ดวงใจภวินท์ - บทที่ 680 เขายังอยู่ข้างใน
บทที่ 680 เขายังอยู่ข้างใน
โดยปกติแล้วก็เป็นเพียงเวลาสั้นๆ สิบนาที แต่ตอนนี้อาจจะคร่าชีวิตคนคนหนึ่งได้ สองมือของญาธิดาประสานจับกันแน่น กังวลจนแผ่นหลังซึมไปด้วยเหงื่อ
และในเวลานี้ จู่ๆ มีใครบางคนเดิมมุ่งมาทางหลุยส์ แล้วกล่าวรายงาน “มือปีนซุ่มยิงพร้อมแล้วครับ ได้เวลาแล้ว สามารถลงมือได้แล้วครับ!”
หลุยส์สีหน้าเคร่งขรึม เขาชะงักชั่วครู่ สักพักก็พยักหน้า “ลงมือ!”
ทันทีที่เขาออกคำสั่ง ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างก็ทำท่าขึ้น ขณะเดียวกัน รถที่จอดอยู่ตรงนั้นทั้งหมดก็ค่อยๆ สตาร์ทเครื่อง เรียงเป็นแถวหน้ากระดาน และเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังทิศทางของโรงงานอิเล็กทรอนิกส์X
ญาธิดาก้าวไปอย่างรวดเร็วสองสามก้าว มองรถเหล่านั้นเคลื่อนตัวไปล้อมรอบๆ โรงงานอิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ประตูใหญ่ของโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ได้เปิดออก มีรถขับออกมาจากด้านใน ได้ยินเพียงเสียงดัง “ปังๆ!” ขึ้น ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกัน
ญาธิดาเย็นวาบไปทั้งตัว อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้น ถึงว่าเมื่อสักครู่หลุยส์ไม่ยอมให้เธอเข้าไป ที่แท้ตรงนี้มีศัตรูรอซุ่มโจมตีอยู่! หากว่าเธอเดินเข้าไปคนเดียว เกรงว่าคงจะถูกยิงเป็นรูพรุนเหมือนกับกระชอนเป็นแน่
“ฉัน ฉันไปไหน”
จู่ๆ เธอนึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบหันมามองทางหลุยส์อย่างรวดเร็ว
หลุยส์ที่กำลังจะขึ้นรถ เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “ขึ้นรถ”
หลังจากที่ญาธิดาขึ้นรถไป หลุยส์เหลือบมองเธอแวบหนึ่งแล้วกล่าว “อีกสักครู่คนของเราจะเข้าไปเสริมกำลังวิน คุณรออยู่ด้านนอก รอฟังข่าวจากพวกผม! สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณคือปกป้องตัวเองให้ดี อย่าไปไหน เข้าใจไหม”
เขารีบกำชับเธอสองสามคำ ญาธิดาเองก็ไม่ได้พูดอะไร รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
ไม่ช้า รถก็มาจอดอยู่บริเวณข้างๆ ที่ห่างจากประตูใหญ่ห้าสิบเมตร ญาธิดาขับรถลงมา จากนั้นมองรถของหลุยส์วิ่งเข้าไปด้านในด้วยความเร็ว
นอกจากนี้ มีรถหลายคันที่ขับเรียงกันเป็นแถวมาขวางประตูใหญ่ไว้ คนที่อยู่บนรถนอกจากคนขับรถแล้วก็ได้ลงมาทั้งหมด ถืออาวุธ สีหน้าเคร่งขรึมจ้องไปทางประตูใหญ่
ญาธิดายืนอยู่ที่นั่นด้วยร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธออยู่ด้านนอกโดยไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้ยินเสียงปืนดังออกมาระยะๆ หัวใจของเธอก็บีบเกร็งและสั่นเทา
ทุกวินาทีที่รออยู่ด้านนอกช่างผ่านไปอย่างทรมาน เธอเดินไปมาอย่างกังวลใจ ความรู้สึกกลัวเข้ามาห่อหุ้มเธอทีละนิดทีละน้อย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว อาจจะเป็นครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง ญาธิดารู้สึกแต่เพียงว่าผ่านไปนานมาก จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับฝ่าออกมาจากด้านในด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็เบรกลงอยู่ข้างๆ กะทันหัน
ลูกน้องที่ถืออาวุธรีบล้อมรถคันนั้นอย่างรวดเร็ว และเล็งปีนไปที่ตัวรถอย่างระมัดระวัง ญาธิดามองอยู่ไกลๆ และกำมือแน่น
ประตูถูกผลักออก หลุยส์กระโดดลงจากรถก่อน เขายังอุ้มอะไรบางอย่างตรงที่หน้าอก จากนั้นกวาดมองกลุ่มคนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันเอง!”
