ดวงใจภวินท์ - บทที่ 714 ทำตามแผน
บทที่ 714 ทำตามแผน
ญาธิดาไม่กล้าให้พายุรู้เรื่องนี้ ฉะนั้นจึงรอให้เขาจากไปแล้ว จึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนบ่ายให้ภวินท์ฟัง
หลังจากภวินท์ฟังจบแล้ว บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆเผยออกมา เธออดที่จะรู้สึกร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอันอันกับธีทัต แต่จะให้ฉันนั่งดูเฉยๆไม่ช่วยอะไรเลยไมได้”
“ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วย”เขาใช้สายตาเย็นชามองเธอ “เรื่องมันรุนแรงกว่าที่ผมคิดเอาไว้”
แม้ว่าตระกูลกรเวชจะมีประวัติความเป็นมานานไม่เท่ากับตระกูลสถิรานนท์ แต่ก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองJ ด้านการป้องกันความปลอดภัยก็คงไม่แย่นัก
การจะขโมยตัวอัญมณีออกมาจากบ้านกรเวช ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายขนาดนั้น
ไม่ว่าจะเป็นการทำเพื่อญาธิดา หรือทำเพื่อพายุ เขาก็จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของอัญมณี
“คุณแน่ใจหรือว่าจะช่วยอัญมณี”ดวงตาที่มีแววหม่นแสงมองไปที่ร่างของเธอ เอ่ยเตือนด้วยเสียงเย็นว่า “ถ้าทำอย่างนี้ ก็เท่ากับคุณประกาศสงครามกับธีทัตอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้พวกคุณ ……”
“เป็นศัตรูก็ไม่เป็นไร”น้ำเสียงของญาธิดาแน่วแน่ผิดปกติ“เขาไม่ใช่ธีทัตที่ฉันรู้จักตั้งนานแล้ว ฉันแค่คิดถึงความเป็นมิตรของฉันกับอันอัน ไม่เกี่ยวกับเขา”
เรื่องราวในวันวานผุดขึ้นมาในสมอง ธีทัตได้ทำเรื่องมากมายทำให้เธอไม่สามารถให้อภัยต่อเขาได้ สิ่งที่เธอติดค้างธีทัตเธอจะใช้วิธีการอื่นในการตอบแทนเขาให้หมด แต่จะไม่ทำเหมือนตอนนี้โดยการเอาบุญคุณตอบแทนความแค้นอย่างเด็ดขาด
ท่าทีที่เย็นชาเคร่งขรึมของภวินท์ที่เป็นมาตลอดทั้งวันในที่สุดก็ค่อยๆดีขึ้นแล้ว
เขาค่อยๆก้าวเขาไปหาญาธิดา เอ่ยเสียงต่ำว่า“เห็นทีคุณไม่ได้ถูกปกปิดจากความจริง”
ปกปิด
ญาธิดานิ่งไป มองเขาด้วยสายตาสงสัย เมื่อลองคิดในสิ่งที่เขาพูดก็ได้สติและรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทีระอาใจออกมา
“ภรรยาเป็นของคุณ ลูกก็เป็นของคุณ ตอนนี้พวกเราอยู่ข้างกายคุณ แต่คุณกลับไม่วางใจ”
ภวินท์ไม่ได้ตอบเธอ หลังจากกระแอมเพื่อเคลียร์เสียงในลำคอแล้วกำลังจะโทรหาพายุ แต่กลับถูกญาธิดาห้ามเอาไว้ทันที
“ฉันแค่อยากจะยืมคนของคุณสักสองคน ขวัญจะร่วมมือกับฉัน ถ้าคุณกับพายุยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้มีแต่จะเป็นการทำให้ธีทัตรู้ทัน ฉันเกรงว่าหากเรื่องจริงถูกเปิดเผยเขาจะโมโหจนทำร้ายอันอันอีก”
ภวินท์เข้าใจในความกังวลของเธอ และไม่โต้แย้งกับเธออีก ตอบเสียงขรึมว่า “คุณพาพยัคฆ์กับพี่เข้มไป พวกเขาได้ฝึกลูกน้องอีกสองคนฝีมือไม่เลวทีเดียว คนหน้าใหม่จะสะดวกกว่าในการรับคำสั่งคุณ”
