ดวงใจภวินท์ - บทที่ 715 ปมในใจที่คลี่คลายไม่ได้
บทที่ 715 ปมในใจที่คลี่คลายไม่ได้
อัญมณีถูกส่งไปอยู่ที่บ้านพักของตระกูลสถิรานนท์เป็นการชั่วคราว ห้องพักรับรองอยู่ใกล้กับบ้านใหญ่มาก จึงสามารถเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้เธอได้อย่างเพียงพอ และไม่เสียเวลาหากญาธิดาจะไปเยี่ยมบ่อยๆ
จิตแพทย์ที่ภวินท์เชิญมาถึงในเวลาไม่ช้า หลังจากให้การปรึกษาเรื่องทางจิตใจกับเธอแล้ว อารมณ์ของเธอจึงสงบนิ่งลง
พายุเดินไปมาอยู่หน้าห้องรับรองอย่างกระวนกระวายใจ มีหลายครั้งที่อยากจะลองบุกเข้าไป แต่ก็ถูกญาธิดารั้งเอาไว้ “ฉันเข้าในอารมณ์นายในตอนนี้ แต่ว่าเวลานี้นายณไม่เหมาะที่จะเข้าไปเจออันอัน ”
พายุเห็นเธอเอาแต่ห้ามเขา สีหน้าก็ไม่พอใจขึ้นมา น้ำเสียงก็หนักแน่นขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ “คุณนาย ขอร้องอย่าทำให้ผมลำบากใจเลย ผมก็แค่อยากจะเห็นเธอจากที่ไกลๆเท่านั้น”
เธอคิดไม่ถึงว่าพายุจะแสดงกิริยาเช่นนี้กับเธอ แม้ว่าเธอจะเข้าใจพายุ และไม่โทษเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
“นายทำกิริยาแบบนี้กับธิดาเหรอ”เสียงเคร่งขรึมของภวินท์ดังขึ้นข้างหลังพวกเขาสองคน เขาก้าวเท้าหนักๆเข้าไปหาพายุ จากนั้นก็ปล่อยหมัดชกพายุจนล้มลงไปที่พื้น “อยากจะเป็นตัวเร่งให้อัญมณีเป็นบ้า ก็ไม่มีใครห้ามนาย”
“ท่านประธาน……”
หมัดนี้หนักมาก แก้มด้านข้างของพายุสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากำลังบวมแดงขึ้น มุมปากมีเลือดซิบออกมา เขาสูดลมหายใจเข้า เช็ดเลือดที่มุมปาก ลุกขึ้นจากพื้นด้วยท่าทีคล่องแคล่ว
“คุณนาย ยกโทษให้ผมด้วยที่ผมใจร้อนเกินไป”เขาพูดออกมาอย่างนอบน้อม
ญาธิดาโบกมืออย่างรู้สึกรำคาญใจ สายตาที่เป็นห่วงหันไปมองประตูห้องรับรองอีกครั้ง
จิตแพทย์ที่ภวินท์เชิญมาเป็นหมอที่เพิ่งจะกลับมาจากอเมริกาเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมมาก แม้ว่าเธอจะดูเป็นสาวน้อยน่ารักสดใสคนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมีประสบการณ์ทำงานที่โชกโชน
หลายวันก่อนหลุยส์เอาหัวเป็นประกันว่าจิตแพทย์คนนี้เป็นผู้นำในวิชาชีพนี้อย่างแน่นอน เขาจึงเชิญเธอมาช่วยรักษาอัญมณีที่บ้านสถิรานนท์
ผ่านไปนานมากแล้ว สาวน้อยคนนั้นจึงเดินออกมาจากห้องรับรองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เธอก้มหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายกับภวินท์และญาธิดา ใบหน้าที่สดใสแสดงออกให้เห็นถึงความกังวลใจอย่างที่ไม่สอดคล้องกับอายุเลย “คุณอันอันไม่ยินดีจะให้ใครมาช่วยแก้ปมในใจของเธอ ฉันต้องการเวลาสักหน่อยเพื่อจะทำการแก้ไข”
“คุณอลิสา ผู้ป่วยคนนี้รักษายากมากเลยเหรอ”ญาธิดานวดที่หัวคิ้ว สีหน้ามีความเจ็บปวดเล็กน้อย
