ดวงใจภวินท์ - บทที่ 718 มาโดยไม่ได้รับเชิญ
บทที่ 718 มาโดยไม่ได้รับเชิญ
“ธิดา ในเมื่ออันอันปลอดภัยดีไม่เป็นอะไร ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอตัวกลับก่อน”
ได้ยินขวัญตาพูดแบบนี้ ญาธิดาก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ธีทัตสืบได้ว่าฉันเป็นคนพาอันอันหนี ก็ต้องสืบได้ว่าคุณเป็นคนช่วยเหลือฉัน คุณกลับไปตอนนี้มันอันตรายเกินไป”
ใบหน้าของขวัญตาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่น ค่อยๆแกะมือของญาธิดาที่จับข้อมือของเธอเอาไว้ อธิบายเสียงด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไร อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ช้าก็ต้องเผชิญหน้าธีทัตอยู่ดี ”
ญาธิดายังอยากจะพูดต่อ แต่ภวินท์กลับส่ายหน้าให้เธอ ส่งสัญญาณว่าเธอไม่ควรยุ่งกับเรื่องนี้อีก เธอจึงยอมปล่อยมือ
ขวัญตาเพิ่งจะออกจากคฤหาสน์ เธอก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “สถานการณ์ของขวัญตอนนี้อันตรายมาก ธีทัตทำร้ายได้แม้กระทั่งน้องสาวที่รักที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอ”
“ผมได้ส่งคนไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณใกล้กับบ้านพิลากุลแล้ว ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับเธอจะรายงานพวกเราทันที”เขาตอบเสียงเย็น
เห็นเขาคิดวางแผนอย่างรอบคอบมาก ความกังวลในใจของญาธิดาก็ค่อยๆหายไป
ขณะเดียวกัน ธีทัตได้นั่งอยู่ในห้องรับแขกอันโอ่อ่าของบ้านพิลากุลแล้ว JH Real Estateก็แค่ธุรกิจเล็กๆที่เพิ่งจะเติบโตขึ้นในเมืองJ การมาเยือนของเขาทำให้บรรยากาศของบ้านบ้านพิลากุลที่เดิมทียังมีความรื่นรมย์อยู่ถูกแช่แข็งทันที
แม้ว่าในใจของสุรวุฒิจะรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาให้เห็น เผชิญหน้ากับคนรุ่นหลังที่มีฝีมือโดดเด่นคนนี้ เขาพยายามรักษาความมั่นใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้ “คุณธีทัตมาเยี่ยมเป็นการเฉพาะ ไม่ทราบว่ามีอะไรจะให้รับใช้หรือเปล่า”
ธีทัตเก็บท่าทีโหดร้ายของตนไม่ให้เผยออกมา เวลาอยู่ต่อหน้า สุรวุฒิยังคงรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม เขายกแก้วน้ำชาขึ้นเป็นการทำความเคารพต่อสุรวุฒิ “ท่านวุฒิ ขวัญคงไม่เคยเอ่ยถึงผมต่อหน้าท่านใช่ไหม”
ได้ยินว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวสุดที่รักของตนเอง ความระแวงในใจของสุรวุฒิก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น เขาเคยได้ยินขวัญตาเอ่ยถึงตระกูลกรเวชมาก่อนก็จริง แต่เธอก็แค่เป็นเพื่อนกับคุณหนูรองของตระกูลกรเวชเท่านั้น
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้สามารถที่จะนำบริษัทเทคโนโลยีคลาวด์เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้หลังจากที่รับช่วงต่อในทันที แสดงว่าเขาต้องไม่ใช่คนที่ดูแล้วอบอุ่นใจดีไม่มีพิษภัยอย่างที่เห็นแน่ๆ เพราะคนที่จะสามารถยืนหยัดในวงการธุรกิจได้ ไม่มีใครที่ขาวสะอาดสักคน
“คุณธีทัตอย่าพูดเล่นไปเลย พวกเราก็แค่คนธรรมดาที่ทำธุรกิจเล็กๆ ลูกสาวของผมจะไปรู้จักกับคนที่มีตำแหน่งหน้าที่สูงอยู่คุณได้ยังไง”
