ดวงใจภวินท์ - บทที่ 689 เธอต้องชอบคุณแน่นอน
บทที่ 689 เธอต้องชอบคุณแน่นอน
หลังจากกลับมาจากเมืองC ภวินท์ไม่ได้ทำอะไรเธออย่างที่นานๆทีจะมีครั้ง ญาธิดาจึงได้นอนหลับสนิทจนท้องฟ้าสว่าง
เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นภวินท์ออกมาจากห้องน้ำหลังจากล้างหน้า
หยดน้ำตกลงมาที่ปลายผม และหยดลงบนหน้าอกกำยำสีแทน แสงยามเช้านอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามาอาบไล้ผิวของเขาจนกลายเป็นสีทอง ผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวที่มีกล้ามเนื้อแน่นๆของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งมันดูเย้ายวนอย่างยิ่ง
ญาธิดากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แก้มของเธอร้อนระอุขึ้นมาชั่วขณะ เธอรีบเอาผ้าห่มปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง เหลือไว้เพียงดวงตาฉ่ำน้ำโผล่ออกมา
เธออดไม่ได้ที่จะตำหนิตัวเองว่าอ่อนหัด ทั้งๆที่เธอเคยสัมผัสใกล้ชิดกับเขาหลายครั้ง แต่เธอก็ยังหน้าแดงทุกครั้งที่เห็นภาพตรงหน้า
ภวินท์เช็ดน้ำออกจากผม มองไปยังหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังเขินอายอยู่บนเตียง เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วคว้าผ้าห่มออกด้วยแรงเล็กน้อย ใบหน้าที่แดงก่ำของญาธิดาจึงสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาทันที
“แอบมอง?” ขณะที่เสียงมีเสน่ห์ดังขึ้น พร้อมกันนั้นเขาก็โน้มตัวลงและกดเธอไว้ใต้ตัวอาณัติของเขา “ผมไม่ว่านะถ้าคุณจะมองอย่างเปิดเผย”
ญาธิดาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นมิ้นต์ที่มาจากลมหายใจของเขา ใบหน้าที่สวยงามของเธอพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง
เธอรีบเอื้อมมือไปดันหน้าอกของเขาออก ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กที่เพิ่งทำผิดมาแล้วถูกจับได้ ตอบกลับอย่างติดๆขัดๆว่า “ใคร… ใครแอบมองคุณ!”
“ไม่ใช่คุณงั้นเหรอ?” ภวินท์ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จมูกของทั้งสองคนเกือบจะชิดกัน ญาธิดาหลับตารอการจุมพิตอย่างเคยชิน
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ
ญาธิดารออยู่นานก็ไม่ได้รับสัมผัสเปียกชื้นจากริมฝีปากของเขาเธอเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบ ๆ จึงสบเข้ากับสายตาขี้เล่นของภวินท์
“ไม่ใช่คุณงั้นเหรอ?” ภวินท์ขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จมูกของทั้งสองคนเกือบจะชิดกัน ญาธิดาหลับตารอการจุมพิตอย่างเคยชิน
“คุณ…” แก้มของเธอแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอรีบผลักภวินท์ออกไปพลิกตัวและลุกจากเตียง คว้าเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งจากตู้เสื้อผ้าแล้วไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้า
ภวินท์เอื้อมมือออกไปเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ เรียวแขนเรียวเฉียดผ่านใบหูของเธอ หยิบชุดเดรสสีดำออกจากตู้เสื้อผ้าแล้วยัดมันไว้ในมือของเธอ “วันนี้ใส่ชุดนี้แล้วกัน อีกเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน”
สามชั่วโมงต่อมา รถคันหรูก็ขับมาจอดที่สุสานเขาราม ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าสุสานที่มีราคาที่ตั้งแพงสุด และญาธิดาก็ยืนถือดอกไม้อยู่ข้างๆภวินท์
หลุมศพที่อยู่ด้านหน้าของทั้งสองคนนั้นสะอาดสะอ้าน โดยมีการแกะสลัก “สุสานของวิไล จิตตัคคานนท์” เอาไว้บนนั้น ผู้หญิงในรูปขาวดำมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและใจดี
ภวินท์โค้งคำนับผู้หญิงในภาพ “แม่ครับ ผมพาภรรยามาเยี่ยม”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ก็ก้าวไปข้างหน้า วางดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพด้วยความเคารพ และพูดเบา ๆ ว่า “แม่คะ เป็นครั้งแรกที่เราพบกันฉันชื่อญาธิดา เป็น…..ภรรยาของวิน”
ยิ่งเธอมองดูผู้หญิงในรูปมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกเป็นอุ่นใจมากขึ้นเท่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอขยายกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว “บางทีฉันอาจไม่ใช่ลูกสะใภ้ในแบบที่คุณแม่ต้องการ แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลวินอย่างดี คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ก้มคำนับหลุมฝังศพ
ภวินท์กอดไหล่ของเธออย่างเงียบ ๆ เมื่อต่อหน้าแม่ของเขา ลมหายใจที่ของเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “แม่กับยายชอบอะไรเหมือนๆกัน และเธอต้องคุณแน่นอน”
ดวงตาของญาธิดาหันไปหาเขา เธอยื่นนิ้วมาที่เขาและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องสัญญาต่อหน้าแม่ของคุณว่าหลังจากนี้คุณจะไม่รังแกฉันอีก”
