ดวงใจภวินท์ - บทที่ 690 ภาพแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ
บทที่ 690 ภาพแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ
“มา ทุกคนเตรียมถ่ายได้เลย เจ้าบ่าวเจ้าสาวมองกล้องนะครับ….”
เสียงของช่างภาพดังขึ้น และญาธิดาก็สวมบทบาท โพสต์ท่าอย่างสง่างาม พร้อมกันนั้นก็ลดเสียงลงแล้วถามว่า “ทำไมจู่ๆ คุณถึงยอมถ่ายล่ะ”
“ก็ดูไม่เลว ผมยากลองดู” ภวินท์ตอบอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินดังนั้น เธอที่กำลังเปลี่ยนท่าอยู่นั้นก็หยุดลง “คุณกับ… เอ่อ ห้าปีก่อน คุณไม่ได้ถ่ายรูปแต่งงานเหรอ?”
“คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
เป็นความจริงที่ในเวลานั้นเธอแค่จดทะเบียนกับธีทัตอย่างเรียบง่าย ไม่ได้มีพิธีแต่งงานด้วยซ้ำ แล้วยิ่งถ่ายพรีเวดดิ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ต่อมาหลังจากนั้นเมื่อจะจัดงานแต่งงานชดเชย ธีทัตก็เสนอไอเดียให้ถ่ายรูปแต่งงานอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องล่มไม่เป็นท่าเพราะเรื่องจุกจิกเล็กๆน้อยๆ
นี่จึงเป็นการถ่ายรูปแต่งงานครั้งแรกของภวินท์ และเป็นครั้งแรกของเธอด้วย
ช่างภาพที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าเธอมีอาการไม่ดี จึงตะโกนว่า “เจ้าสาวและเจ้าบ่าวสนิทสนมกันมากกว่านี้หน่อยครับ เจ้าบ่าวกอดเอวเจ้าสาวไว้ เดี๋ยวเรามาเริ่มถ่ายใหม่นะครับ!”
ภวินท์โอบเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าสีหน้าของเขายังคงไม่แยแสเมื่อหันหน้าเข้าหากล้อง แต่ดวงตาของเขากลับอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวลองหันมองหน้ากันอย่างหวานซึ้งดูนะครับ…” เสียงของช่างภาพดังขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้เขาไม่ได้กดปุ่มชัตเตอร์ แต่ตะโกนไปทางภวินท์: “เจ้าบ่าวปรับท่าหน่อยครับ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคุณคือคนที่คุณรักที่สุดเลยนะ ต้องแสดงสีหน้าออกมาอย่างหวานซึ้ง อย่าเอาแต่ตีหน้าเย็นชาสิครับ”
ญาธิดาเหลือบมองภวินท์อย่างเงียบ ๆ เมื่อเขาได้ยินดังนั้นแน่นอนว่าใบหน้าของเขาอึมครึมลงเล็กน้อย ซึ่งมันยากสำหรับเขาจริงๆนั่นแหละ ถ้าต้องแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาต่อหน้ากล้อง
จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นในใจของเธอ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่ช่างภาพพูดเมื่อกี้นี้ และฉากที่เธอเห็นก่อนที่จะตกลงถ่ายรูป
คนที่รักที่สุด……
สัมผัสชื้นๆจากริมฝีปากเข้าจู่โจมที่ผิวเนื้อ
ทันทีที่ภวินท์หันมามองเธอ เสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้น และในขณะเดียวกันก็มีเสียงดีใจของช่างภาพว่า “สวย! สมบูรณ์แบบมาก! จบแล้ว!”
ญาธิดายิ้มให้เขาอย่างประสบความสำเร็จ แล้วรีบวิ่งไปที่รถเสื้อผ้าซึ่งอยู่ไม่ไกล
หลังจากที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดปกติ เด็กสาวตัวเล็กก็ก้าวไปข้างหน้าแล้ววางรูปในมือลง มองมาที่เธอด้วยดวงตาที่สดใส
“ช่างรีทัชของเราบอกว่าภาพถ่ายชุดนี้ถ่ายได้ดีมาก คุณและสามีของคุณดูสมบูรณ์แบบกว่านางแบบของเราเสียอีก ไม่จำเป็นต้องรีทัชเลยด้วยซ้ำ บอกว่าเอารูปมาให้คุณได้เลย”
หลังจากที่เด็กหญิงพูดจบ เธอก็เอนตัวกระซิบแนบหูญาธิดาว่า “สามีคุณพี่นี่สุดยอด พวกเรายังแอบเม้าท์กันอยู่เลยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนถ่ายรูปแต่งงานแสนหวานด้วยใบหน้าที่เย็นชาขนาดนี้ ”
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของญาธิดา และก่อนที่เธอจะได้คุยกับเด็กสาวตัวเล็ก ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากกระเป๋าของเธอ
“ขอตัวนะคะ” เธอทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่าย
หลังจากเห็นชื่อเบอร์ที่โทรเข้ามา เธอก็กดรับสายทันที “อันอัน ฉันนึกว่าพอมีสามีแล้วแกจะลืมเพื่อนฝูงไปแล้วเสียอีก”
“ธิดา ขนาดนี้แล้ว แกยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอยู่อีกเหรอ!”
เมื่อได้ยินเสียงวิตกกังวลของอัญมณี เธอก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจแปลกๆ ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว และถามอย่างว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข่าวเรียลไทม์ของเมืองJในตอนนี้ไง… กำลังคุยบใคร?” ก่อนที่อัญมณีจะพูดจบ เสียงของธีทัตก็ดังขึ้นมาในสาย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงของเธอก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด “พี่ทัตกลับมาแล้ว แกอ่านไลน์ด้วย”
ญาธิดาวางสายโทรศัพท์และเปิดไลน์อย่างเร่งรีบ อัญมณีได้ส่งต่อพาดหัวข่าวหน้าแรกแบบเรียลไทม์ให้กับเธอ เมื่อเธอคลิกที่ลิงก์ สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือเส้นตัวอักษรสีแดง
“พริบตาเดียวเมียที่เพิ่งแต่งงานก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น เรื่องอื้อฉาวถูกค้นพบภายใต้ภาพแต่งงานแสนใกล้ชิด !!!”
ด้านล่างหัวข่าวเป็นภาพถ่ายญาธิดาและภวินท์ที่กำลังถ่ายรูปแต่งงานกันเมื่อกี้
วันนี้ มีคนถ่ายรูปภรรยาของCEO บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์และประธานSTN Group ถ่ายรูปแต่งงานด้วยกันด้วยท่าทางสนิทสนมที่เขาราม……
ญาธิดาขี้เกียจเกินกว่าจะอ่านข่าวเหล่านี้ และกดออกจากเว็บไซต์ทันที เพื่อตรวจเช็กสภาพตลาดหุ้นในปัจจุบันของบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์และSTN Group แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ หลังจากข่าวฉาวถูกปล่อยออกไป หุ้นของทั้งสองบริษัทต่างเกิดการเปลี่ยนแปลง
หน้าข่าวเด้งขึ้นมาทีละรายการ ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคำว่า “เล่นชู้”
ไม่รู้ว่าภวินท์มาปรากฏตัวข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาฉวยหยิบโทรศัพท์จากมือเธอ แล้วกดปุ่มล็อคหน้าจอ พร้อมกับส่งสายตาปลอบให้เธอใจเย็น
“ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“แต่STN Group เพิ่งกลับมามั่นคงได้ไม่นานเดิมทีความกระตือรือร้นของพนักงานก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ด้วย ตอนนี้พอข่าวแพร่กระจายออกมา มันต้องมีผลกระทบต่อบริษัทมากแน่ๆ” เสียงของญาธิดาเปิดเผยความวิตกกังวลอย่างปิดไม่มิด
ภวินท์บีบมือเล็ก ๆ ของเธอ และมองเธออย่างมั่นคง “ถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของบริษัท ก็กลับไปกับผม”
เมื่อพวกเขาสบตากัน ความตื่นตระหนกในหัวใจของญาธิดาก็หายไปในทันที เธอจับฝ่ามือใหญ่เขาไว้มั่นแล้วตอบอย่างหนักแน่นว่า “ได้!”
พายุนำข้อมูลต่างๆมารอที่บ้านพักแล้ว เมื่อเขาเห็นทั้งสองคนกลับมา ก็ก้าวไปข้างหน้าทันที “สืบมาแล้วครับ คนที่ปล่อยข่าวคือบรรณาธิการของรายการข่าวการเงินเมือง J เธอบังเอิญเจอคุณกับคุณธิดาวันนี้ เลยถ่ายรูปพวกนี้มา เพื่อแลกกับโบนัส”
“ให้คนรับผิดชอบรายการอธิบายมา”
ภวินท์เปล่งออร่าอันเยือกเย็นไปทั่วร่างกายของเขา รับเอกสารที่พายุยื่นมาให้ และใช้มาตรการแก้ไขทันที
“พรุ่งนี้เช้านัดฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายธุรการมาประชุมกัน และกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นสิบโมงเช้า”
ญาธิดาทำได้เพียงจ้องมองอย่างกังวล เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็จัดการทุกอย่างแล้ว จึงคว้ามือเขาเอาไว้ “แล้วฉันล่ะ จะให้ฉันนั่งรอข่าวที่บ้านเฉยๆเหรอ?”
ภวินท์รู้ว่าเธอไม่เคยยอมอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง และแม้ว่าเธอจะถูกบังคับให้อยู่ เธอก็คงแอบหนีเหมือนเดิม
ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทไม่มั่นคง ปล่อยให้เธอกลับไปทำงานก่อนดีกว่า บางทีพาเธอไปด้วย เขาสามารถดูแลเธอได้ดีขึ้น
หลังจากตัดสินใจแล้ว เขาจึงพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “พรุ่งนี้จะทำเรื่องรายงานคณะผู้บริหาร”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ญาธิดาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเขายังคงจมอยู่กับข่าว เธอจึงกลับมาที่ห้องอย่างเงียบๆ พร้อมโทรศัพท์มือถือของเธอ
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเธอคือข้อความจากอัญมณี
“ธิดา พี่ทัตกำลังยุ่งกับเอกสารของบริษัท เมื่อเขาจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาจะแถลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกแก เมื่อถึงตอนนั้น ข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตก็จะสยบไปเอง”
ญาธิดาบีบโทรศัพท์แน่น รู้สึกอบอุ่นในใจ
เธอเห็นความทุ่มเทของธีทัต แต่เธอไม่เคยยอมรับเขาได้เลย เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป จึงทำให้รู้ว่าธีทัตเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อเช่นกัน
ซึ่งอันอันไม่เพียงแต่แต่ไม่ตำหนิเธอ แต่ยังเลือกที่จะยืนเคียงข้างเธอโดยไม่ลังเลอีกด้วย
เธอตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ ตอนนี้แกกับพายุต่างก็อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฉันไม่อยากเป็นภาระของแก”
หลังจากที่ส่งข้อความสำเร็จ อัญมณีก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา