ดวงใจภวินท์ - บทที่ 711 นวลเนื้อหอมที่ส่งถึงปาก
หน้าผากของอีธานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาไม่ได้ร้องไห้ แต่ดึงทิชชูออกมาซับบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้อย่างใจเย็น
“อีธาน!”ญาธิดาร้องอย่างตกใจ วิ่งตรงไปทางลูกชาย
ภวินท์เร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง รีบโอบอีธานเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อปลอบใจ
อีธานที่เมื่อครู่ยังคงเข้มแข็งและใจเย็นอยู่หลังจากได้รับความรู้สึกปลอดภัยที่คุ้นเคยแล้ว ก็ซุกหน้าไปที่อกของเขา ทิ้งรอยน้ำตาไว้บนเสื้อเชิ้ตของเขา
รับรู้ได้ว่าอีธานที่อยู่ในอ้อมอกของเขากำลังตัวสั่นเทาไม่หยุด เสียงที่เยือกเย็นของเขาดังกังวานขึ้นในห้อง “คุณอนณ รบกวนช่วยเชิญหมอประจำตัวของคุณไปที่ห้องของผมด้วย”
สิ้นเสียงพูด แววตาที่ดูลึกล้ำไร้จุดสิ้นสุดมีประกายกระหายเลือดเต็มไปหมด ค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้พี่ยู่ยี่ หลุบตามองลงไปมองเธอ ราวกับซาตานที่เพิ่งจะลงมายังโลกมนุษย์
พี่ยู่ยี่อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป รู้สึกเพียงแค่ว่าขาทั้งสองข้างเริ่มชา อยากจะหนีไปให้พ้นแต่กลับก้าวไม่ออกเลยสักนิด ได้แต่จ้องมองภวินท์ที่เตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายด้วยตาปริบๆ
“เมื่อครู่คุณบอกว่าจะถอนตัวจากรายการ”ในน้ำเสียงของภวินท์ฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ใด กลับยิ่งทำให้รู้สึกหวาดกลัว
พี่ยู่ยี่รีบเข้าไปดึงขากางเกงของเขาเอาไว้ น้ำเสียงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“ คุณภวินท์ ได้โปรดฟังฉันอธิบายก่อน ฉัน……”
ความเย็นชาในดวงตาของภวินท์ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น สะบัดมือของเธอออกอย่างรังเกียจ เธอล้มลงไปกับพื้นทันทีพร้อมกันนั้นของที่พกติดตัวก็ตกกระจาย ดูเข้ากับสภาพน่าสมเพชของเธอพอดี
“ตอบคำถาม ”เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
พี่ยู่ยี่รู้ตัวว่าเจอคนจริงเข้าให้แล้ว และไม่กล้าจะดิ้นรนต่อหน้ากล้องไปมากกว่านี้ ได้แต่ตอบด้วยเสียงสะอึกในลำคอ“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบหายตัวไปซะ อย่าให้ผมต้องลงมือเอง”น้ำเสียงของเขาไม่หนักหน่วงมาก แต่พี่ยู่ยี่กลับได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ
หลังจากที่คุณอนณจัดการเรื่องหมอส่วนตัวแล้วก็เดินกลับมาที่ห้องอีกครั้ง สายตาของภวินท์มีแววบีบบังคับที่มากพอจะทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมา กวาดตามองเธออย่างเย็นชา พาเอลล่าและญาธิดาเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่ยู่ยี่หรือว่าคอมเมนท์ที่เคยอวดดีก่อนหน้านี้ ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบขรึม
บาดแผลของอีธานไม่สาหัสมาก เป็นเพียงการถลอกของผิวภายนอกเท่านั้น เพียงแต่ลักษณะของเขาค่อนข้างพิเศษ จึงทำให้ดูเหมือนว่าแผลนั้นสาหัสมาก หลังจากห้ามเลือดในเบื้องต้นก็ไม่เป็นไรแล้ว
“คุณพ่อ หลังจากหายดีแล้วหน้าผากของผมจะมีแผลเป็นหรือเปล่า”เสียงเล็กๆของอีธานดังขึ้น
ภวินท์ได้ยินคำถามแล้ว แววตาที่เย็นชาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทันที
เขาค่อยๆปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ต เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนแขนทั้งสองข้าง เอ่ยตอบเบาๆว่า “การจะเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ก็ต้องยอมรับสัญลักษณ์แห่งความกล้าที่ดูโหดร้ายเหล่านี้ให้ได้ ”
อีธานเอียงหน้า มือน้อยๆลูบไปที่แผลเป็นของเขา ใบหน้าไร้เดียงสามีรอยยิ้มผุดขึ้นมา “คุณพ่อพูดถูก ลูกผู้ชายมีควรกลัวการเสียเหงื่อและเสียเลือด”
ภวินท์พยักหน้า ฝ่ามือจับที่เส้นผมอ่อนนุ่มของอีธาน “วางใจได้ บาดแผลเล็กแค่นี้ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรอกนะ“
ญาธิดามองดูภาพที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้เธอเป็นห่วงว่าจะทำให้อีธานตื่นตกใจ ตอนนี้ดูแล้วอีธานมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากทีเดียว จุดนี้คล้ายคลึงกับภวินท์มาก
“คุณแม่ ได้ยินที่คุณพ่อพูดหรือเปล่า ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ”
ก่อนหน้านี้เขากลัวว่าแม่จะเป็นห่วงเขาเกินไป ฉะนั้นจึงไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับแม่ ตอนนี้จิตใจของเขาสงบลงแล้ว ยังมีอารมณ์หันกลับมาปลอบใจแม่
ในใจของญาธิดาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆเดินเข้าไป “วิน คุณกลับไปรอฉันก่อน ฉันขออยู่กับอีธานและเอลล่าตามลำพังสักครู่ ”
ภวินท์พยักหน้าเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เธอและลูกๆได้มีเวลาอยู่กันตามลำพัง
บริเวณทางเดินแสงไฟค่อนข้างริบหรี่ มองเห็นเพียงแค่เงาคนเลือนรางเท่านั้น ดีที่ห้องตรงข้ามของห้องเด็กเป็นห้องของเขาและญาธิดา
เสียงล็อกกลอนประตูห้องเด็กดังขึ้น เงาร่างที่มีสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจนพุ่งออกมาจากมุมหนึ่งอย่างกะทันหัน ใช้แรงดันประตูห้องของภวินท์เอาไว้โดยที่เขาไม่ทันได้ปิดสนิท จากนั้นก็โถมเข้าไปในอ้อมอกของเขา กลิ่นฉุนของน้ำหอมราคาถูกปะทะเข้ากับจมูกของเขา
ในความมืดสลัว ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับขึ้นมา แค่ชั่วพริบตาก็บิดมืออีกฝ่ายเอาไว้ นิ้วมือที่แข็งแกร่งบีบคออีกฝ่ายเอาไว้แน่น ดันร่างนั้นติดกับผนังอย่างรุนแรง
“คุณภวินท์”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ปะปนไปด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทา ฃ
มืออีกข้างของเขายื่นไปกดสวิตซ์ในห้อง โคมไฟคริสทัลได้ส่องสว่างไปทั่วห้องที่ใหญ่โตโอ่อ่า พี่ยู่ยี่ไม่สามารถสู้แสงไฟได้ในชั่วขณะ จึงหรี่ตาลงทันที
เห็นได้ชัดว่าเธอมีการเตรียมการก่อนมาที่นี่ ชุดกระโปรงรัดรูปสีดำแทบจะปิดหน้าอกและขาอ่อนที่อวบอิ่มเอาไว้ไม่อยู่ เครื่องสำอางบนใบหน้าเห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะแต่งหน้าเสร็จ ยังไม่ค่อยกลมกลืนเข้ากับผิวเท่าไหร่นัก
ถ้าจะบอกว่าการแต่งหน้าของเธอก่อนหน้านี้ดูมีเสน่ห์อยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้นการแต่งหน้าในตอนนี้ก็ถือได้ว่าเซ็กซี่มาก
รับรู้ได้ถึงแรงบีบบริเวณลำคอที่ค่อยๆแน่นขึ้น ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมาเพราะความตื่นเต้น พยายามทำจิตใจให้นิ่งที่สุด
