ดวงใจภวินท์ - บทที่ 679 คุณอยากรนหาที่ตาย
บทที่ 679 คุณอยากรนหาที่ตาย!
สักพัก พวกเขาก็รู้สึกถึงความเป็นหลุมเป็นบ่อของถนน ร่างกายสั่นโยกเยก รบกวนจนคนยิ่งรู้สึกพะวง
หลังจากขับมาได้สักพัก มองออกไปนอกหน้าต่าง พวกเขาเห็นผืนป่าข้างทาง และด้านหลังผืนป่าที่อยู่ไม่ไกล เป็นกำแพงซีเมนต์ต่ำๆ ตั้งอยู่ ซึ่งเมื่อมองไปจะดูเหมือนกับอาคารโรงงาน
สัญชาตญาณบอกกับพวกเขาว่า ตรงนั้นก็คือโรงงานอิเล็กทรอนิกส์X
นัยน์ตาของภวินท์มืดมนลง แล้วกล่าวเตือนด้วยเสียงเบาๆ “นั่งลง”
ขณะที่พูด เขาเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว ขับมุ่งไปทางนั้น ตัวรถสั่นโยกเยก ความสนใจของญาธิดาล้วนอยู่ที่โรงงานตรงนั้นทั้งหมด หัวใจเต้นเร็วมาก
รถขับเข้าสู่ผืนป่าด้วยความเร็ว และกำลังมุ่งไปสู่ด้านหน้า ทันใดนั้นมีเสียงดัง “แคร๊กๆ!” และก็ตามมาด้วยเสียงบางอย่างกระแทกเข้ามาที่ตัวรถ
ญาธิดาตกใจ ยังไม่ทันได้ดึงสติ ก็ได้ยินเสียงภวินท์เอ่ยขึ้น “มีกับดัก!”
“อะไรนะ”
ญาธิดาตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่สติก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอตั้งสติเสร็จ คนที่สามารถวางกับดักตรงนี้ จะต้องเป็นคนของภูผาอย่างแน่นอน! นี่เขาต้องการจะฆ่าพวกเขา!
และในเวลานี้ ก็ได้ยินเสียงดัง “แคร๊กๆ!” “ปัง ๆ ปัง!” เสียงลูกกระสุนพุ่งมาจากทุกทิศทุกทางมาที่ตัวรถอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ทะลุตัวรถแต่อย่างใด แต่ฝังอยู่ในตัวรถ
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น เขามองไปด้านหน้า แล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “จับแน่นๆ!”
วินาทีที่สิ้นสุดเสียง เขาจับพวงมาลัยแล้วหักอย่างกะทันหัน ตัวรถก็หันหัวอย่างรวดเร็ว และเบี่ยงออกไปจากเส้นทางเดิม ในขณะเดียวกันก็เหยียบคันเร่ง วิ่งอุตลุดอยู่ในป่า
ภูผาจะต้องคาดเดาไว้เนิ่นๆ แล้ว ว่าพวกเขาจะต้องผ่านเส้นทางนี้ เพราะถ้าต้องการไปที่โรงงาน ผ่านทะลุผืนป่านี้คืนเส้นทางที่ใกล้ที่สุด และต้นไม้ในป่าก็เบาบาง ซึ่งสะดวกสำหรับการเดินรถยนต์ดังนั้นเขาจึงจงใจให้คนรอพวกเขาอยู่ที่นี่ และยังไม่รีรอที่จะใช้อาวุธอีก ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ!
วินาทีที่สิ้นสุดเสียง เขาจับพวงมาลัยแล้วหักอย่างกะทันหัน ตัวรถก็หันหัวอย่างรวดเร็ว และเบี่ยงออกไปจากเส้นทางเดิม ในขณะเดียวกันก็เหยียบคันเร่ง วิ่งอุตลุดอยู่ในป่า
ภวินท์กัดฟัน จับพวงมาลัยแล้วขับพุ่งฝ่าไปโดยไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ จู่ๆ ก็ทะลุไปด้านหลังพุ่มไม้!
รถก็หยุดในบัดดล ญาธิดารู้สึกเพียงว่าโลกใบนี้ช่างเงียบสงัดมาก สมองของเธอว่างเปล่า สองใบหูมีเสียงดังหึ่งๆ
ภวินท์เห็นดังนั้น ขมวดคิ้วขึ้น แล้วเรียกเธอ “ญาธิดา!”