เมื่อเห็นว่าสุรวุฒิเอาแต่พูดกับตนด้วยท่าทีที่มีมารยาทมาก ในใจของธีทัตรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมาเล็กน้อย ตาแก่ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้หลอกง่ายเหมือนลูกสาวของเขา แต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเวลากับเขาเลยสักนิด
คิดถึงตรงนี้ เขาก็เอ่ยปากพูดออกมาตรงๆว่า “ผมรู้จักกับลูกสาวคุณมานานมากแล้ว ช่วงนี้เธอก็เข้าออกบ้านกรเวชอยู่เป็นประจำ ผมกับเขาค่อยๆศึกษาดูใจกันมาพอสมควร ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอความเห็นชอบจากคุณ”
สีหน้าของสุรวุฒิเปลี่ยนไปเล็กน้อย นิ้วมือที่แก่ชราแล้วถูแก้วชาที่อยู่ข้างๆไม่หยุด ครุ่นคิดในใจเงียบๆ ที่แท้ธีทัตคนนี้ก็มาด้วยเจตนาที่ไม่ดีจริงๆ การมาที่นี่วันนี้ไม่ต่างกับการบีบบังคับเลย
และยังไม่พูดถึงจุดประสงค์ที่เขาเข้าใกล้ลูกสาว แค่ลูกสาวไม่เคยพูดถึงเรื่องของธีทัตคนนี้เลย นั่นก็หมายความว่าเธอนั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มที่มีเมตตาออกมา
“คุณธีทัตนี่ล้อเล่นเก่งจริงๆ ตอนนี้ไม่ใช่ยุคศักดินาแล้ว เรื่องการคลุมถุงชน เป็นเรื่องที่ล้าหลังไปนานแล้ว เรื่องความรักของพวกลูกๆ ผมจะก้าวก่ายได้ยังไง”
“คุณพ่อ หนูกลับมาแล้ว ”ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน เสียงของขวัญตาดังขึ้นตรงทางเข้าประตู
เธอลากสังขารที่เหนื่อยล้าเดินเข้ามาในห้องรับแขก กำลังจะเข้าไปออดอ้อนสุรวุฒิด้วยความเคยชิน แต่คิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นจะเจอคนที่เธอไม่อยากจะเจอมากที่สุด สองขาของเธอชะงักลงราวกับมีอะไรหนักๆมาถ่วงเอาไว้ ก้าวไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว
สายตาของธีทัตมีแววมาดร้ายวาบผ่าน ตอนที่เอียงหน้าไปมองเธอก็ไม่ได้ปิดบังดวงตาที่เต็มไปด้วยแผนการ
เขาหันหลังให้กับสุรวุฒิ น้ำเสียงฟังแล้วอ่อนโยนมาก “ขวัญ คุณคงไม่ว่าผมที่โผล่มาอย่างกะทันหันใช่ไหม”
ขวัญตาจิตใจกระวนกระวายขึ้นมาทันที ไม่กล้าจะสบตากับเขาตรงๆ ได้แต่เบี่ยงสายตามองไปทางอื่น และหางตาก็เหลือบไปเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของสุรวุฒิ
เธอกัดฟันแน่น นึกถึงพ่อที่เป็นห่วงเธอมาตลอด ในใจก็มีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นมา จึงแสร้งฝืนยิ้มออกมาบนใบหน้า ราวกับจะใช้วิธีการนี้ปลอบใจบิดา
เธอลากขาที่รู้สึกหนักอึ้งไปข้างกายของบิดา ฝืนทำท่าออดอ้อนสุรวุฒิ“คุณพ่อ คุณธีทัตเป็นเพื่อนของหนู หนูยังไม่ทันได้แนะนำให้พ่อรู้จักเลย”
พูดจบ สายตาของเธอก็มองไปที่ธีทัต แสร้งพูดอย่างห่างเหินว่า “คุณธีทัตมาทำอะไรที่นี่คะ”
ธีทัตจ้องมองเธอนิ่งๆ น้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นแฝงไปด้วยความเย็นชา “ทำไมผมถึงมาที่นี่ คุณน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”
บรรยากาศในห้องราวกับถูกแช่แข็งหลังสิ้นเสียงคำพูดของเขา เธอตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะกระเด็นออกมาแล้ว เกรงว่าเขาจะพูดอะไรที่กระทบจิตใจพ่อของตน
ใครจะไปรู้ว่าธีทัตจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มของเธออย่างอ่อนโยนและรักใคร่มาก จากนั้นก็ตอบเสียงอ่อนโยนว่า “พวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่คุณถึงจะยอมเปิดเผยเรื่องของเราสักที”
ลมหายใจของขวัญตาชะงักไป ในใจมีความขมขื่นผุดขึ้นมา
ถ้าหากเธอไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของญาธิดาคงจะเป็นเรื่องดีมาก ถ้าอย่างนั้นตอนที่เธอได้ยินคำพูดประโยคนี้ คงคิดว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด แต่การได้ยินคำพูดนี้ในตอนนี้ ในใจเหลือเพียงแต่ความหวาดกลัวที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
เธอให้ความร่วมมือกับญาธิดาในการปล่อยอันอันไป ธีทัตไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ ตอนนี้เขาพูดประโยคนี้ต่อหน้าพ่อของเธอ ก็แค่อยากจะพาเธอออกไปจากบ้านบ้านพิลากุลอย่างถูกต้องเท่านั้น
“ขวัญ ที่คุณธีทัตพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”สุรวุฒิมองหน้าเธออย่างสงสัย รู้สึกเหมือนต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
เพื่อไม่ให้คุณพ่อที่รักเธอมากต้องเป็นห่วง เธอลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วแกล้งทำเป็นเขินอาย พยักหน้าเบาๆ
“หนูกำลังคบหาอยู่กับคุณธีทิตจริงๆ แต่เรื่องในอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน หนูจะวางตัวให้เหมาะสม คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
เธอพูดจบ ก็หันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้กับธีทัต
ธีทัตเข้าใจความหมาย ยื่นมือไปกุมมืออ่อนนุ่มของเธอเอาไว้ มองไปยังสุรวุฒิและพูดอย่างนอบน้อมว่า “โปรดวางใจครับท่าน ไม่ว่าผมกับขวัญจะลงเอยกันอย่างไร ผมก็จะปฏิบัติต่อขวัญอย่างดีที่สุด”
เห็นว่าทั้งสองคนพูดเหมือนกัน สุรวุฒิที่รู้สึกกังวลก็วางใจลง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นวันหน้าก็ยินดีต้อนรับคุณธีทัตมาเป็นแขกที่บ้านบ่อยๆ ”
“ถ้ามีโอกาสต้องมาแน่นอนครับ”ท่าทีของเขาอบอุ่นมาก “ขวัญกับน้องสาวมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ขวัญจะสามารถไปอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวผมที่บ้านกรเวชได้หรือเปล่า”
ขวัญตาเพิ่งจะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา และเข้าใจดีว่าตนเองคงหนีไม่พ้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง มองไปทางบิดาและพูดว่า “ช่วงนี้คุณอัญมณีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หนูอยากจะไปดูแลเธอสักพัก ”
เมื่อได้รับอนุญาตจากสุรวุฒิแล้ว ธีทัตก็เอ่ยขอตัวลาด้วยท่าทีนอบน้อม แล้วก็ดึงตัวขวัญตาออกจากคฤหาสน์ไป
มือของเขาใช้แรงหนักมาก ฝีเท้าก็เร็วจนน่ากลัว ขวัญตาเดินตามอย่างโซเซอยู่ด้านหลังเขา ความเจ็บปวดที่ส่งมาจากบริเวณข้อมือแทบจะทำให้เธอทนไม่ไหวแล้ว
“ธีทัต คุณทำฉันเจ็บนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้”เธอพยายามกดเสียงให้ต่ำที่สุด แต่ธีทัตทำเหมือนไม่ได้ยิน
ดีที่ทั้งสองคนอยู่ห่างจากรถไม่มากนัก เดินไม่กี่ก้าวก็ไปถึงข้างรถแล้ว เขาไม่ได้อ่อนโยนต่อหญิงสาวเลย ผลักเธอเข้าไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ จากนั้นก็ขับรถออกไปทันที