ดวงใจภวินท์ - บทที่ 729 เธอต้องตาย
บทที่ 729 เธอต้องตาย
“คุณธิดา เรามาถึงแล้วครับ” เสียงนอบน้อมของคนขับรถดังขึ้นมา
ญาธิดางัวเงีย ลืมตาขึ้นมาอย่างมึนเบลอ จากนั้นถึงได้หยิบกระเป๋าลงไปจากรถ
บอดี้การ์ดหน้าประตูเปลี่ยนคนใหม่ คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่จรณ์ฝึกมาทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้การแต่งกายและการวางตัวจึงแตกต่างจากบอดี้การ์ดคนอื่น
ลำดับของพวกเขาในองค์กรไม่เหมือนคนอื่น การแต่งกายก็ไม่เหมือน ยิ่งคนที่มีฝีมือดีเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องอำพรางใบหน้าเอาไว้ จะได้สะดวกเข้าไปสอดแนมทุกที่ทุกเวลา
แต่วันนี้เเธอรู้สึกว่าบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูวันนี้ดูแปลกๆไป ก็ไม่รู้ว่าแปลกไปตรงไหน
เมื่อคนขับรถสบตากับเธอ สีหน้าพลันเครียดเกร็งขึ้นมา จากนั้นก็ส่ายหน้าส่งสัญญาณไม่ให้เธอตื่นตูม
ญาธิดาสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าปอดยกใหญ่ เมื่อมองไปรอบๆ ถึงได้สังเกตว่าบ้านพักมีบางอย่างผิดปกติไป
ปกติบริเวณรอบบ้านจะมีบอดี้การ์ดและคนใช้เดินไปเดินมา ในบ้านมักจะเต็มไปด้วยผู้คน แต่วันนี้กลับเงียบเหงาผิดปกติ จนได้ยินเสียงจักจั่นร้องมาจากในสวน ยิ่งเสริมให้บรรยากาศดูน่ากลัว
เธอมองสำรวจบอดี้การ์ดสองคนที่อยู่หน้าประตู กดข่มความหวาดหวั่นที่กำลังตีรวนอยู่ข้างใน เอ่ยถามเสียงเย็นว่า “ป้าจันทร์กลับมาหรือยัง?”
บอดี้การ์ดเงียบ เธอกำลังจะถอนหายใจออกมา บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “เธอออกไปข้างนอกครับ แต่ไม่ได้บอกว่าออกไปทำอะไรมา”
ได้ยินแบบนั้นในใจของเธอพลันกระตุกวูบ
ป้าจันทร์ไม่มีทางลางานและออกไปข้างนอกง่ายๆ เธอก็แค่อยากลองหยั่งเชิงถามว่าพวกเขาใช่คนของตัวเองหรือเปล่า
แบบนี้ก็แสดงว่า ตอนนี้บ้านพักไม่ปลอดภัยแล้ว
เธอก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ มองผู้ชายสองคนตรงหน้าอย่างหวาดระแวง แสร้งทำเป็นพูดออกมาอย่างสบายๆว่า “ไม่เป็นไร เธอบอกฉันแล้วว่าหลานสาวไม่สบาย เลยขอไปเยี่ยมสักหน่อย ดูเหมือนวันนี้คงต้องไปหาอะไรกินข้างนอกแล้วล่ะ”
ญาธิดาพูดจบ ก็ก้าวเท้าตรงไปยังประตูเหล็ก ในตอนที่เดินผ่านบอดี้การ์ดสองคนนั้น พวกเขาก็ยื่นมือออกมาขวางเธอ “คุณผู้หญิง ป้าจันทร์กลับมาตั้งนานแล้วครับ”
“เธอกลับมาแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉันกับเธอใครเป็นคุณนายบ้านนี้กันแน่?” เธอเอ่ยถามอีกฝ่ายเสียงเย็นพร้อมกันนั้นก็หยุดฝีเท้า อีกแค่สองเมตร เธอก็จะออกไปจากตระกูลสถิรานนท์ได้อย่างราบรื่น
บอดี้การ์ดสองคนมองตากัน จากนั้นก็เอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายฝากแจ้งว่า เขารอคุณอยู่ที่ห้องหนังสือ”
ญาธิดากำกระเป๋าแน่น เบนสายตาไปมองคนขับรถ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสองคนนี้ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาออกไปจากบ้านพัก
คนขับรถยักคิ้วให้เธอ พยักพเยิดหน้าเบาๆ บ่งบอกให้เธอเตรียมตัววิ่งออกไปทางประตู
เธอพยักหน้าเบาๆ ตอนที่หันกลับมาทางบอดี้การ์ดสองคน ก็แสร้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า “คุณผู้ชายกลับมาแล้วจริงๆเหรอ? เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเขาไม่บอกฉันก่อนล่วงหน้า!”