“คุณภวินท์ คุณทำฉันเจ็บนะคะ”เธอส่งสายตาออดอ้อนให้กับภวินท์ พยายามจะแกะมือใหญ่ออกจากลำคอ
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เธอต้องยั่วยวนภวินท์ให้สำเร็จ นวลเนื้อหอมๆที่ส่งถึงปาก เธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่หวั่นไหวเลย
แม้จะไม่มีทางบีบให้ญาธิดาออกไปจากเขาได้ แต่สามารถเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ วันหน้าเธอจะมีชื่อเสียงเงินทองให้เสพสุขไม่หมด อย่างน้อยก็ไม่ต้องออกจากรายการในตอนนี้ และสามารถรับประกันรายได้ของเธอนับจากนี้ได้
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่า ไม่เพียงแต่กำลังฝ่ามือของภวินท์จะไม่ผ่อนคลายลง กลับบีบแน่นยิ่งขึ้นไปอีก
รู้สึกอากาศที่หายใจเริ่มเบาบางลง แม้เธอจะพยายามสูดหายใจเฮือกใหญ่ๆ แต่ยังคงรับรู้ได้ถึงชีวิตที่กำลังค่อยๆขาดลมหายใจ
มือของเธอเริ่มคว้าอย่างสะเปะสะปะไม่หยุด ไม่เหลือท่าทีของความอ่อนโยนมีเสน่ห์อย่างเมื่อครู่เลยสักนิด ตอนนี้ในใจมีเพียงความหวาดกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ฉันเคยบอกแล้ว อย่าท้าทายกับความอดทนที่มีขอบเขตของฉัน”ริมฝีปากบางของเขาขยับเบาๆ น้ำเสียงเย็นชานั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด “เธอไม่มีโอกาสแล้ว……”
ดวงตาของพี่ยู่ยี่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ญาธิดาผลักประตูเข้ามา เห็นฉากนี้เข้าพอดี
หลังจากที่เธอมองพี่ยู่ยี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างวิเคราะห์แล้ว ในสายตามีแววเจ้าเล่ห์วาบขึ้นมา จงใจเข้าไปกอดแขนของภวินท์เอาไว้อย่างสนิทสนม เสียงทุ้มต่ำออดอ้อนดังขึ้น “ฉันมารบกวนพวกคุณหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเสียง ภวินท์กลืนน้ำลายเบาๆ ดวงตาที่เดิมทีมีแต่ความเย็นชาได้เกิดประกายแห่งความปรารถนาขึ้นมา เขาดึงมือกลับและโอบตัวญาธิดาเข้ามาแนบไว้ข้างตัวทันที
พี่ยู่ยี่ล้มลงไปที่พื้นอย่างแรง พลางไออย่างน่าสมเพช พลางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่กล้าเข้าใกล้ภวินท์อีกแล้ว ราวกับหนีเอาตัวรอดวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ไม่สนุกเลย”ดวงตาของญาธิดาแฝงไปด้วยแววยิ้มเยาะ เอ่ยพึมพำเบาๆ
เสียงแหบแห้งทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูของเธอเบาๆ “ผมจะทำให้คุณสนุกเองดีไหม……”
“ไม่ ที่นี่เป็นรีสอร์ตนะ ”เธอผลักอกที่กำยำของเขาออก พูดอธิบายว่า “เมื่อกี้ฉันก็แค่แกล้งผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง”
“ผมไม่ถือถ้าทำเรื่องล้อเล่นให้เป็นเรื่องจริง”เขาจับปอยผมที่ตกอยู่ข้างหู เอ่ยตอบด้วยเสียงอ่อนโยน
ราวกับคลื่นกระแสไฟฟ้าถูกส่งผ่านไปทั่วบริเวณรอบๆตัวเธอ มือที่กำลังผลักไสหน้าอกแข็งแกร่งของเขาก็ค่อยๆอ่อนกำลังไร้เรี่ยวแรงลง เธอพยายามตั้งสติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย หาข้ออ้างมั่วๆไปว่า “บนตัวคุณมีแต่กลิ่นของคนอื่น ฉันไม่เอา”
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยผมอาบให้สะอาดที”ว่าแล้วภวินท์ก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มเอาไว้ เดินไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว