ดวงใจภวินท์ - บทที่ 728 สิงโตหายตัวไป
บทที่ 728 สิงโตหายตัวไป
“เมื่อวานฉันไม่ทันระวังเผลอไปชนสลักประตูห้องครัว จนถูกขังอยู่ข้างใน แล้วฉันก็เป็นโรคกลัวที่แคบด้วย เขาก็เลยต้องลงมือพังกระจกเข้ามาช่วย”
สิ่งนี้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่อันอันเล่าให้ฟังจริงๆ แต่ทำไมไม่มีใครรู้เลยล่ะว่าเมื่อคืนอันอันโทรมา?
ไม่นานพี่ส้มก็พาผู้หญิงผิวคล้ำรูปร่างผอมๆคนหนึ่งเข้ามา ผู้หญิงคนนี้ไม่ถือว่าอายุน้อย แต่กลับให้ความรู้สึกว่าเป็นคนขี้กลัว
เธอเอ่ยทักทายญาธิดาและขวัญตาด้วยสำเนียงท้องถิ่นอย่างระมัดระวัง
บนใบหน้าของญาธิดาประดับไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เหลือบมองผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันก็แค่อยากถามอะไรเธอนิดหน่อย เมื่อวานพี่ส้มบอกให้เธอไปรับโทรศัพท์ใช่ไหม?”
หญิงสาวพยักหน้า
“แล้วเธอรู้ไหมว่าคนที่โทรมาเป็นใคร? คนในสายพูดอะไรบ้าง? “ เธอเอ่ยถามต่อ
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา หญิงสาวก็ก้มหน้างุด นิ้วมือทั้งสิบขยำชายกระโปรงไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามข่มความประหม่าที่มีอยู่ในใจ
ดวงตาของญาธิดาฉายแววขุ่นมัว ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าคนใช้คนนี้มีพิรุธ
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอันแรงกล้าของอีกฝ่าย คนใช้ก็เอ่ยพูดอย่างกล้ำกลืนว่า “คนในสายไม่ได้พูดอะไร แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าใครโทรมา ฉันถามอยู่หลายครั้งแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ ฉันก็เลยตัดสายทิ้ง”
“ฉันรู้แล้ว หมดธุระของเธอแล้ว ไปทำงานต่อเถอะ” เสียงของญาธิดายังคงนุ่มนวลเหมือนเดิม
คนใช้ถอนหายใจออกมายาวๆ จากนั้นก็รีบโค้งให้เธอ แล้วก้าวเดินออกไปจากศาลา
ยังไม่รอให้เธอได้พูดอะไร เสียงเคร่งขรึมของขวัญตาก็ดังขึ้นมา “ธิดา คนใช้คนเมื่อกี้ดูน่าสงสัยนะ”
“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น” ญาธิดารีบจับมือของเธอเอาไว้ ส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดอะไรออกมาอีก จากนั้นก็จงใจกดเสียงต่ำ ขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆว่า “ขวัญ ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยอยู่สองเรื่อง”
ขวัญตาพยักหน้าช้าๆ ญาธิดาถึงได้เอ่ยพูดต่อว่า “เธอช่วยจับตามองคนใช้คนนั้นอย่าให้คลาดสายตา แล้วก็หาวิธีสืบประวัติของคนใช้คนนั้นช่วยฉันหน่อยนะ”
“ได้สิ ฉันจะพยายามหาข้อมูลมาให้เธอให้เร็วที่สุด ถ้ามันจำเป็นจริงๆฉันก็จะขอให้ธีทัตช่วยด้วย”
“ไม่ได้!” ญาธิดาบีบปลายนิ้วของเธอแน่น “ระหว่างที่เรื่องยังไม่ชัดเจนก็ห้ามให้ธีทัตรู้เห็นอะไรเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มีแค่เธอคนเดียวที่จัดการได้”