พูดจบ เธอก็ทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน ยังไม่ทันได้ขยับเท้า ทันใดนั้นข้างหลังก็มีลมเย็นๆเฉียดผ่าน
หางตาเหลือบเห็น เงาดำๆแล่นผ่านตัวเธอไป เข้าคลุกวงในกับบอดี้การ์ดสองคนนั้น
“คุณธิดาหนีไปครับ” เสียงเข้มๆของคนขับรถดังขึ้นมา ญาธิดาวิ่งออกไปทางประตูใหญ่อย่างไม่คิดลังเล หันกลับไปมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
พวกเขาทั้งสามคนต่างเคยผ่านการฝึกเฉพาะทางมา ดังนั้นในตอนที่ออกหมัดจึงทั้งเร็วและแรง ใช้คำว่าแรงถึงตายมาบรรยายก็ไม่เกินจริง
คนขับรถตั้งรับบอดี้การ์ดสองคนนั้นเพียงลำพัง แถมยังต้องแบ่งความสนใจให้ความปลอดภัยของเธอด้วย มีหลายครั้งที่เกือบพลาดท่า ส่วนบอดี้การ์ดสองคนนั้นเห็นว่าญาธิดากำลังจะหนี ก็ตัดสินใจกำจัดคนขับรถให้พ้นทางทันที
แสงประกายวาบตรงหน้า ทำให้ดวงตาของญาธิดาเบิกกว้าง เค้นเสียงตะโกนออกไปว่า “หยุดนะ!”
“ไม่ต้องสนใจผม คุณธิดารีบหนีไปครับ!” คนขับรถพูดยังไม่ทันได้จบดี ทันใดนั้นก็ต้องส่งเสียงอั่กออกมา ตามมาด้วยเลือดสีแดงสดไหลทะลักจากท้อง อาบย้อมเสื้อสีเข้มของเขา
เธอกัดฟันกรอด พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ จากนั้นก็ตะคอกเสียงเข้มว่า “ปล่อยเขา แล้วฉันจะไปกับพวกนาย”
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็ผลักคนขับรถลงบนพื้น แล้วผายมือเชื้อเชิญเธอ เอ่ยพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เชิญครับ คุณผู้หญิง”
ญาธิดาเดินไปนั่งยองๆข้างคนขับรถ สายตาทอดมองที่บาดแผลของเขา “อดทนไว้นะ นายจะตายไม่ได้เด็ดขาด”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า สูดลมหายใจเข้า แล้วยืดตัวตรงก้าวเดินเข้าไปในบ้านพัก
ผู้ชายฉกรรจ์หลายคนยืนคุมคนในบ้านด้วยใบหน้าถมึงทึง เหล่าคนใช้และพ่อครัวต่างถูกต้อนไปยังมุมแคบๆภายในบ้าน เสียงสะอื้นไห้ของคนใช้ผู้หญิงดังขึ้นมาเป็นระยะ ทำเอาคนฟังอย่างเธอปวดหน่วงที่หัวใจ
เธอไล่มองทุกคนในกลุ่มนั้น หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอลิสากับอัญมณีอยู่ในนั้น ถึงได้เบาใจลงมาบ้าง
พวกเขาน่าจะไม่รู้ว่ายังมีคนอยู่ที่ห้องรับรองอีกสองคน ขอแค่อลิสาไม่เป็นอะไรไป ต้องหาทางแจ้งให้จรณ์รู้แน่ๆมีเหตุเกิดขึ้น
และสิ่งที่เธอต้องทำก็คือ ถ่วงเวลาจนกว่าจรณ์จะส่งคนมา….
บนโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงกลางในห้องรับแขก ชยินจ้องมองมาที่เธอเขม็ง มีสิงโตนั่งกระดิกเท้าอยู่ข้างๆ มองมาที่เธอด้วยสายตาลำพองใจ
“คุณญาธิดา ใจกล้าจังเลยนะ น่าสนใจกว่าที่คิดไว้เสียอีก” บนหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย หันไปยักคิ้วให้ชยิน “ผู้หญิงใจเด็ดขนาดนี้ ฆ่าทิ้งคงน่าเสียดายแย่”
“เธอต้องตาย” เสียงเข้มของชยินถูกเค้นออกมาจากไรฟัน
สิงโตยักไหล่ด้วยท่าทางที่ไม่คิดอะไรมาก จากนั้นก็เบนสายตามามองเธออีกครั้ง “คนสวย ฉันคงช่วยอะไรเธอไม่ได้แล้วล่ะ”
ญาธิดามีท่าทีสงบนิ่งเป็นอย่างมาก เธอเดินมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างช้าๆ “คนใช้พวกนี้ไม่เกี่ยว ปล่อยพวกเขาไปซะ”
สิงโตอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา มองมาที่เธออย่างตลกขบขัน “ได้ยินไหม เธอบอกให้ปล่อยคนพวกนี้ไปล่ะ คุณญาธิดาจิตใจดีจังเลยนะ”
เสียงพูดถูกเปล่งออกมาได้ไม่ทันไร เขาก็จีบปากจีบคอพูดกับเธอว่า “ทีภวินท์ทำร้ายพรรคพวกของฉัน ทำไมไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอดสักคนเลยล่ะ เธอจะมาเสแสร้งทำตัวเป็นแม่พระอยู่นี่ทำไมไม่ทราบ”
สายตาวาวโรจน์ของเธอสบเข้ากับดวงตาของสิงโต จากนั้นก็เอ่ยพูดเน้นทีละคำออกมาว่า “ที่คนของคุณต้องตายเพราะพวกเขามีความผิด สิ่งที่คุณทำมันกินเลือดกินเนื้อผู้คนและครอบครัวคนอื่นไปเท่าไหร่ คุณเคยนับไหม”
สิงโตได้ยินแบบนั้นนัยน์ตาก็พลันทอประกายแดงฉาน ดวงตาประดับไปด้วยความกรุ่นโกรธพวยพุ่ง
ญาธิดาแอบสูดลมหายใจเข้า เล็บจิกลงบนผิวเนื้อโดยไม่รู้ตัว อาศัยความรู้สึกเจ็บแปลบ ออกแรงพยุงขาสองข้างที่กำลังอ่อนแรงเอาไว้
เธอจะล้มไม่ได้!
ยิ่งโชว์ด้านที่อ่อนแอออกมาเท่าไหร่ก็ยิ่งช่วยเสริมให้สิงโตลำพองใจมากขึ้น พอถึงตอนนั้นเธอก็คงไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียง
“เมียของภวินท์ปากคอเราะรายอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆด้วย ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าปากเธอมันจะแข็งขนาดไหนกันเชียว” เสียงร้ายกาจของสิงโตดังขึ้นมา จากนั้นก็ออกคำสั่งกับลูกน้องข้างๆว่า “ให้คุณญาธิดาได้สัมผัส…”
ลูกน้องได้ยินแบบนั้นก็เดินเข้าไปหาเธอช้าๆ เธอก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ ปั้นยิ้มแสยะขึ้นมาตรงมุมปาก “คุณสิงโต คุณไม่กล้าแตะต้องฉันหรอก ถ้าฉันเป็นอะไรไป คุณก็จะไม่ได้ค่าตัวประกัน”