ดวงใจภวินท์ - บทที่ 684 กลับไปไม่ได้แล้ว ( ภาค 2 )
( ภาค 2 ) บทที่ 684 กลับไปไม่ได้แล้ว
ธีทัตเดินออกมาจากลิฟต์ได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากห้องผู้ป่วยเป็นระยะๆ ฝีเท้าของเขาพลันชะงักงัน จากนั้นก็เดินตรงไปที่หน้าประตูห้องของภวินท์ด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ภายในห้องผ่านกระจกใส รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปเล็กน้อย หลังจากเคาะประตูเสร็จก็ไม่รอให้คนในห้องขานรับ เขาก็ผลักเปิดประตูเข้าไป
ญาธิดากำลังถูกเด็กทั้งสองคนโถมกอดใส่ภวินท์ เมื่อเห็นเขาก็นิ่งงัน ยังไม่ทันได้ผุดตัวลุกขึ้นมา ช่วงเอวก็ถูกภวินท์ออกแรงโอบล้อมเอาไว้
“คุณมาทำไม?” ภวินท์ส่งเสียง เมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าประตู นัยน์ตาพลันทอแววเย็นชา
เมื่อธีทัตเห็นพวกเขาอยู่ในท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม ปลายนิ้วก็กระตุกเกร็งเล็กน้อย สายตาอบอุ่นทอดมองมาที่ญาธิดา “ได้ยินมาว่าคุณบาดเจ็บ ผมก็เลยมาเยี่ยม”
“คุณธีทัตไม่ต้องเสียเวลามาใส่ใจหรอกครับ เธอสบายดี”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูด ภวินท์ก็ชิงเอ่ยขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเสียก่อน
ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ทำลายบรรยากาศมาคุภายในห้อง
เขากวาดสายตามองเบอร์โทรเข้า สีหน้าพลันเคร่งขรึม หยิบโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นจากเตียง ก้มลงจูบบนหน้าผากของเธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ จากนั้นถึงได้เดินเฉียดไหล่ธีทัตออกไปข้างนอก
เมื่อธีทัตเห็นภาพตรงหน้า แววตาพลันเยือกเย็น แต่เมื่อเขาหันไปมองญาธิดา บนใบหน้าก็กลับมาปรากฏแววอ่อนโยนอีกครั้ง
“ผมได้ยินเรื่องที่ภูผาทำแล้ว คุณกับลูกๆคงจะกลัวแย่ ผมย้ายของออกจากบ้านที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด ถ้าคุณกับลูกได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยจะได้ไม่ต้องระแวง ส่วนทางอเมริกา ผมช่วย……”
เขาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจะกอดเธอ แต่น่าเสียดายเขายังไม่ทันได้ทำอย่างนั้น ญาธิดาก็ก้าวถอยหลัง เพื่อให้เกิดระยะห่างที่แน่นอนระหว่างทั้งสอง
แขนของเขาค้างอยู่กลางอากาศอย่างเงอะงะ จากนั้นเสียงห่างเหินของญาธิดาก็ดังขึ้นมา “ขอบคุณที่คุณใส่ใจฉันมากขนาดนี้แต่ชีวิตหลังจากนี้ฉันวางแผนไว้แล้ว ดังนั้นอาจจะไม่ต้องใช้สิ่งที่คุณทำให้ก็ได้ค่ะ”
รอยยิ้มเอาใจบนใบหน้าของธีทัตค่อยๆแข็งค้าง จากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยนำเสียงร้อนรนว่า “ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า……”
“คุณลุง เราหาพ่อแท้ๆของเราเจอแล้วครับ” พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆเสียงใสของเอลล่าก็ดังขึ้นมา
คำว่า “คุณพ่อ” ที่เคยเรียกบัดนี้กลายเป็น “คุณลุง” ดวงตาของธีทัตพลานฉายแววมาดร้าย ยิ่งมองเด็กก้อนสองคนตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา
เขาทุ่มเทให้บ้านภูสิทธ์อุดมเป็นเวลาหกปีเต็ม แถมยังยอมเลี้ยงลูกคนอื่นอีกห้าปี สุดท้ายก็แพ้คนที่มีสายเลือดเดียวกันราบคาบ
เลือดข้นคนจางสินะ!
