฟลชไดร์ฟที่นายให้ฉันมา และสิ่งที่ฉันใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ก็เป็นแค่ไฟล์การ์ตูนที่มีขนาดข้อมูลเท่ากันกับในแฟลชไดร์ฟก็เท่านั้น เกรงว่าทีมตรวจสอบครั้งนี้คงจะต้องกลับบ้านมือเปล่าแล้วล่ะ”
บรรยากาศเงียบสนิท ตอนนี้ภูผายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลายต่อหลายครั้ง เริ่มจากความสงสัยไปจนถึงความโกรธ สุดท้ายเขาก็กัดฟันแน่นพลางจ้องญาธิดาตาเขม็ง “แกกล้าดียังไง!”
สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย “พ่อแม่ของแกยังอยู่ในมือฉัน ทำไมแกถึงกล้า!”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของครามก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมากดรับสายเพียงไม่นานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และรีบรายงานให้ภูผารู้ทันที “คุณชาย แย่แล้วครับ คนของเราคลาดสายตากับคู่สองสามีภรรยาคู่นั้นแล้วครับ!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของภูผาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ความโกรธอันมหึมาปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา มาถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่าตัวเองถูกพวกเขาวางแผนเล่นงานซะแล้ว!
เขามองไปทางญาธิดา ก่อนจะมองไปทางภวินท์ สีหน้าของพวกเขานิ่งสงบมาก ไม่มีท่าทีตกใจกระวนกระวายเลยสักนิด ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะสมรู้ร่วมคิดกันแต่แรกแล้ว!
ภวินท์ก็พูดขึ้นว่า “ภูผา เมื่อเดินบนเส้นทางที่มันผิดมากเกินไป ย่อมได้รับบทลงโทษเสมอ”
อันที่จริงนับตั้งแต่กลางดึกคืนนั้นที่เขากับญาธิดานอนไม่หลับและบังเอิญเจอกันที่ริมระเบียง ญาธิดาได้บอกเรื่องทั้งหมดกับภวินท์หมดแล้ว และวันนั้นที่ต้องแอบเสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปตอนอยู่ในห้องทำงานก็เป็นเพียงแค่ฉากละครที่พวกเขาจัดฉากหลอกภูผาเท่านั้น
เมื่อภูผาได้สติ ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาส่ายหัวไปมาพลางพึมพำกับตัวเอง “เป็นไปไม่ได้…”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาหันไปหาครามด้วยสายตาคมกริบ ครามเข้าใจความหมายของเขาทันทีและรีบขยับตัวเข้าไปใกล้ญาธิดาอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะรู้สึกตัว ครามก็ขยับเข้าไปประชิดตัวของญาธิดา กระชากไหล่ของเธอเข้ามาใกล้แล้วใช้ท่อนแขนโอบรัดรอบคอเธอ
ภวินท์แววตาเคร่งขรึม ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “หยุดนะ!”
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ญาธิดาถูกครามรัดคอจากทางด้านหลัง ความรู้สึกถูกบีบรัดเกิดขึ้นในทันที
ตอนนี้เกมของภูผาพังแล้ว เขากลายเป็นหมาจนตรอกอย่างไม่ต้องอธิบายให้มาก
ญาธิดากัดฟันแน่น แม้ว่าคอของเธอจะถูกรัดไว้ แต่มือของเธอยังสามารถขยับได้อยู่บ้าง เธอเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ พยายามเอื้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเธอ
ทางด้านภูผายิ้มเยาะ มองญาธิดาที่ถูกครามคุมตัวเอาไว้ เขาหันไปมองภวินท์ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง และพูดขึ้นว่า “ภวินท์ ฉันบอกไว้ก่อนว่าอย่าหุนหันพลันแล่น! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเธอทิ้งซะ!”
ทันใดนั้น บรรยากาศก็ตึงเครียด ความวิตกกังวลเข้าปกคลุม ใบหน้าของภวินท์โกรธจนเขียวปั๊ด ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปแท้ ๆ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดอย่างกะทันหันนี้ทำให้โชคเอนเอียงไปข้างภูผาอีกแล้ว
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึม เขานั่งอยู่บนรถเข็น มือที่จับอยู่บนที่จับของรถค่อย ๆ กำแน่น หัวใจของเขาจมดิ่ง อยากจะเอื้อมมือไปดึงผ้าคลุมขาออก แล้วพุ่งเข้าไปดวลกับภูผาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทันใดนั้นก็มีเสียง “ตุบ” ดังขึ้นมาจากทางฝั่งของญาธิดากับคราม
การเคลื่อนไหวนั้นดึงดูดความสนใจของทุกคน เมื่อพวกเขาหันไปมองก็พบว่าครามล้มลงไปนอนกับพื้น และญาธิดาก็ถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ เธอรีบขยับหลบออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของภูผาเคร่งขรึม เขารู้สึกตัวในทันทีว่าครามถูกเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตจนสลบไปแล้ว!
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนลมหายใจขึ้นมาจุกในลำคอ เขาโกรธจนตัวสั่นสะท้าน
พระเจ้าช่างเล่นตลก เอาแต่ทำลายความหวังของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า! บีบบังคับให้เขาต้องหมดหนทาง!
เขากำหมัดแน่นมองดูญาธิดาวิ่งเข้าไปหาภวินท์ แต่กลับทำอะไรไม่ได้
ตอนนี้ต่อให้เขาวิ่งไล่ตามเธอทันมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ไม่ต้องพูดถึงภวินท์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นลุกไม่ได้ เพราะแค่พายุคนเดียวกับเครื่องช็อตไฟฟ้าที่อยู่ในมือของญาธิดา เขาแค่คนเดียวก็สู้ไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นดังมาจากท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์เคลื่อนตัวลงมาช้า ๆ ใบพัดหมุนอย่างแรงและรวดเร็ว ทำให้บริเวณโดยรอบมีลมพัดผ่านจนเสียงดังกึกก้องหนวกหู
ทันใดนั้นภวินท์ก็เห็นประตูเปิดออกเขาขมวดคิ้วแน่น “ภูผาคิดจะหนี!”
เมื่อพายุเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้นทันทีว่า “ผมจะไล่ตามไปเอง!”
วันนี้พวกเขาจะต้องเปิดโปงทุกอย่าง จะปล่อยภูผาหนีไปแบบนี้ไม่ได้!
ภวินท์ไม่พูดอะไร นัยน์ตาสีเข้มจ้องไปที่คนที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ เมื่อเห็นพายุกำลังสาวเท้าก้าวเข้าไปทางนั้น หัวใจของเขาก็บีบแน่น “กลับมา!”
คนบนเฮลิคอปเตอร์ไม่ธรรมดา ถ้าหากมีอาวุธอะไรติดมาด้วย พายุเข้าไปคนเดียวแบบนี้ย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน!
พายุชะงักฝีเท้า และหันกลับไปมองภูผาอย่างใจจดใจจ่อ “คุณภวินท์ โอกาสแบบนี้จะพลาดไม่ได้ สูญเสียไปแล้วมันไม่มีทางจะได้กลับคืนมาอีกนะครับ!”
ภวินท์เข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี แต่เขาก็รู้ว่าถ้าหากพายุวิ่งเขาไปอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้!
ทันใดนั้นภูผาก็ถูกกระแสลมผลักให้เขาไปใกล้เฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีชายที่แต่งกายด้วยอุปกรณ์ครบครันกระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ คว้าตัวภูผาขึ้นเครื่องไป
เสียงปิดประตูดัง “ปัง” ในไม่ช้าเฮลิคอปเตอร์ก็เคลื่อนตัวขึ้น
กระแสลมทำให้อากาศโดยรอบปั่นป่วน พัดจนเส้นผมของญาธิดายุ่งเหยิง เธอยืนมองภูผาหนีไป โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย!
ภูผาเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว! พวกเขาคิดไม่ถึงว่าภูผาจะเตรียมทางออกแบบนี้เอาไว้ให้ตัวเองด้วย! หนทางหลบหนีเพียงหนทางเดียว ที่แม้แต่นิวรากับครามเขาก็ไม่สนใจเลยสักนิด!
เมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นและเคลื่อนตัวจากไป ทุกคนต่างเงียบไปตาม ๆ กัน
ตราบใดที่ยังจับภูผาไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีวันไหนสงบสุข!