ดวงใจภวินท์ - บทที่ 716 คนที่รักฉันที่สุด
บทที่ 716 คนที่รักฉันที่สุด
เดิมทีห้องรับรองของบ้านสถิรานนท์นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นร้านดอกไม้ขนาดใหญ่ ตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นที่อยู่ของอัญมณี
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันภวินท์ได้ยินเรื่องอาการของเธอ ใช้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่เชิญตัวอลิสามา และปรับเปลี่ยนห้องรับรองอ่างที่อลิสาได้กำชับให้ทำ เตรียมไว้แม้กระทั่งข้าวของที่พายุต้องใช้อย่างใส่ใจ
ก่อนหน้านี้หนึ่งวันญาธิดาได้เข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยในห้องรับรอง จากนั้นก็เอ่ยกับภวนิท์อย่างเด็ดขาดว่า ต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดขนาดเล็ก
นอกจากจุดที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนและห้องน้ำแล้ว มีกล้องติดตั้งอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ให้มีจุดบอดใดๆหลงเหลืออยู่ เธอต้องการปกป้องอันอันทุกเวลาในขณะที่ไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของอันอัน เพื่อป้องกันไม่ให้เธอกระทำการใดๆที่เป็นอันตราย
เมื่อได้รับการปรับทัศนคติจากจิตแพทย์แล้ว อารมณ์ของอัญมณีก็นิ่งขึ้นมาบ้าง บาดแผลบนร่างกายถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งตากแดดขอบระเบียงหน้าต่าง
บริเวณประตูห้องนอน ญาธิดาสบตากับพายุแวบหนึ่ง
“คุณหมอบอกว่าเธอไม่เหมาะที่จะพบเจอผู้คนมากๆ นายเข้าไปคนเดียวก็พอ ฉันจะรออยู่ที่หน้าประตู เผื่อว่าเธอจะอารมณ์แปรปรวนขึ้นมา ฉันจะได้ช่วยนายได้”
พายุมองเธออย่างขอบคุณแวบหนึ่ง ผลักประตูห้องนอนเบาๆ ลากขาที่อ่อนแรงทั้งสองข้างเดินไปข้างกายอัญมณี
“อันอัน……”เขาเรียกเบาๆเสียงหนึ่ง อัญมณีค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ สายตาหม่นหมองมองไปทางเขา “พายุ นายมาได้ยังไง“
ทันใดนั้น เหมือนเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบกระโดดลงจากขอบหน้าต่างวิ่งไปทางเขา คว้าคอเสื้อของเขากำไว้แน่น “นายรีบหนีไปซะ ถ้าพี่ชายฉันมาเห็นเขาต้องโมโหมากแน่ๆ ”
“อันอัน”เมื่อเห็นว่าเธอเห็นเขาแล้วมีปฏิกิริยาอย่างนี้ ในใจของพายุเหมือนถูกมีดกรีด ยื่นมือออกไปโอบกอดเธอไว้ในอ้อมอก “ที่นี่ไม่มีพี่ชายคุณ อย่ากลัวไปเลย“
“ไม่มีพี่ชาย……”เธอพึมพำเบาๆ คาดไม่ถึงว่าสีหน้าจะยิ่งย่ำแย่ลง ถึงขั้นมีแววโทสะเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“นายไม่ชอบพี่ชายมาตลอด นายทำอะไรเขา”เธอคว้าคอเสื้อของพายุเอาไว้ ตะคอกเสียงดุดัน“พี่เป็นคนที่รักฉันที่สุดในโลก ถ้านายกล้าทำร้ายพี่ชาย ชาตินี้ฉันจะไม่ให้อภัยนาย นายไปให้พ้นเลยนะ ”
ระหว่างที่พูด ก็ใช้แรงพลักตัวพายุอย่างแรง นัยน์ตาแดงก่ำอย่างน่ากลัว พายุขังเธอเอาไว้ในอ้อมอกของตนเองไม่ปล่อย เกรงว่าจะเป็นการกระตุ้นเธออีกครั้ง ได้แต่ใช้เสียงอ่อนโยนและสั่นเทาปลอบโยนเธอไม่หยุด
“ผมไม่ได้ทำร้ายพี่ชายคุณ เขายังสบายดี เขาออกไปทำงานผมจึงมาเยี่ยมคุณ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“จริงเหรอ”การเคลื่อนไหวของอัญมณีชะงักไป มองเขานิ่งๆอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ตะโกนว่า “ไม่จริง นายโกหกฉัน พี่ชายฉันกุมอำนาจในบริษัทคลาวด์แล้ว เขาไม่ต้องออกไปทำงาน นายคืนพี่ชายฉันมาเดี๋ยวนี้”
“อันอัน คุณไม่ต้องเป็นห่วงเขานะ ลองคิดดูว่าใครกันแน่ที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ ก็เขาไง”หัวใจของพายุยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนรน โดยอารมณ์โมโหชั่ววูบทำให้เขาพูดความในใจออกมา
เขายื่นมือออกไปแกะผ้าพันแผลบริเวณแขนของเธอออกทีละชิ้น ทำให้บาดแผลถูกเปิดเผยออกมา“คุณลองลืมตาดูดีๆ บาดแผลเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของพี่ชายคุณ คุณต้องยอมรับความจริง ”
บาดแผลที่ดูบาดตาสะท้อนเข้าไปในดวงตา อัญมณีเหมือนถูกดูดกลืนเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ ตัวอ่อนปวกเปียกอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของพายุ
น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง เธอห้ามเสียงสะอื้นไห้ไม่อยู่ พึมพำเบาๆว่า “พี่เป็นคนที่รักฉันที่สุดในโลก เขาดีกับฉันมาก จริงๆนะ”
คำพูดนี้เหมือนจะพูดกับพายุ และเหมือนเป็นการพูดให้ตนเอง พูดจบแล้วเธอก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น สิ้นเสียงสะอื้นครั้งสุดท้าย ก็ฟุบลงกับอกของพายุ
ญาธิดามองดูฉากนี้จากทางหน้าต่างที่กั้นอยู่ กัดริมฝีปากไว้แน่น ไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา
เธออยากจะบอกกับพายุว่าอย่าใช้คำพูดเช่นนี้กระตุ้นจิตใจของอันอัน แต่ว่าเธอไม่กล้าเข้าไป เกรงว่าการกระทำของเธอจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาสองคนปะทุขึ้น
เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนก็ควรให้พวกเขาสองคนแก้ไขกันเอง
ส่วนเรื่องที่พายุควรจะให้ความร่วมมือกับคุณหมอในการรักษาอย่างไรนั้น พรุ่งนี้ค่อยเชิญคุณหมอมาปรึกษาหารือกันอย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าภวินท์เดินมาอยู่ด้านหลังของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ยื่นอ้อมแขนออกมาโอบเธอเอาไว้ในอ้อมอก เอ่ยปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณหมอต้องรักษาเธอให้หายแน่ คุณต้องเชื่อมั่นว่าเธอจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ กลับสู่การใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง ”
กลิ่นหอมเย็นที่คุ้นเคยโชยเข้ามาในจมูก แผ่นหลังของญาธิดาแนบสนิทกับทรวงอกที่แข็งแกร่งของเขา ความรู้สึกปลอดภัยที่ไร้ตัวตนสายหนึ่งได้ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ และได้ทำลายความเข้มแข็งที่เธอพยายามฝืนทำอยู่
เธอควบคุมอารมณ์ตัวเองต่อไปอีกไม่ได้แล้ว หมุนตัวโผเข้าหาอ้อมอกของภวินท์ ร้องไห้โฮออกมา
ในขณะเดียวกัน ในห้องทำงานของบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์ ธีทัตกำลังประชุมเรื่องสำคัญกับผู้ร่วมลงทุน โครงการนี้สำคัญมากสำหรับบริษัท มีผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาขั้นต่อไปของบริษัทลูก
มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะยังคงสั่นไม่หยุด ครั้งแล้วครั้งเล่า สั้นๆแต่เร่งเร้า
ธีทัตกดปฏิเสธอีกครั้ง แววตาเอือมระอาค่อยๆเข้มข้นขึ้น เป็นสายที่พี่ส้มใช้โทรศัพท์บ้านโทรเข้ามา แค่ต้องการจะรายงานเขาว่า อัญมณีทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอาละวาดทุบข้าวของอีกแล้ว
เวลาผ่านไป มือถือของเขาไม่มีการสั่นสะเทือนอีกแล้ว แต่เป็นหมอกที่เดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแทน “คุณธาม ต้องขออภัยอย่างสูงจริงๆที่รบกวนการประชุมของคุณทั้งสองคน ผมมีเรื่องเร่งด่วนจะรายงานให้คุณธีทัตได้รับทราบ”
คุณธามได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที “คุณธีทัต เหมือนผู้ช่วยของคุณจะไม่รู้เรื่องมารยาทสักเท่าไหร่เลยนะ”
“น่าขายหน้าจริงๆต้องขออภัยด้วย ”ธีทิตรีบกล่าวขออภัยต่อคุณธาม จากนั้นก็มองไปทางหมอกและพูดอย่างตำหนิว่า“เหลวไหลจริงๆ ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าการทำสัญญาของคุณธาม ”
หมอกเองตอนนี้เหมือนอยู่นั่งอยู่บนหลังเสือ เขาพูดเบาๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึมข้างร่างของธีทัตอยู่สองสามประโยค ธีทัตลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ทันที ในสายตามีแววคุกรุ่นปะทุขึ้น
พี่ส้มนังคนไม่เอาไหน
“คุณธาม ต้องขออภัยจริงๆ ตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องไปจัดการ เรื่องการร่วมมือของพวกเราเลื่อนไปอีกสักวันสองวันได้หรือเปล่า”
ใบหน้าของคุณธามก็มีความโกรธผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “คุณธีทัตคิดว่าผมมีเวลามากนักหรือไง คุณอยากจะคุยเมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นเหรอ”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว”เขาพยายามบังคับตนเองให้มีท่าทีอ่อนลง พยายามเอ่ยด้วยเสียงที่ต่ำลงว่า “บริษัทเทคโนโลยีคลาวด์จะร่วมมือทางธุรกิจกับคุณอย่างจริงใจที่สุด ได้โปรดให้โอกาสกับพวกเราอีกครั้ง”
“เป็นไปไม่ได้ ”คุณธามสะบัดมือ นิ้วชี้ชี้ไปยังปลายจมูกของเขา เอ่ยข่มขู่ด้วยเสียงเย็นชา “วันนี้ผมมาพร้อมกับความจริงใจ ถ้าไม่ตกลงเรื่องสัญญากันตอนนี้ ก็ไปหาหุ้นส่วนเถอะ”
สายตาของธีทัตมีแววดุร้ายวาบผ่าน ยืดอกยืนหลังตรง มองไปทางหมอกและสั่งการว่า “ส่งคุณธามกลับไปก่อน แล้วก็รวบรวมคนไปรวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังเก่า”
“ธีทัต คุณคิดว่าคนอย่างผมจะเรียกมาเมื่อไหร่ก็ต้องมา จะไล่กลับไปเมื่อไหร่ก็ต้องกลับอย่างนั้นเหรอ ”คุณธามโมโหจนตะคอกเสียงดังขึ้นมา “วันนี้ถ้าผมก้าวเท้าออกจากสำนักงานนี้ไปแล้ว พวกเราก็จะไม่มีทางจะได้ร่วมงานกันอีก”
ธีทัตหลุบตาลง อดไม่ได้ที่จะกัดฟันไว้แน่น ใช้เสียงลอดไรฟันพูดออกมาว่า “ส่งแขก”
พูดจบ เขาก็คว้ากุญแจรถขึ้นมาทันที ขับรถกลับไปยังบ้านกรเวชอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็โทรหาพี่ส้ม “เธอบอกกับหมอกว่าอันอันหายตัวไปเหรอ”