เห็นเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาจึงลนลาน รีบยื่นมือมาเขย่าเธอ
ญาธิดาตัวสั่นสะท้าน และดึงสติกลับทันที สายตาจดจ่อ เมื่อเห็นภวินท์อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “เขาต้องการฆ่าพวกเรา……”
ภวินท์หยุดชะงัก ในที่สุดก็พยักหน้าอย่างจริงจัง เขาค่อยๆ จับข้อมือของญาธิดาไว้แน่น ใต้ดวงตาใจเย็นและหนักแน่น
“ธิดา ฟังฉันนะ เธอลงจากรถเดี๋ยวนี้ ไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ไม่ต้องเป็นห่วง ขอเพียงเธอไม่ขยับไปไหน พวกเขาก็จะหาเธอไม่เจอ ฉันจะขับรถไปที่อาคารโรงงาน เธอรอหลุยส์อยู่ด้านนอก แล้วมารับฉัน เข้าใจไหม”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น จึงส่ายหน้าอย่างมึนงง น้ำตาไหลพราก “ไม่ได้ ฉันจะเขาไปพร้อมกับคุณ……”
ภวินท์ขมวดคิ้ว กดเสียงต่ำแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “เธอดูไม่ออกเหรอ ว่าระหว่างทางนั้นภูผาต้องการฆ่าพวกเรา เขาไม่ได้สนใจแล้วว่าพวกเราจะไปกันกี่คน เธอรอหลุยส์อยู่ด้านนอก นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด! รถคันนี้ใช้วัสดุพิเศษ กันกระสุน เธอวางใจได้ ฉันสามารถดูแลตัวเองให้ปลอดภัยได้!”
ญาธิดาจมูกคัด ตัวเย็นไปทั่วร่าง
ในใจของเธอเข้าใจอย่างดี เวลานี้เธอไม่สามารถที่จะขอร้องให้เขายอมให้ตัวเองไปกับเขาได้ เขาพาเธอไปด้วย รังแต่จะเป็นภาระ
“ที่นี่อยู่นานไม่ได้ มิเช่นนั้นคนที่อยู่ในป่าจะสงสัยได้!” ภวินท์กล่าวอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรวดเร็ว “ทำตามผม พวกเราถึงจะมีโอกาสพลิกผันได้”
ญาธิดากัดฟัน ข่มความกังวลและความเศร้าในใจไว้ พยักหน้าพร้อมน้ำตา “ฉันจะรอรับคุณอยู่ด้านนอก”
กล่าวจบ เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถไป ก่อนปิดประตู อดไม่ได้ที่มองภวินท์อีกครั้ง
ภวินท์ยกมุมยิ้มให้กับเธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงอย่างหนักแน่น “รอฉันกลับมา”
ประตูปิดลง รถแล่นออกไปราวกับถูกไฟฟ้าดูดก็ไม่ปาน คู่ดวงตาของญาธิดาคลอด้วยน้ำตา มองดูรถจากไป จิตใจสับสน ทั้งขมทั้งขื่น
เธอนั่งยองลงไปอย่างเชื่อฟัง ซ่อนตัวเองในหลังพุ่มไม้ โดยไม่แม้แต่จะขยับตัว แต่น้ำตากลับไหลออกมาอย่างเงียบๆ
หลายนาทีผ่านไป เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา แล้วค่อยๆ สงบสติลง
เวลานี้ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คืออดทนรอ รอให้คนในป่าแยกย้ายออกไป แล้วเธอค่อยไปรวมตัวกับพวกหลุยส์ที่อาคารโรงงาน ไปช่วยภวินท์อย่างทันท่วงที
ก่อนที่จะมานั้น พวกเขาได้ปรึกษากันแล้ว หลุยส์พาคนมารอยู่ที่บริเวณรอบๆ อาคารโรงงาน เมื่อได้เวลาแล้ว พวกเขาก็จะล้อมมาจากด้านนอก
แต่ว่าตอนนี้ ก่อนที่ภวินท์ยังไม่ได้เข้าไป พวกเขาจะบุ่มบ่ามไม่ได้
ญาธิดาบีบจมูก แล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า จากนั้นก็ส่งข้อความไปหาหลุยส์ อธิบายสิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองและภวินท์เมื่อสักครู่
มีเพียงวิธีนี้ ทางฝั่งหลุยส์ถึงจะเข้าใจสถานการณ์ และถึงจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้
รออยู่ประมาณสิบกว่านาที มีรถยนต์วิ่งผ่านไปบนถนนกว้างซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพุ่มไม้ เป็นรถสองคันที่มีลักษณะเหมือนกัน คันหนึ่งอยู่หน้า อีกคันอยู่หลัง แล่นผ่านป่าไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปทางโรงงาน
ไม่ต้องบอก ญาธิดาก็สามารถเดาออกได้ว่ารถสองคันนี้ เมื่อสักครู่น่าจะซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ และก็เป็นคนที่คอยซุ่มโจมตีเธอกับภวินท์!
เห็นพวกเขาขับมุ่งไปทางโรงงาน ญาธิดาก็สูดลมหายใจลึก ลุกยืนขึ้น และเดินไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว เธอเดินอยู่บนหญ้าและพุ่มไม้ ฝีเท้าสั้นบ้างยาวบ้าง ข้อเท้าเปล่าได้ถูกพืชพรรณต่างๆ ขีดข่วนจนเป็นแผลไปหมดแล้ว
แต่ว่าเธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด ต้องการแค่ไปถึงที่นั่นให้โดยเร็ว
เดินออกมาจากป่ามาถึงพื้นราบ เธอแทบจะวิ่งเหยาะๆ มุ่งไปใกล้ที่ประตูโรงงาน ใครจะไปรู้เดินมาได้เพียงระยะหนึ่ง จู่ๆ ก็มีคนล็อกตัวเธอจากด้านหลัง แล้วลากไปข้างๆ
ญาธิดาตกใจ แทบจะอ้าปากกัดมือคนผู้นั้น และในเวลานี้ เสียงที่คุ้นเคยลอยดังมา “ผมเอง! หลุยส์!”
ญาธิดาชะงัก รีบหันหน้าไปทันที และก็เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ด้านหลังเธอคือหลุยส์จริงๆ!
เธอดึงแขนของเขาออก ขมวดคิ้วเชิงตำหนิ “ทำอะไรของคุณ! ฉันคิดว่าเป็นคนร้ายเสียอีก!”
หลุยส์ขมวดคิ้วเช่นกัน “นี่คุณจะไปที่ประตูใหญ่แบบนี้เหรอ ผมว่าคุณคงจะอยากรนหาที่ตาย!”
ญาธิดาชะงักงัน หันหน้าไปมองทางประตูใหญ่ ถึงแม้หน้าประตูจะไม่มีคน แต่ในใจของเธอกลับเย็นวาบอย่างอธิบายไม่ถูก
ตรงนั้นจะต้องมีกับดักอย่างแน่นอน!
เธออ้าปากค้าง มองไปทางหลุยส์ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเขาทิ้งหนึ่งประโยคอย่างเย็นชา “ตามผมมา!”
ญาธิดาหมดคำจะพูด ทำได้เพียงเดินตามหลังเขา มุ่งเดินไปยังอาคารที่อยู่ข้างๆ
เห็นได้ชัดว่าตรงนั้นไม่ใช่โรงงานอิเล็กทรอนิกส์X ดูทรงแล้วน่าจะเป็นโรงงานอื่น ถือว่าเป็นอาคารที่อยู่ใกล้โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่สุดแล้ว ญาธิดาเดินตามหลุยส์เข้าไปใกล้ๆ ทันใดนั้นถึงได้เห็นว่ามีรถจำนวนไม่น้อยจอดอยู่ตรงหัวมุม และทุกคนอยู่ในสภาวะที่เตรียมพร้อม
คนเหล่านี้น่าจะเป็นคนที่เตรียมพร้อมจะไปล้อมโรงงานอิเล็กทรอนิกส์X ในอีกสักครู่ เมื่อเห็นพวกเขา ญาธิดาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
หยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วญาธิดาก็เงยหน้ามองหลุยส์ จากนั้นเอ่ยปากกล่าว “เขาเข้าไปแล้วเหรอ”
หลุยส์ตอบกลับอย่างใจเย็น “อืม เข้าไปได้สิบกว่านาทีแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็ตกอยู่ในความเงียบฉับพลัน ความสับสนกังวลเข้ามาปกคลุมหัวใจของเธอ