ไฟโทสะลุกโชนอยู่ในอกของเขาส อารมณ์ที่กดข่มไว้ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาเริ่มตีรวน
กระนั้นก็ยังคงหอบความหวังสุดท้ายเอาไว้ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงว่า “ระหว่างเรามันกลับไปไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองมาที่เขาอย่างไม่กะพริบตา ตอบกลับชัดๆทีละคำว่า “ฉันกับอันอันจะยังเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม พี่ชายของอันอันก็เหมือนพี่ชายของฉัน”
คำพูดง่ายๆ ขีดเส้นแบ่งเขาออกไปจากโลกของเธออย่างชัดเจน พร้อมกันนั้นก็เป็นการบอกนัยๆว่าไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
มือของธีทัตแนบอยู่ข้างลำตัวอย่างหมดแรง ความอึดอัดที่อดกลั้นมานานพลันพวยพุ่งออกมา เขาพยายามระงับความโกรธที่กำลังกู่ก้องอยู่ในใจเอาไว้ ฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ญาธิดารู้สึกได้ถึงความอึดอัดของเขา จึงพูดทำลายบรรยากาศว่า “ที่บริษัทคลาวด์น่าจะยังมีเรื่องสำคัญให้จัดการอีกมากมาย? ไม่มีคุณคอยนั่งคุมจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?”
ถึงยังไงภูผาก็ค่อนข้างมีอำนาจและอิทธิพลในเมือง J การที่เขาล้มในครั้งนี้ นอกจากSTN แล้วก็ยังมีบริษัทอีกหลายที่ได้รับผลกระทบไปด้วย และบริษัทคลาวด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ซึ่งเจตนาของเธอคือหวังดี แต่สำหรับธีทัตแล้วคำพูดนี้เหมือนเป็นคำพูดไล่แขกเสียมากกว่า
“ผมเข้าใจแล้ว…..” เขาไม่พูดอะไรอีก พาร่างกายเซื่องซึมของตัวเองเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
เมื่อเดินพ้นชั้นVIP คนไข้และเหล่าญาติบริเวณทางเดินก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่องๆ เดินออกมาจากลิฟต์ได้ไม่ทันไร เสียงผู้หญิงสองคนก็ดังขึ้นมาในหู
“เธออยากแต่งงานกับเขาถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตตัวเองเลยเหรอ? ผู้ชายดีๆมีเยอะแยะ ทำไมต้องอยากแต่งกับเขาขนาดนั้นล่ะ?”
“คนเราพอรักใครแล้วจะยอมปล่อยมือง่ายๆได้ยังไง ถึงระหว่างทางมันจะยากลำบากขนาดไหน ก็คงหันไปรักคนอื่นไม่ได้ เดี๋ยวถ้าแกมีความรักแกก็จะเข้าใจเองแหละ”
ธีทัตพลันชะงักฝีเท้า เมื่อได้ฟังบทสนทนา จู่ๆภาพที่เพิ่งเกิดในห้องผู้ป่วยเมื่อสักครู่ก็พลันปรากฏตรงหน้า
แก้มแดงๆทั้งสองข้างของญาธิดาแนบอยู่ในอ้อมอกของภวินท์ ความสุขที่เอ่อล้นบนใบหน้าของเธอคือสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นมันเลยสักครั้ง แม้แต่ความสนิทสนมที่เด็กสองคนนั้นมีให้ผู้เป็นพ่อ เขาเองก็ไม่เคยเห็นมันเหมือนกัน
ทั้งๆที่ธิดาเคยพูดว่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ทั้งๆที่เขาเพิ่งทำให้ธิดามีชีวิตที่สงบสุขได้ แต่ทำไมสุดท้ายเธอยังเลือกภวินท์!
