ดวงใจภวินท์ - บทที่ 712 ค้นหาคนที่อยู่เบื้องหลัง
รุ่งเช้า ญาธิดาลุกขึ้นจากที่นอน พลางก่นด่าภวินท์อยู่ในใจเงียบๆ พลางลากสังขารที่เหนื่อยอ่อนไปเข้าร่วมรายการถ่ายทอดสด
ทางเจ้าของรายการได้ประกาศข่าวเรื่องการถอนตัวจากรายการของพี่ยู่ยี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แม้ว่าแฟนคลับของเธอจะรู้สึกโมโหมาก แต่ก็ต่อต้านกับกระแสคนจำนวนมากที่เข้าใจเหตุผลไม่ได้ สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงแบบค้างคา
พี่ยู่ยี่ลากกระเป๋าเดินทาง ถลึงตาให้กับญาธิดาที่กำลังยิ้มอย่างสดใส จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากรีสอร์ต
ในรายการขาดคนไปหนึ่งคน ย่อมมีการปะทะหรือความเห็นที่ต่างกันน้อยลง สองวันถัดจากนั้นก็เป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งสิ้นสุดรายการ
รถไมบัคมาถึงบ้านพักของตระกูลสถิรานนท์ ญาธิดานั่งอยู่บนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า รีบโทรหาพี่โอ๊ตทันที แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดปากพูด เสียงตื่นเต้นของพี่โอ๊ตก็ดังขึ้นมาก่อน
“ธิดา รายการถ่ายทอดสดครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก แฟนคลับของอีธานกับเอลล่าเพิ่มขึ้นเป็นนิวไฮ ตอนนี้กำลังจะทะลุล้านคนแล้ว เธอต้องพยายามอีกหน่อยนะ”
ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกลอกตา ตอบด้วยเสียงเนือยๆไร้พลังว่า “ที่ฉันโทรหาพี่ก็เพื่อจะบอกว่า หลังจากนี้อีธานกับเอลล่าขอปฏิเสธงานโฆษณาทุกอย่าง พวกเราจะไม่เข้าร่วมรายการเหล่านี้อีกแล้ว”
หลังจากที่ปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก็มีเสียงคลุ้มคลั่งของพี่โอ๊ตดังขึ้น “โธ่แม่ยอดขมองอิ่ม แม่ตัวนำโชคของฉัน ทำไมเธอถึงเปลี่ยนความคิดอีกแล้ว ”
“เหนื่อยเกินไป”เธอเงยหน้าขึ้นถอนหายใจยาว
“ธิดา หนังคอมเมดี้ต้อนรับปีใหม่เรื่องแฮปปี้เฟมิลี่สี่อยู่ระหว่างจัดเตรียมงานกันแล้ว คาดว่าหลังจากนี้สองเดือนก็เปิดกล้องได้แล้ว ฉันพยายามหาบทที่เหมาะสมกับอีธานและเอลล่าที่สุดไว้ให้แล้ว นั่นมันผลงานของผู้กำกับระดับโลกเชียวนะ”
“ไม่ไปไม่ไป……”ญาธิดาโบกมือขึ้นกลางอากาศ ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค ทันใดนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบดีดตัวลุกขึ้นมาจากโซฟาทันที “หนังของผู้กำกับlee Tong”
นั่นเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่เธอเคยเลื่อมใสมากที่สุดคนหนึ่ง ตอนที่เธอเป็นผู้กำกับการ์ตูนเอนิเมชันได้เรียนรู้เทคนิคในการกำกับจากผู้กำกับคนนี้มากมาย
ได้รับการยืนยันจากพี่โอ๊ตแล้ว เธอก็เริ่มลังเลใจขึ้นมา เธอไม่อยากจะพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้จากผู้กำกับฝีมือดีอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่อยากจะโลดแล่นในวงการหนังอีกแล้ว
เพราะผู้กำกับlee Tongเป็นคนที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อตรงไม่ลำเอียงในวงการ งานกำกับของเขาดีมาก นักแสดงที่เคยร่วมงานกับเขาทั้งหมดต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายากมาก
“ให้เวลาฉันคิดดูก่อนได้ไหม”เห็นได้ชัดว่าเสียงของเธออ่อนลงไปมาก