“ได้สิ” ภวินท์กำมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่น แล้วจูบเบา ๆ ที่หลังมือของเธอ
แม้ว่ามันจะเป็นการพูดคุยกับหลุมศพที่ไร้การตอบกลับ แต่ญาธิดาก็ยังมีเรื่องจะพูดอีกมาก
ซึ่งระหว่างที่พูดเธอก็ไม่พ้นพูดถึงอีธานและเอลล่า ดูเหมือนว่าเธออยากเติมเต็มช่วงเวลาที่วิไลพลาดไปให้อีกฝ่าย ดังนั้นเธอจึงอยู่เล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเที่ยงถึงจะออกจากสุสานเขาราม
ลงจากภูเขาไปตามเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงราย และข้างหน้าสองกิโลเมตรคือสวนเขาราม ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสีเขียว
ที่นี่ไม่เหมือนสวนสาธารณะที่แสวงหาผลกำไร เพราะที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ความงามของธรรมชาติจึงมีให้เห็นอย่างจุใจ และยังเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับคู่หมั้นในการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอีกด้วย
ญาธิดาและภวินท์เดินมาจนถึงที่นี่ ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับคู่รักหลายคู่พร้อมรอยยิ้มที่มีความสุขในการถ่ายรูป
“คุณคะ รบกวนสักครู่ค่ะ ดิฉันเป็นสต็าฟบริษัทถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยเหงื่อโทรมกาย พร้อมกับโชว์บัตรพนักงานให้พวกเขาดู
“พอดีว่าคนถ่ายแนบที่เรานัดเอาไว้ได้รับบาดเจ็บกะทันหัน ทางบริษัทต้องใช้รูปด่วน ฉันเห็นว่าพวกคุณดูเหมาะสมกันดี พอจะช่วยเราถ่ายภาพโปรโมตได้ไหมคะ”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสาวน้อยอย่างเย็นชา “ไม่”
เด็กสาวไม่คาดคิดว่าจะถูกปฏิเสธ จึงนิ่งอึ้งไม่มีปฏิกิริยาใดๆไปชั่วขณะ เธอเห็นว่าทั้งสองกำลังจะเดินออกไป จึงรีบวิ่งไล่ตามพวกเขา “พวกคุณยังดูเด็กขนาดนี้ยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหมคะ? แปลว่ารูปแต่งงานไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องได้ใช้ ถ้าพวกคุณยินดีช่วย เราสามารถส่งเป็นภาพที่ระลึกให้ได้นะ”
ญาธิดารู้ว่าภวินท์ไม่เคยชอบถ่ายรูป นอกจากครั้งนี้ เขาก็เคยปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นในครั้งนี้เธอจึงไม่ลังเล เอ่ยอธิบายเสียงนุ่มว่า “ขอโทษด้วยนะคะ คือเรา….. ”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ภวินท์ก็พูดขึ้นมาว่า “ถ่ายก็ได้”
ญาธิดาตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองตามสายตาเขาไปเห็นคู่รักคู่หนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
หญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์และซุกตัวในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าช่างภาพกำลังเอ่ยแซวอะไรทั้งสองคน รอยยิ้มของหญิงสาวถึงเผยให้เห็นถึงความเขินอายเล็กน้อย เธอโน้มตัวเข้าไปใกล้แก้มของชายหนุ่มแล้วจูบมันอย่างแผ่วเบา
เธองงเล็กน้อย พวกเขาเห็นฉากแบบนี้มากมายระหว่างทาง จู่ๆเขาทำไมเขาเกิดเปลี่ยนใจล่ะ
เมื่อเห็นว่าภวินท์ยอมให้ถ่าย ใบหน้าที่วิตกกังวลของสต็าฟสาวก็พลันเปลี่ยนเป็นโล่งใจ เธอดึงญาธิดาเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รถกับฉันก่อนแล้วกัน”
บนรถเสื้อผ้า มีชุดแต่งงานหลากหลายสไตล์ และเด็กสาวตัวเล็กกำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม “เพราะเราสัญญาว่าจะให้ภาพที่ระลึกแก่คุณ เพราะงั้นคุณสามารถเลือกสไตล์ที่คุณชอบได้เลย”
ญาธิดากวาดสายตามองชุดแต่งงานทุกชุดหลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ในที่สุดสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่ชุดแต่งงานทรงหางปลา
มันแตกต่างจากรูปแบบอื่นที่ยุ่งยาก ชุดแต่งงานนี้แทบไม่มีเครื่องประดับพิเศษใด ๆ มีเพียงชายเสื้อเท่านั้นที่ประดับด้วยเพชรคล้ายดาว ออกแบบมาในทรงเสื้อท่อนบนคอเดียวเข้าคู่กับการตัดเอวสูงซึ่งโชว์ให้เห็นกระดูกไหปลาร้าของเจ้าสาว นอกจากนี้ยังเน้นที่เอวคอดของเจ้าสาวอีกด้วย
ประตูรถถูกผลักเปิดอีกครั้ง สถานที่ที่เดิมทีเต็มไปด้วยเสียงดังจอแจพลันตกอยู่ในความเงียบ สายตาของสต็าฟทุกคนจับจ้องมาที่เธอ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกอึดอัด
เธอเดินเข้าไปหาภวินท์อย่างรวดเร็ว คว้าแขนของเขาเอาไว้ “ชุดที่ฉันเลือกมันแปลกเหรอ? ทำไมทุกคนมองฉันอย่างนั้น?”
“แปลกจริง” ความตกตะลึงในดวงตาของภวินท์หายไปในพริบตา เมื่อเขาหันไปมองเหล่าสต็าฟอีกครั้ง สายตาก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม “ถ้าไม่ถ่าย พวกผมกลับแล้วนะ”
หายากนักที่สต็าฟจะเจอนางแบบดีๆ แบบนี้ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็เตรียมถ่ายทำทันที
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้อย่างเงียบๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้ ทันทีที่เจ้าของโทรศัพท์กดปุ่มถ่ายภาพ แฟลชก็ปล่อยแสงจ้าออกมา