อลิสาจริงจังมาก พยักหน้าอย่างหนัก“เธอเอาแต่เราเรื่องระหว่างเธอกับพี่ชายสมัยเด็กไม่หยุด แสดงว่าเธอยังคงใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ไม่สามารถเผชิญกับปัจจุบัน และไม่ยินดีจะยอมรับความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นปมที่อยู่ในใจของเธอ”
ภวินท์ดึงตัวญาธิดาเข้าไปในอ้อมกอด เหมือนจะใช้วิธีการนี้แบ่งเบาความเจ็บปวดในใจของเธอ ตอนนี้ในบรรดาคนทั้งหมดที่ยังสามารถรักษาความนิ่งในใจได้มีเพียงแค่เขากับอลิสาเท่านั้น
“ถ้าจะทำการรักษาให้หายขาดต้องใช้เวลานานแค่ไหน”เขาถามเสียงขรึม
อลิสาถอนหายใจอีกครั้ง ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา“ก่อนอื่นเราต้องดึงผู้ป่วยกลับมาจากความทรงจำเก่าๆ ให้เธอลองเปิดใจยอมรับความเป็นจริงในตอนนี้ ทำแบบนี้จึงจะคลายปมในใจของเธอได้ ให้เธอได้รับการรักษาในขั้นต่อไปอย่างมั่นคง ”
“ต้องการให้พวกเราช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า”เขาถามขึ้นอีกครั้ง
“ต้องการให้คนที่ผู้ป่วยสนใจปรากฏตัวขึ้น ให้เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในชีวิตในตอนนี้ เธอจึงจะสามารถลองเปิดใจยอมรับความเป็นจริงได้”
อลิสาพูดจบแล้ว สายตาของทุกต่างก็จ้องไปทางร่างของพายุ
แม้เขาจะพยายามทำเป็นใจเย็นสักแค่ไหน แต่สองมือก็ยังคงสั่นเทาโดยที่ควบคุมไม่ได้ “ผมเทียบกับพี่ชายเธอไม่ได้ เรื่องที่คุณหมอพูดผมทำไม่ได้”
ญาธิดารีบเดินเข้าไปตรงหน้าเขา กำเสื้อสูทตัวนอกของเขาไว้แน่น “ตอนนี้มีแต่นายเท่านั้นที่สามารถช่วยอันอันได้ ถ้าหากแม้แต่นายก็ไม่ช่วย อันอันคงจะไร้ทางรอดแล้วจริงๆ”
“คุณผู้หญิง ผม……”สีหน้าเขาเจ็บปวดมาก “ผมทำไม่ได้จริงๆ……”
“ถ้าอยากจะฟื้นฟูความมั่นใจของผู้ป่วย ก่อนอื่นคุณก็ต้องมีความมั่นใจในตัวเองมากพอ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าคุณทำไม่ได้”
แววตาสดใสของอลิสาเป็นประกายวาววับ ขณะที่เอ่ยปากพูดใบหน้ายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เผยให้เห็นฟันเขี้ยวที่น่ารักทั้งสองซี่
เหมือนน้ำเสียงและรอยยิ้มของเธอจะมีมนต์สะกด ทำให้จิตใจที่กระวนกระวายของญาธิดาสงบลงได้ในชั่วพริบตา แม้แต่พายุที่กำลังลังเลอยู่ชั่วครู่ก็พยักหน้ารับอย่างมั่นใจ
ภวินท์หรี่ตาลงมองไปทางเธอ ทันใดนั้นก็เข้าใจทันทีว่าทำไมหลุยส์ถึงได้รับประกันหนักหนาตอนที่แนะนำผู้หญิงคนนี้ให้เขา คำพูดเพียงไม่กี่คำของเธอก็สามารถควบคุมคนที่อยู่ที่นี่ได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
“ตอนนี้พวกคุณเข้าไปเยี่ยมคนป่วยได้ แต่ฉันขอแนะนำว่าอย่าเข้าไปครั้งละมากๆ และอย่ารบกวนเธอบ่อยๆ ขอแค่มั่นใจว่าเธอจะไม่ทำร้ายตัวเองก็พอแล้ว”
อลิสาจัดระเบียบเส้นผมบริเวณหน้าผากของตนเอง เตรียมจะไปจากบ้านสถิรานนท์
ญาธิดาไม่ได้รู้สึกต่อต้านคุณหมอคนนี้ แต่กลับรู้สึกว่าแค่เจอกันครั้งแรกก็สนิทใจเหมือนเพื่อนเก่า เห็นว่าคุณหมอจะไปแล้ว เธอก็รีบพูดขึ้นว่า