พี่โอ๊ตถอนหายใจเฮือกหนึ่งเงียบๆ ฉวยโอกาสเอ่ยเร่งขึ้นมาว่า “เธอยังจะคิดอะไรอีก หนังเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคัดเลือกนักแสดง เป็นโอกาสดีที่ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ถ้าถูกคนอื่นแย่งบทไปจะทำยังไง”
“ก็คิดซะว่าไม่มีบุญวาสนาพอ”เธอตอบอย่างสบายๆ
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ ทันใดนั้นมือถือของภวินท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เขามองญาธิดาแวบหนึ่ง หยิบมือถือขึ้นมาเดินไปรับสายตรงระเบียง
ปากช่างเจรจาของพี่โอ๊ตยังคงร่ายยาวไม่หยุด เป่าหูของญาธิดาไม่หยุดไม่หย่อน จนกระทั่งภวินท์ที่เดินกลับมาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เธอยังไม่มีทีท่าจะวางสายสักที
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของภวินท์เปลี่ยนไป เธอก็รีบพูดขึ้นว่า “ภวินท์เขามีเรื่องจะคุยกับฉัน เรื่องของพี่ค่อยว่ากันทีหลังนะ”
“ยังมีเรื่องอะไรสำคัญกว่าเรื่องนี้อีก……วิน คุณภวินท์”
พี่โอ๊ตชะงักไปเสี้ยววินาที น้ำเสียงที่เดิมทีเร่งเร้าก็ช้าลงในทันที กระทั่งยังแฝงความเยินยอไว้ด้วย “เรื่องของคุณภวินท์สำคัญกว่าแน่นอนอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ฉันพูดเธอก็ลองทบทวนดีๆแล้วกันนะ”
วางสายไปแล้ว เธอรีบเข้าไปหาภวินท์ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“เรื่องงานแถลงข่าว”เขาตอบเสียงขรึม
เธอขมวดคิ้วขึ้นมา ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ภวินท์จะจัดงานแต่งงาน มีนักข่าวชายคนหนึ่งได้ประกาศในงานแถลงข่าวถึงสถานะของอีธานกับเอลล่าเป็นการส่วนตัว เกือบจะทำให้เด็กทั้งสองคนต้องตกอยู่ในอันตราย
ตอนนั้นเธอได้ส่งตัวนักข่าวที่จับตัวได้ให้กับพายุเพื่อให้เขาช่วยตรวจสอบ ในที่สุดก็มีบทสรุปแล้ว
เธอรีบคว้าแขนของเขาเอาไว้ทันที ถามอย่างร้อนใจว่า “นักข่าวคนนั้นยอมสารภาพแล้วเหรอ หรือว่าพายุเขาสืบหาเบาะแสใหม่ได้”
“สืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้แล้ว”
ภวินท์กวาดตามองเธอแวบหนึ่ง พูดถึงตรงนี้ก็หยุดลงอย่างฉับพลัน ใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายอยากรู้คำตอบ สีหน้ากลับเคร่งขรึมลงเหมือนกับภวินท์
“ใครเป็นคนทำ คุณพูดซิ”เธอตะคอกเสียงต่ำ ในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
ภวินท์เลี่ยงที่จะใช้คำพูดที่ฟังดูหนักเกินไป นี่มันไม่เข้ากับนิสัยปกติของเขาเลย นอกจากว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง ที่เขาไม่พูดอาจเป็นเพราะเกรงว่าเธอจะยอมรับคำตอบไม่ได้
เห็นได้ชัดว่า เป็นการกระทำของคนใกล้ตัว
“เป็นฝีมือของธีทัต”ภวินท์หลุบตาลง เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาเบาๆว่า “พายุสืบพบว่ามีเงินก้อนหนึ่งถูกโอนไปให้นักข่าวโดยเพื่อนของธีทัต”
เป็นไปไม่ได้
ดวงตาของญาธิดาปกปิดความประหลาดใจเอาไว้ไม่อยู่ จ้องมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
ทัตเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและใส่ใจมาก และยังดูแลเธอกับลูกอย่างดีมาตั้งหลายปี จะทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายเธอกับอีธานและเอลล่าได้ยังไง