ในคืนนั้น เธอกับขวัญตาแทบจะไม่ได้นอนเลย ทั้งสองคนวางแผนการของวันพรุ่งนี้ผ่านข้อความโต้ตอบกันไปมา ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ติดต่ออัญมณีไปแล้วครั้งหนึ่ง จึงทำให้พอวางใจได้บ้าง
ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้นแล้ว ขวัญตาแอบย่องเข้าไปในห้องของอัญมณี
อัญมณีก็นอนไม่หลับ ตอนนี้กำลังขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง สองแขนกอดเข่าทั้งสองข้างไว้แน่น ดวงตาที่ไร้ความสดใสมองดวงดาวนอกหน้าต่างที่กำลังเลือนหายไป
“คุณเข้ามาทำไม”เธอไม่เคลื่อนไหว ได้แต่เอ่ยขึ้นถามเบาๆหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู
“คุณไม่นอนจริงๆด้วย……”
ขวัญตาคุ้นเคยกับท่าทีของเธอเช่นนี้แล้ว เข้าไปนั่งลงข้างกายเธอเหมือนเช่นที่ผ่านมา ทำท่าทางเหมือนกับเธอ “ฉันกับญาธิดาได้วางแผนเรียบร้อยแล้ว พวกเราต่างก็นอนไม่หลับ ฉันคิดว่าเธอก็คงจะไม่นอนเหมือนกัน ”
“พวกคุณช่วยเหลือฉันขนาดนี้ ฉันขอบคุณมาก”น้ำเสียงของเธอแหบแห้งอยู่บ้าง เห็นได้ชัดเกิดจากการไม่ได้เอ่ยปากพูดจามาเป็นเวลานาน
ขวัญตามองเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วงแวบหนึ่ง ในใจเกิดความรู้สึกขมขื่นและสงสาร ยื่นมือออกไปดึงตัวเธอเข้ามานอนลงบนขาของตนเอง
“เธอขอบคุณธิดาก็พอ ฉันไม่ได้ช่วยเธอด้วยความจริงใจสักนิด”ขวัญตาอธิบายอย่างเรียบๆ
อัญมณีเผยรอยยิ้มเยาะออกมาบนใบหน้า “คุณน่าจะช่วยเขาควบคุมตัวฉันเอาไว้ ทำแบบนั้นเขาจะได้พอใจ สิ่งที่คุณทำในตอนนี้จะยิ่งทำให้เขาเกลียดคุณมากขึ้น ระหว่างพวกคุณคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้หวังว่าจะได้อยู่กับเขาตั้งนานแล้ว”เธอเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่น“ฉันแค่ไม่อยากให้ธีทัตทำผิดพลาดซ้ำๆ ทำเรื่องที่จะทำให้ตัวเองเสียใจในภายหลัง”
อัญมณีไม่ตอบ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เธอค่อยๆหลับตาลง ลมหายใจก็ค่อยๆสงบนิ่ง
“หลังจากพรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ฉันยังสามารถมองเห็นอันอันที่น่ารักสดใสอีกครั้ง ใช่ไหม” ขวัญตาเอ่ยพึมพำ
จนกระทั่งอัญมณีเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างแท้จริง เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาอย่างระมัดระวังและโทรหาญาธิดา “เตรียมหมอจิตเวทย์ไว้ให้อันอันคนหนึ่ง อาการเธอไม่ดีเลย”
หลังจากที่ฟ้าสว่างเต็มที่แล้วธีทัตได้เข้ามาเยี่ยมน้องสาว
เห็นสองสาวโอบกอดกันนอนหลับไป ความห่วงใยในสายตาของเขาค่อยๆจางหายไป หันไปสั่งกับพี่ส้มว่า “วันนี้พาคุณหนูไปเดินเล่นในสวน เวลาปกติไม่ต้องคุมเข้มขนาดนี้ แค่คอยสังเกตไม่ให้เธอวิ่งเตลิดออกไปไหน และไม่ให้ติดต่อกับคนภายนอกก็พอ”
เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ขวัญตาที่กำลังหลับอยู่ตื่นขึ้นมา และคำพูดเหล่านี้เธอได้ยินทุกถ้อยคำ
