ดวงใจภวินท์ - บทที่ 708 ปกป้องเธอแล้วยังไง
บทที่ 708 ปกป้องเธอแล้วยังไง
ทันใดนั้นห้องก็ตกอยู่ในความเงียบที่น่าขนลุก และสีแดงเป็นประกายสะท้อนอยู่ในดวงตาธีทัต ซึ่งทำให้เขาสงบลงในทันใดและมีความรู้สึกสงสารเล็กน้อย
“ขวัญ……”เขาพึมพำออกมา ก้มตัวลงไปดูอาการของเธอ และสีหน้าของเขาก็กลับมาดูอ่อนโยนเหมือนเดิม “เดี๋ยวผมไปหยิบกล่องยาก่อน คุณนั่งรอผมอยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
เธอขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด แล้วก็ยื่นมือไปจับเขาไว้ เสียงที่พูดออกมานั้นก็สะอื้นเล็กน้อย “ทัต พวกเรามาคุยกันดีๆ ได้ไหม? ”
อัญมณีรีบไปหยิบกล่องยา แล้วก็ปล่อยให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
ขวัญตายิ้มอย่างขมขื่นและพูดต่อว่า “พวกเราทั้งสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอ ดังนั้นตอนนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะจัดงานแต่งงานเท่าไหร่ สู้ให้เวลาพวกเราได้ปรับตัวกันมากขึ้นจะดีกว่า”
พอธีทัตได้ยินดังนั้น หัวใจของเขาก็บีบแน่นในทันที “ผมยอมรับว่าเมื่อกี้อารมณ์ผมเสียการควบคุมไป แต่ว่า……”
“คุณไม่ได้อยากแต่งงานกับฉันด้วยซ้ำ แค่กลัวว่าจะเสียญาธิดาไปอีกครั้งเท่านั้นเอง” มีความปล่อยวางในดวงตาที่บริสุทธิ์ของเธอ “ฉันหวังว่าจะมีวันหนึ่งที่คุณจะสามารถแต่งงานกับฉันด้วยใจจริงได้ ไม่ใช่แต่งงานกับญาธิดาตัวปลอม แบบนั้นมันไม่มีความหมายอะไรหรอกนะ”
ห้องจมอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ธีทัตไม่กล้าสบตาเธอ ได้แต่หันหน้าไปทางอื่น
พอเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว ขวัญตาก็รู้ว่าตัวเองได้พูดในสิ่งที่เขาคิด
เธอพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดในใจ แล้วก็พูดอย่างสบายใจว่า “ฉันเป็นเหมือนธิดาก็ได้นะ อยู่ข้างคุณในฐานะเพื่อนทั่วไป จนกว่าคุณจะยอมรับผู้หญิงที่ชื่อขวัญตา”
อัญมณีทำแผลให้เธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา แล้วก็ช่วยเธอเก็บกระเป๋า วันที่คึกคักของตระกูลกรเวชก็หายไปตามการจากไปของเธอ และก็กลับมาสู่ความเงียบเชียบอีกครั้ง
ส่วนภายในริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท กลิ่นหอมของอาหารก็กระจายไปทั่ว
ชาช่ากำลังคุยกับญาธิดาอยู่ ทั้งสองคนก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าปลื้มแอบมาอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของพวกเธอ
ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย มือเล็กจับคานเก้าอี้ไม้ไผ่เบาๆ อาศัยตอนที่ชาช่าแกว่งเก้าอี้ด้วยตัวเองแล้วเข้าไปผลักเก้าอี้โยกไม้ไผ่ของเธอ
เก้าอี้โยกแรงขึ้นเรื่อยๆ ชาช่ารู้สึกถึงความผิดปกติ แล้วก็ร้อง “หืม”ออกมาด้วยความสงสัย หลังจากนั้นก็วางขาลงที่พื้นแล้วเตรียมจะหันไปมอง
ปลื้มหลบอยู่หลังเก้าอี้ มุมปากของเขายิ้มอย่างเห็นได้ชัด และมือน้อยๆ ที่สกปรกของเขาก็ออกแรงทันที
คานของเก้าอี้กระทบกับน่องของเธอ และเธอก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บปวด ตอนที่เธอยังไม่ทันได้นั่งคงที่ ปลื้มก็ยกขาขึ้นและเตะไปที่พนักเก้าอี้
เก้าอี้โยกอย่างรุนแรงสองครั้ง ญาธิดาจะเข้าไปประคองเธอก็ไม่ทันแล้ว แรงกระแทกอย่างแรงผลักชาช่าให้หล่นจากเก้าอี้ทันที
พอปลื้มเห็นภาพดังนั้น ก็รีบกระโดดโลดเต้นและปรบมือด้วยความดีใจทันที “แบร่ๆๆ หน้าคะมำไปเลยสิ!”
“ชาช่า!”ญาธิดากับคุณอนณร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน
เหงื่อซึมออกมาที่หน้าผากของชาช่าทันที เธอกุมหน้าท้องของตัวเองไว้ ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ท้องฉัน……เจ็บมากเลย!”
คุณอนณรีบอุ้มเธอขึ้นมา แล้วก็เร่งให้ทีมงานรีบเรียกรถโรงพยาบาล แล้วก็รีบเดินไปบริเวณที่พัก
ทีมงานไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น ก็ส่งพนักงานไปช่วยเหลือชาช่าที่ห้องนอนทันที แต่ว่าจะหยุดถ่ายทอดสดไม่ได้ ดังนั้นสถานที่ในตอนนี้ก็วุ่นวายมาก
ปลื้มเห็นเรื่องใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าที่เดิมยิ้มแย้มก็กลายเป็นตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที แล้วก็เดินผ่านกลุ่มคนไปตามหาพี่ยู่ยี่เพื่อหาที่หลบภัย
ญาธิดามองดูแผ่นหลังของทั้งสองคน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหนาวเหน็บจนแทบถึงกระดูก มือของเธอก็เหงื่อออกจนชุ่ม
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเด็กหกขวบ
“ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ พูดมาซะ!”เธอจับปลื้มที่เตรียมจะหนีไปเอาไว้ ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
ปลื้มตกใจกลัวท่าทางของเธอ แต่หลังจากพยายามดิ้นรนอยู่หลายครั้งก็ไม่สารถหลุดจากเธอได้ เขาก็เลยร้องไห้ออกมาทันที “แม่ครับ ยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้รังแกผม รีบมาช่วยผมเร็ว”
พี่ยู่ยี่สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที หลังจากแอบหันไปมองเลนส์กล้องแล้ว ก็รีบเดินเข้ามาหาญาธิดาและก็ตะคอกใส่ปลื้มทันที “ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ไม่ระวังขนาดนี้ ถ้าเกิดว่ายังเป็นแบบนี้อีกแม่จะสั่งสอนแล้วนะ!”
ไม่ระวังงั้นเหรอ?