กลุ่มคนเห็นว่าเป็นเขา จึงรีบเก็บปืนและก็กล่าวถามทันที “พี่หลุยส์! เป็นไงบ้าง!”
“ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า!”
หลุยส์เม้มปากไม่กล่าวอะไร ส่ายหน้าทีหนึ่ง แล้วกวาดสายตามองกลุ่มคน เมื่อเห็นเธอ สายตาก็หยุดและจับจ้องมาที่ตัวเธอ จากนั้นเดินก้าวเท้ายาวมาหาเธอ
เห็นที่หน้าอกของเขาอุ้มอะไรบางอย่าง เลือดบนตัวของญาธิดาก็ไหลพลุ่งพล่าน เธอเดินเซเข้าไปหาเขา เมื่อเห็นหน้าอกของเขาอย่างชัดเจนแล้ว ฉับพลันน้ำตาก็เอ่อไหลออกมา
“อีธาน!”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบรับอีธานที่สลบไร้สติมาจากอกของหลุยส์ จากนั้นกล่าวถามขึ้น “เขาเป็นอย่างไรบ้าง”
หลุยส์จึงตอบกลับ “น่าจะตกใจจนเป็นลมไป ผมพาคุณหมอมาด้วย เดี๋ยวให้คุณหมอตรวจดูคร่าวๆ”
ญาธิดาพยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองไปรอบๆ อีกครั้ง เห็นที่อ้อมแขนของพายุอุ้มเอลล่าเดินเข้ามา หัวใจของเธอถึงได้โล่งอกลง
เอลล่าไม่ได้หมดสติ แต่อาการไม่ค่อยสู้ดี เมื่อเธอเห็นญาธิดา ก็ขยับริมฝีปาก และเรียกขึ้นอย่างแผ่วเบา “แม่……”
ญาธิดากลั้นน้ำตาไว้ แล้วรีบกล่าวปลอบประโลม “เอลล่า ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราปลอดภัยเรา ไม่ต้องกลัวแล้ว!”
ขณะที่พูด เธอหันไปมองหลุยส์แล้วถามอย่างรวดเร็ว “คุณหมออยู่ไหน”
หลุยส์ชี้ไปทิศทางหนึ่ง “รถคันสุดท้าย”
ญาธิดาพยักหน้า กล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มุ่งไปยังรถคันนั้นพร้อมกับพายุทันที
ยี่สิบนาทีผ่านไป คุณหมอได้ตรวจให้กับสองหนูน้อยอย่างคร่าวๆ จัดการรักษารอยขีดข่วนตามผิวหนังชั้นนอก จากนั้นก็หันไปมองญาธิดาแล้วกล่าว “น่าจะไม่ได้เป็นอะไรมาก บาดแผลตามตัวไม่ใช่รอยบาดแผลใหม่ ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุรถยนต์ตอนนั้น สำหรับกระดูกหักหรือไม่ อวัยวะภายในได้รับกระทบกระเทือนหรือเปล่า ยังต้องไปตรวจดูอีกครั้งที่โรงพยาบาลครับ”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
คุณหมอกล่าวต่อ “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือให้พวกเขาพักผ่อนก่อน เมื่อตื่นขึ้นมาค่อยพาไปตรวจที่โรงพยาบาล อย่าได้พะวงมากเกินไป”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
ลูกแฝดต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ มีคุณหมอคอยอยู่ข้างๆ ญาธิดาเองก็เบาใจ เธอลงมาจากรถ เห็นพายุยืนอยู่ไม่ไกล หัวใจเต้น รีบเดินเข้าไปหา “สถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง นายเห็นภวินท์ไหม”
“หลังจากพวกเราเข้าไป ก็ได้ปะทะกับคนของภูผา จากนั้นก็เจออีธานกับเอลล่าด้านใน มีคนคอยเฝ้าพวกเขาไว้ ถูกพวกเราจัดการหมดแล้ว แต่ไม่เห็นคุณภวินท์กับภูผาครับ”