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเพื่อนเขาไม่ชอบฉัน จึงได้ทำแบบนี้ ระหว่างพวกเรายังมีอันอันเป็นตัวเชื่อม ถ้าเขาคำนึงถึงอันอันก็คงไม่มีทางทำเรื่องอย่างนี้”
เมื่อเห็นว่าเธอยินดีจะหลอกตัวเองมากกว่าจะสงสัยในตัวธีทัต สีหน้าของภวินท์ก็ยิ่งเคร่งขรึมลง เอาหลักฐานที่ถูกส่งมาทางแฟกซ์โยนให้ญาธิดาดูทันที
บนหน้ากระดาษเอสี่สองใบเต็มไปด้วยรายการโอนเงินมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นของธีทัต อีกใบหนึ่งเป็นของเพื่อเขา
รายการบัญชีของทั้งสองคนไม่ค่อยจะโปร่งใสนัก สามารถแยกแยะได้อย่างเลือนรางว่าพวกเขาสองคนได้มีการใช้วิธีการสลับกันโอนเงินไปมาเพื่อสร้างเส้นทางการโอนเงินขนาดใหญ่ เพื่อหวังจะกลบเกลื่อนรายการบัญชีที่ได้ทำการโอนให้กับนักข่าว
มือของญาธิดาที่ถือกระดาษเอาไว้สั่นเทาเล็กน้อย แค่ชั่วพริบตากระดาษขาวเรียบๆก็ถูกขยำเป็นก้อนซะแล้ว เธอกำมันเอาไว้ในมือแน่นๆ ในดวงตาของเธอมีไฟแห่งโทสะค่อยๆผุดขึ้นมา
“คุณจะไปไหน”ภวินท์ยื่นมือไปรั้งตัวญาธิดาที่กำลังเตรียมตัวจะออกจากประตูด้วยความโกรธ
อารมณ์ของญาธิดาพลุกพล่าน ผลักมือของเขาออกและตะคอกเสียงดังว่า “ฉันจะไปถามเขา ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ทั้งๆที่เขาก็รู้ดีว่าอีธานกับเอลล่าสำคัญกับฉันมากแค่ไหน ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้”
“ธิดา คนเรามันเปลี่ยนกันได้ เช่นคุณ และเช่นเขา”
“มันไม่เหมือนกัน ”ขอบตาของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงสะอื้น “อีธานกับเอลล่าเป็นขีดจำกัดของฉัน อันอันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เขาทำแบบนี้ไม่ต่างกับการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน ฉันรับการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างของเขาได้หมด แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ฉันรับไม่ได้”
ญาธิดาค่อยๆถอยหลังไปเล็กน้อย เว้นระยะห่างออกจากเขา “ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องไปหาเขา อย่างน้อยก็ต้องไปหาอันอันที่บ้านตระกูลกรเวช ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าอันอันตกอยู่ในสภาพไหน คำพูดของเขาฉันไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่คำเดียว……”
ภวินท์ค่อยๆหดมือกลับมา ไม่รั้งเธอไว้อีก จนกระทั่งเงาของเธอหายเข้าไปในบ้าน จึงได้โทรหาพายุให้รีบไปที่บ้านของตระกูลกรเวช เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นกับญาธิดา
พวกเขาต่างก็รู้ดีแก่ใจ ธีทัตในตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
หลังจากโครงการ EAST Residences ภวินท์ก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ที่เดิมทีไม่เคยแก่งแย่งชิงดีกับใครตอนนี้ได้กลายเป็นสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่ง กัดคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันแบบไม่ปล่อย
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ธีทัตจะมีจิตใจที่บ้าคลั่งแม้กระทั่งคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่สุดก็ไม่เว้น