ญาธิดาเหมือนกับว่าได้ยินเรื่องตลกอะไรสักอย่าง เธอหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า “แต่ฉันคิดว่าเขาจงใจนะคะ”
“คุณพูดจาไร้สาระอะไรกัน”พี่ยู่ยี่ชี้หน้าของเธอและตะคอกว่า “ก็คือจะบอกว่าลูกของญาธิดานั้นยอดเยี่ยม แต่ว่าลูกของคนอื่นนั้นเน่าเฟะงั้นเหรอ”
ยังไม่ทันจะพูดจบ พี่ยู่ยี่ก็รู้สึกเจ็บที่ปลายนิ้ว เธอดึงนิ้วกลับทันที แล้วก็มองไปที่ภวินท์ด้วยความประหลาดใจ
ในมือของเขาถือมีดปอกผลไม้ของเล่นที่อีธานเอาไว้หั่น มันแทงที่ปลายนิ้วของเธอ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ของเล่นที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังทำให้เธออ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
“คุณภวินท์” เธอร้องอย่างน่าสงสารและมองเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “คุณเป็นคนมีหน้าตาและฐานะ คุณจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร”
สายตาที่เย็นชาของภวินท์เหลือบมองมาที่เธอ แล้วก็ถามกลับด้วยเสียงที่เยือกเย็นว่า “ผมปกป้องเธอแล้วมันยังไง? ”
สีหน้าสะอื้นของพี่ยู่ยี่ชะงักไปทันที
หลังจากปรับอารมณ์ตัวเองเสร็จแล้ว เธอก็ทำท่าทางปาดน้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมาของตัวเอง และร้องไห้เบาๆ ว่า “สามัญชนอย่างฉันสู้คุณไม่ได้หรอก แม้แต่ลูกของตัวเองยังปกป้องให้ดีไม่ได้ เลยได้แต่เฝ้ามองดูคนอื่นสาดน้ำสกปรกใส่เขา”
ญาธิดาขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ เธอดึงปลื้มไปที่หน้ากล้องทันที “ปลื้ม บอกมาว่าทำไมต้องผลักป้าชาช่าด้วย”
ปลื้มพึ่งจะหยุดร้องไห้ได้ไม่นาน ตอนนี้ยังคงสะอื้นอยู่ เขาเหลือบไปมองพี่ยู่ยี่ แล้วก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
พี่ยู่ยี่เห็นดังนั้นก็เริ่มมีแผนการในใจ เธอไม่สนใจญาธิดาอีกต่อไป แต่เลือกที่จะหันไปหากล้องแทน
“สายตาของทุกคนเฉียบแหลมอยู่แล้ว น้องปลื้มยังเด็กมาก และไม่มีความแค้นต่อชาช่าด้วย แล้วเขาจะจงใจทำร้ายชาช่าได้ยังไง? ”
พอเธอพูดจบก็หันไปมองชาช่าอีกครั้ง พร้อมกับขยิบตาให้เด็ก และบอกให้เขาทำ “ทำตามอย่างเชื่อฟัง” และพูดว่า “น้องปลื้ม บอกแม่กับคุณน้าเขาไป ว่าหนูไม่ได้ตั้งใจผลักเก้าอี้”
พอมีพี่ยู่ยี่อยู่ด้านข้าง เขาก็มีความกล้าขึ้นเยอะมาก “ผม……”
แต่พึ่งจะพูดออกมา ก็มีสายตาที่แหลมคมคู่หนึ่งมองมาที่เขา และเขาก็มองตามสายตานั้นไปด้วยความสงสัย แล้วก็สบตาเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำและเย็นชาของภวินท์
ร่างเล็กๆ ของเขาสั่นเล็กน้อย ภายใต้การโจมตีในแสงสว่างและในที่มืดของภวินท์ ร่างเล็กๆ ของเขาก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ และเสียงของเขาก็สั่นตามไปด้วยเหมือนกัน
“ก็ผมเห็นในรายการทีวีว่าผู้หญิงท้องโตเวลาล้มแล้วจะมีเลือดออก ผมก็เลยอยากลองว่ามันจะจริงไหม……แม่ครับ……”พอเขาพูดจบก็ร้องเสียงดังออกมา
พอพูดประโยคนี้ออกมา ใบหน้าของพี่ยู่ยี่ก็ซีดลงในทันที เธอไม่กล้าหันไปมองกล้องอีก ได้แต่กัดฟันดึงปลื้มมาอยู่ข้างๆ แล้วก็ตบหน้าของเขาอย่างแรง
“ปกติแม่สอนลูกยังไง ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ !”เธอร้องไห้ไปด้วยแล้วก็ตีลูกไปด้วย จนถึงตอนที่มือรู้สึกเจ็บ สามีของเธอถึงได้เดินวางมากเข้ามาพร้อมกับพูดจาสุภาพสองสามประโยค