“อะไรนะ” ญาธิดาลนลานขึ้นทันใด “เกิดอะไรขึ้น”
พายุขมวดคิ้วแน่น ส่ายหน้าแล้วกล่าว “พวกเราก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ คนอื่นๆ ได้ตามหาอยู่ด้านใน ผมกับพี่หลุยส์จึงได้พาเด็กๆ ออกมาก่อน ตอนนี้ด้านในเป็นอย่างไรผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันครับ”
ได้ยินดังนั้น ญาธิดาอ้าปากค้าง ลำคอเกร็งแน่น พูดไม่ออก
ภวินท์กับภูผาคงจะไม่……
เมื่อเธอได้สติ จึงกัดริมฝีปากล่าง ฉับพลันความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตัว
เป็นไปไม่ได้! ภวินท์จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!
เธอสงบสติลง แล้วมองทางพายุ จากนั้นกล่าว “ฉันรู้แล้ว นายไปทำงานต่อเถอะ”
พายุพยักหน้า จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินจากไป
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม มองดูประตูใหญ่ของโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ รู้สึกมึนงงเล็กน้อยและหดหู่อยู่ครู่หนึ่ง ความกังวลต่างๆ ปกคลุมหัวใจของเธอ ทำให้ยากสำหรับเธอที่จะเรียกสติคืนมา
และในเวลานี้ มีรถคันหนึ่งพุ่งมาจากตรงป่าทางนู้น ด้วยความเร็วสูงและก็มุ่งหน้ามาทางญาธิดาอย่างฉับพลัน
ในเวลานี้ ญาธิดายืนอยู่ตรงนั้น สติจดจ่ออยู่ทางฝั่งโรงงาน แทบจะไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ
และในเวลานี้ มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “ญาธิดา!”
ญาธิดารู้สึกตัว และหันไปมอง เห็นพายุที่เดินออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ชี้ไปทางด้านหลังของเธออย่างตะลีตะลาน
เธอหันหลัง เห็นรถที่พุ่งมาทางเธอด้วยความเร็วสูง และชะงักอยู่กับที่ด้วยความมึนงง เท้าทั้งสองข้างที่ดูเหมือนจะขยับออกไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น
และเธอก็เห็นอย่างชัดเจน คนที่ขับรถนั้นคือนิวรา! เวลานี้ ใบหน้าเธอดูเหี้ยมเกรียม เห็นได้ชัดเจนว่าเหยียบสุดคันเร่ง มุ่งมาทางเธออย่างบ้าคลั่ง
เห็นได้ชัดว่าญาธิดาตกใจอย่างยิ่ง ไม่ทันได้ตั้งตัวที่จะทำการหลบ เวลานี้ได้ยินเพียงเสียงดัง “แคร๊ก” ดังขึ้น มีบางอย่างกระแทกยางรถ จนยางรถทะลุ และแบนลงทันที รถที่เดิมทีวิ่งด้วยความเร็วสูง เมื่อล้อยางรถเกิดแบนกะทันหัน ตัวรถจึงเซไปและเสียการควบคุม
และได้ยินเสียงดัง “แคร๊ก!” ขึ้นอีกสองสามครั้ง ยางล้อหลังก็แบนตามไปด้วย ตัวรถเสียการทรงตัว ทำให้รถพลิกคว่ำตลบบนถนน
สักพัก กลุ่มคนติดอาวุธก็เข้ารีบเข้าไปใกล้รถคันนั้น หนึ่งในนั้นได้เปิดประตูรถออก และลากนิวราที่โชกไปด้วยเลือดออกจากตัวรถ