“วิน คุณไปส่งคุณอลิสาที ฉันจะพาพายุไปดูอันอันสักหน่อย”
ภวินท์ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ผายมือทำท่าเชิญให้กับอลิสา ทั้งสองก็เดินเคียงกันไปยังประตูทางออก
“คุณภวินท์มีอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะได้เลยค่ะ ฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างคุณจะออกมาเพื่อส่งฉันเท่านั้น ”บนใบหน้าของ”อลิสายังคงมีรอยยิ้มขี้เล่นแฝงอยู่
ภวินท์ไม่ได้รู้สึกตกใจที่เธอจะพูดประโยคนี้ออกมา กลับตอบกลับด้วยท่าทีเรียบเฉย“ ผมหวังว่าคุณหมอจะมาเยี่ยมธิดาบ่อยๆ”
“มาเยี่ยมหรือมาสอนคะ”เธอชะงักฝีเท้า ดวงตาที่มีรอยยิ้มสดใสมองแววตาที่ลึกล้ำของเขา “ฉันเข้าใจว่าคุณต้องการปกป้องจิตใจของคุณนาย และจะถ่ายทอดทุกสิ่งที่ฉันเรียนรู้มาให้กับเธอ ขอให้คุณวางใจได้”
“ขอบคุณมาก”
อลิสาแคะหูตัวเอง บนใบหน้ามีรอยยิ้มขี้เล่นผุดขึ้น น้ำเสียงมีแววหยอกล้อ “โอ้โฮ ได้ยินคำขอบคุณจากปากของคุณภวินท์ เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ ถ้าคุณหลุยส์รู้เข้าคงต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่ๆ”
“คุณหมอกับหลุยส์เป็น……”
“เขามันก็คนที่รู้ไม่เท่าทันคนอื่น อย่าพูดถึงจะดีกว่า ”อลิสารีบโบกมือไปมา แบะปากอย่างรังเกียจมาก
“คุณก็รู้ดี ฉันน่ะถนัดเรื่องเดาใจคนอื่น ฉะนั้นจึงเห็นความคิดในจิตใจของเขาทั้งหมด ใครจะรู้ว่าคนอย่างเขาจะชอบอะไรที่มันรุนแรง จะให้ฉันติดตามเขาทั้งวันให้ฉันด่าว่าเขาจึงจะรู้สึกสบายใจ ”
สุดท้าย เธอยังไม่ลืมที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงว่า “เป็นผู้ป่วยทางประสาทคนหนึ่งจริงๆ”
ภวินท์ได้ยินแล้ว แววตาที่ดำสนิทมีแววขุ่นเคืองวาบผ่าน ตอบกลับอย่างไม่เกรงใจว่า “ผมรู้สึกว่าคุณหมอเอาเขาไม่อยู่”
“ฉัน……?”สีหน้าของอลิสาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจนภวินท์ไม่ทันจะสังเกตเห็น แค่ชั่วพริบตาก็กลับสู่ท่าทีร่าเริงสดใสเหมือนก่อนหน้านี้
“ไม่มีคนป่วยคนไหนที่อลิสาเอาไม่อยู่ ก็แค่โรคประสาทเท่านั้น รักษาได้ง่ายมาก”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น ในสมองมีภาพของหลุยส์ที่มีท่าทีคลุ้มคลั่งและไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี “อาจจะใช่”
คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งหลุยส์จะเจอกับปัญหาที่จัดการได้ยากเหมือนกัน
พอดีกับที่อลิสามองไปเห็นเข้ากับสายตาที่แฝงแววล้อเลียนของภวินท์เข้า ในใจก็ยิ่งรู้สึกลุกลี้ลุกลน รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ฉันยังมีธุระต้องไปจัดการ เรื่องที่คุณภวินท์ไหว้วานฉันจะทำเต็มที่”
พูดจบแล้ว เธอก็รีบไปจากบ้านตระกูลสถิรานนท์ ในใจก็แอบสบถเงียบๆ คนที่เป็นเพื่อนกับหลุยส์ได้ล้วนไม่ใช่คนดีอะไร ต่างก็เป็นพวกบ้าที่มีโรคประสาท