ขวัญตามองมาที่เธออย่างข้องใจ ผ่านไปนานกว่าจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงอดที่จะขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็เอ่ยถามเสียงเย็นว่า “เธอสงสัยว่าธีทัตทำร้ายอันอันเหรอ? ไม่มีทาง อันอันเป็นน้องสาวแท้ๆของเขาเลยนะ”
เธอเห็นเองกับตาว่าธีทัตเอาแต่ดื่มจนเมาและโทษตัวเองไม่หยุด เห็นๆกันอยู่ว่าเขายังห่วงหาอันอัน แต่เพียงแค่เก็บซ่อนมันเอาไว้ในใจเท่านั้น
พี่ชายแบบนี้ จะไปทำร้ายน้องสาวตัวเองลงคอได้ยังไง
ในหัวของญาธิดาพลันปรากฏสีหน้าเป็นห่วงของธีทัตขึ้นมา ตอนที่เขามาหาเรื่องที่บ้านพักในวันนั้น พอเขาได้เห็นว่าอันอันอยู่ในสภาพไหน แววตาเจ็บปวดในดวงตาของเขาในตอนนั้นเหมือนไม่ได้กำลังโกหก
“ฉันเองก็หวังว่าเรื่องนี้เขาจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่ว่าตอนนี้เราประมาทไม่ได้ แม้แต่ธีทัตก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย” เธอพูดอย่างเฉียบขาด
สุดท้ายขวัญตาก็เลือกยืนอยู่ข้างเธอ เมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองสำรวจสภาพความเป็นไปของตระกูลกรเวชอย่างเข้มงวด ญาธิดาถึงได้ขับรถกลับไปที่บ้านพัก
ตอนนี้ในหัวของเธอตีกันวุ่นวายจนเละเป็นโจ๊ก ปัญหาที่ยากๆต่างถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกัน
ตระกูลกรเวชที่บรรยากาศแปลกๆ คนใช้ที่มีพิรุธ อันอันที่คลุ้มคลั่งหลายครั้ง แล้วไหนจะสิงโตที่หายตัวไป เรื่องเหล่านี้เอาแต่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอซ้ำๆ
เธออดที่จะเคาะกะโหลกอย่างปวดหัวไม่ได้ เอนหลังพิงเบาะอย่างอ่อนล้า เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจค่อยๆสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน ณ เขตฟ้ารุ่งที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองมีคนพลุกพล่านไปมา คนที่จรณ์ส่งไปสอดแนมปะปนอยู่กับฝูงคน คอยมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง
“โซนBปลอดภัย”
“โซนCปลอดภัย”
มีเสียงรายงานสถานการณ์ดังเข้ามาในหูฟังไม่หยุด ภวินท์ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
คนที่ทำหน้าที่ส่งข่าวให้ชยินกับสิงโตถูกพวกเขารับมาเป็นสมุนตั้งนานแล้ว สายข่าวจึงค่อนข้างแม่นยำว่าคืนนี้สิงโตต้องมีความเคลื่อนไหวอะไรแน่ๆ
เวลาเดินผ่านไปทุกวินาที จนเลยเวลาที่ชยินกับสิงโตนัดหมายกันเอาไว้ ห้องใต้ดินที่มืดมิดกลับไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ
“โซนDปลอดภัย” เสียงรายงานดังขึ้นมาอีกครั้ง
หลุยส์ประคองสายหูฟังเอาไว้แน่น เอ่ยถามเสียงเย็นว่า “วิน ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง?”
“มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือคนของเราถูกจับได้ ชยินกับสิงโตเลยล้มเลิกการเคลื่อนไหว อย่างที่สองคือเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นกับสิงโต”
เห็นได้ชัดว่า อย่างที่สองมีความเป็นไปได้มากกว่า
“ยกเลิกเคลื่อนไหว!” หลุยส์ออกคำสั่งเสียงเย็น
“เคลื่อนไหวตามปกติ” เสียงดุดันของภวินท์ดังขึ้น ปลายนิ้วของเขาเสียดสีกัน ค่อยๆกลายเป็นกำปั้น
กว่าพวกเขาจะได้โอกาสนี้มา ถ้ายกเลิกเคลื่อนไหว การได้โอกาสแบบนี้ในครั้งต่อไปก็คงจะยากมากขึ้น เขาไม่อยากล้มเลิกกลางคัน
เสียงของหลุยส์ดังเข้ามาในหูฟัง เต็มไปด้วยไฟโทสะและความร้อนใจที่พยายามระงับเอาไว้ “วิน ชีวิตของพรรคพวกอยู่ในกำมือของเขา อย่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผล”
“เคลื่อนไหวตามปกติ” เขาเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้ง “สิงโตไม่มีทางล้มเลิกการเคลื่อนไหวง่ายๆแน่ เขาแค่ใช้วิธีสร้างคลื่นลมให้สงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาตบตาก็เท่านั้น”
หลุยส์ไม่มีคำโต้เถียง มองเวลาเดินผ่านไปต่อหน้าต่อหน้า แล้วทุบหมัดลงบนโต๊ะหนักๆ
ถ้าเกิดการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เกิดข้อผิดพลาด แม้แต่จรณ์ก็ช่วยอะไรภวินท์ไม่ได้ สิ่งที่วินกำลังทำไม่ใช่แค่เอาอนาคตมาล้อเล่น แต่ยังเอาชีวิตเป็นพันด้วย
ดวงตาทั้งสองข้างของภวินท์เข้มงวด สายตาจ้องเขม็งที่บานประตูเหล็กในกล้องวงจรปิด สิงโตอยู่ในห้องใต้ดินทั้งวัน ในห้องไม่มีสัญญาณอะไรทั้งนั้น ถ้าเขากับชยินล้มเลิกการเคลื่อนไหวจริงๆ แล้วใช้วิธีไหนแจ้งอีกฝ่ายล่ะ?
ชั่วขณะนั้นก็มีประกายบางอย่างวาบเข้ามาในหัวของภวิน บนใบหน้าที่แยกองค์ประกอบชัดเจนพลันทอแววมาดร้าย
เขาจับเมาส์เอาไว้แน่น แล้วกดขยายภาพในกล้องวงจรปิด จากนั้นก็ออกคำสั่งเสียงเข้มว่า “โซนCฟังคำสั่ง พังประตูเข้าไป!”
ชั่วขณะนั้นสัญญาณในหูฟังพลันเงียบลง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องตกใจของหลุยส์ “วิน นายบ้าไปแล้วเหรอ!”
ภวินท์ไม่ตอบเขา ยังคงออกคำสั่งด้วยเสียงถมึงทึง ไม่นาน ในกล้องวงจรปิดก็มีลูกน้องของจรณ์โผล่เข้ามา เตรียมพร้อมออกศึก เดินย่องเบาเข้าไปใกล้ประตูเหล็กช้าๆ หลังจากส่งซิกทางสายตาให้กันก็ถีบประตูเหล็กเข้าไปอย่างว่องไว
“หัวหน้า ไม่มีคนอยู่ครับ” ชายหนุ่มที่เอ่ยพูดมีน้ำเสียงกังวลอย่างเห็นได้ชัด
หลุยส์ได้ยินแบบนั้น ก็อดสบถออกมาไม่ได้ จากนั้นก็ถอดหูฟังออกแล้วก้าวเร็วๆออกไปจากจุดเฝ้าระวัง พร้อมกันนั้นก็กดโทรออกหาจรณ์ “เกิดเรื่องแล้ว สิงโตหนีไปแล้ว รีบส่งกำลังคนไปที่บ้านพักสถิรานนท์”
ทุกคุนต่างก็คิดไม่ถึงว่าสิงโตกัยชยินจะลงมือกับญาธิดาพร้อมกัน ดังนั้นจึงคนที่ส่งไปคุ้มกันเธอจึงมีไม่เยอะ ตอนนี้เธอจึงถือว่าตกอยู่ในอันตราย
เขาต้องเข้าไปห้ามภวินท์ให้ทันเวลา เขาจะได้ไม่ทำอะไรวู่วาม แต่น่าเสียดายที่เขามาช้าไป เพราะตอนนี้ภวินท์ไม่ได้อยู่ที่จุดเฝ้าระวังแล้ว
ขณะเดียวกัน เบอร์โทรศัพท์ของอลิสาก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอของเขา “หลุยส์ เกิดเรื่องแล้ว”