ได้ยินเสียงปิดประตูห้อง เธอรีบลุกขึ้นมาส่งข้อความให้ญาธิดา “มีการเปลี่ยนแผน อันอันสามารถเดินไปยังจุดที่กำหนดไว้ในแผนเองได้ ”
เดิมทีแผนการของพวกเธอคือให้ขวัญตาดึงดูดความสนใจของคนรับใช้ พวกพยัคฆ์ปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ด และคนขับรถปีนข้ามกำแพงเข้าไปในบ้านของตระกูลกรเวช
ขวัญตาจะใช้เหตุผลในการเปลี่ยนกะของบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูเปลี่ยนมาเป็นพยัคฆ์ สุดท้ายก็พาอัญมณีออกจากทางหน้าต่างไปยังกำแพงด้านหลัง จากนั้นก็หนีไปพร้อมกัน
ตอนนี้อัญมณีสามารถเดินไปที่กำแพงด้านหลังได้ด้วยตนเองแล้ว พวกเขาจะประหยัดเวลาได้มากทีเดียว ขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงที่อาจจะถูกพบเข้าซะก่อน เมื่อธีทัตพบว่าน้องสาวได้หนีไปแล้ว อัญมณีก็ไปถึงจุดหมายที่ปลอดภัยอย่างราบรื่น
ญาธิดาส่งข้อความไปให้พยัคฆ์ทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินทางไปรอยังบริเวณกำแพงหลังบ้านของตระกูลกรเวชที่มีความสูงไม่มากนัก
ไม่ช้า เสียงของขวัญตาก็ดังขึ้นจากอีกฟากของกำแพง “พี่ส้ม ไปเตรียมน้ำขิงให้อันอันสักแก้ว เธออยู่ในห้องมานาน ออกมารับลมกะทันหันจะทำให้เป็นหวัดเอาได้”
“เอ่อ……”พี่ส้มลังเลอยู่บ้าง “คุณผู้หญิง ไม่สู้พาคุณหนูกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ รอให้แสงแดดดีกว่านี้……”
น้ำเสียงของขวัญตาเคร่งขรึมลงทันที “นี่เธอกำลังจับตาดูอันอัน หรือจับตาดูฉันกันแน่ ที่นี่รั้วรอบขอบชิด ฉันจะพาเธอหนีได้ยังไง”
พี่ส้มไร้คำพูดจะโต้ตอบ และไม่กล้าโต้แย้งอีก รีบไปเตรียมน้ำขิงอย่างที่เธอสั่งการ
หัวใจของญาธิดาตื่นเต้นจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมา หลังจากได้ยินเสียงสั่นของมือถือดังขึ้นสองครั้งเป็นการส่งสัญญาณ เธอรีบส่งสัญญาณให้พยัคฆ์ปีนกำแพงทันที
ด้วยกำลังของผู้ชายสองคนได้ดันตัวอัญมณีและขวัญตาให้พ้นจากกำแพง จากนั้นรถตู้ก็วิ่งออกจากบ้านกรเวชอย่างรวดเร็ว
ภายในรถ อัญมณีสีหน้าซีด ร่างผอมโซสั่นเทา กอดญาธิดาไว้แน่น
“อันอันไม่ต้องกลัว หลังจากนี้ไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีกแล้ว”
เธอยื่นมือไปโอบร่างของอัญมณีเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าทันใดนั้นอัญมณีจะขมวดคิ้วแล้วก็ร้องอย่างเจ็บปวดอยู่ในลำคอเสียงหนึ่ง เธอกวาดตามองบริเวณที่เธอแตะต้องเมื่อครู่ จากนั้นก็เลิกแขนเสื้อของอัญมณีขึ้นอย่างระมัดระวัง
แขนผอมบางของอัญมณีเต็มไปด้วยสีแดงฉาน รอยแผลสีแดงน่ากลัวมีทั้งแผลเก่าแผลใหม่ เป็นแผลพี่นทับกันบนผิวที่เดิมทีขาวละเอียดของเธอ
“นี่มัน ……”ฝีมือธีทัตเหรอ?!
ขวัญตาถอนหายใจเบาๆ “อันอันเถียงกับธีทัตบ่อยๆ แล้วธีทัตก็ควบคุมเธอไว้ในห้องเหมือนกับเป็นนักโทษ พอนานเข้าอารมณ์ของอันอันก็รุนแรงขึ้น ถึงขั้นทำร้ายตัวเองบ่อยๆ”