พวกเขารักกันปานจะกลืนกิน ไม่ยอมปล่อยมือกันง่ายๆ แล้วเขาล่ะ?!ความทุ่มเทและความอดทนตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขามันคืออะไร!
คิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็ค่อยๆถูกไฟโทสะที่กำลังพวยพุ่งเข้าครอบงำ
……
บริเวณทางหนีไฟ ภวินท์เอ่ยเน้นย้ำกับคนในสายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันไม่ไป”
“วิน ตอนที่นายเลือกเดินเส้นทางนี้ในตอนแรกนายน่าจะรู้ ว่านายไม่มีสิทธิ์หันหลังกลับแล้ว” หลุยส์ที่อยู่ในสายเอ่ยเตือนเสียงเข้ม
ดวงตาของภวินท์หนักอึ้ง ทันใดนั้นภาพใบหน้าสะสวยรอยยิ้มแสนหวานของใครบางคนผุดขึ้นมาในหัว นำเสียงของเขาพลันอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็พูดอย่างแผ่วเบาว่า “ตอนนั้นฉันไม่มีใครให้เป็นห่วง แต่ว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ฉันไม่ทนละ!” คนในสายส่งเสียงคลั่งออกมา “คลั่งรักต่อหน้าคนโสดอย่างฉันไม่เท่าไหร่ ตอนนี้ยังจะมาคลั่งรักอวดฉันผ่านสายโทรศัพท์อีกเหรอ ต้องให้คนโสดอย่างฉันดูพวกนายรักกันให้ได้เลยใช่ไหม?”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกลับไปก่อนแล้วกัน เธอรอฉันอยู่” ภวินท์ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขา แต่ยังไม่ทันได้วางสาย เสียงจนใจของหลุยส์ก็ดังขึ้นมาว่า “ครั้งนี้นายไม่มีทางเลือก”
เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “เขาอยู่ที่Merliam”
อะไรนะ?!
ปลายนิ้วของภวินท์พลันกระตุกเกร็ง ความเยือกเย็นในแววตาเข้มข้นขึ้น ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างพลันตีรวนขึ้นมา
ยังไม่ทันได้คิดอะไรละเอียด เขาก็ตัดสายฉับแล้วกลับมาที่ห้องผู้ป่วยของรวดเร็ว ในเวลานี้ภายในห้องเงียบผิดปกติ ห้องญาธิดาที่อยู่ข้างๆก็ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งชั้นVIPตกอยู่ในความเงียบสงัดราวกับงดใช้พื้นที่ชั่วคราว
เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์ด้วยความรวดเร็ว เอ่ยถามพยาบาลที่กำลังทำโอทีอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณญาธิดาล่ะ?”
พยาบาลตกใจท่าทางของเขา จึงเอ่ยตอบอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “พี่ชายของคุณญาธิดามาเมื่อกี้ บอกว่าจะพาคุณญาธิดาไปสูดอากาศ….คุณภวินท์ แผลบนตัวของคุณยังไม่หายดี จะเดินไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้นะคะ….”
พยาบาลพูดยังไม่ทันจบดี ภวินท์ก็ก้าวเร็วๆเข้าไปในลิฟต์ พร้อมกันนั้นก็กดโทรหาหลุยส์อีกครั้ง เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธอย่างที่ปกติไม่ค่อยจะเป็น “มารับฉันไปที่Merliamเดี๋ยวนี้ เขาพาธิดาไปแล้ว!”
“เขาบ้าหรือนายบ้าเนี่ย?!”
หลุยส์ดีดผึงขึ้นมาจากโซฟาอย่างตกใจ บีบหัวคิ้วตัวเองอย่างงุ่นง่านในใจเอาแต่สบถออกมาไม่หยุด สองคนนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่มีวันไหนที่เขาจะได้ใช้ชีวิตดีๆเลยจริงๆ
เมื่อวางสาย เขาก็หยิบกุญแจรถ แล้วไปหาภวินท์อย่างรวดเร็ว คันเร่งเหยียบจนมิดมุ่งตรงไปที่Merliam