ดวงใจภวินท์ - บทที่ 735 พระอิฐพระปูน
บทที่ 735 พระอิฐพระปูน
ไฟในห้องใต้ดินozoneสว่างจ้า อุปกรณ์ฝึกมากมายหลายอย่างตั้งเรียงรายให้เห็นเต็มตา ทั้งยังมีเสียงดังขึ้นมาเป็นระยะๆ
คนส่วนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีดำรัดรูปกำลังประลองฝีมือกันเป็นคู่ๆ อีกส่วนกำลังเล็งศูนย์หน้าปืนเขม็ง
หลุยส์ไร้ซึ่งท่าทีขี้เล่นรักสนุกอย่างที่เคยเป็น สายตาทอแววกระหายเลือดและดุดัน จดจ้องหญิงสาวสองคนตรงหน้า “เข้ามา”
ญาธิดากับอลิสาสบตากัน จากนั้นก็ออกหมัดโจมตีเขาพร้อมกันอีกครั้ง สองนาทีต่อมา ร่างกายผอมบางของทั้งสองคนก็ร่วงลงบนพรมข้างๆ
“ฝีมืออย่างนี้ยังคิดว่าตัวเองจะสามารถ “จบหลักสูตร” จากozoneอย่างราบรื่นเหรอ? กลับไปดูแลสวนที่บ้านดีๆเถอะไป” หลุยส์สะบัดข้อมือ พร้อมพูดแขวะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
อลิสากับญาธิดาไม่ได้ตอบอะไร บนตัวของทั้งสองคนมีแต่รอยแดงและรอยฟกช้ำ แต่กระนั้นก็ยังฝืนค้ำยันร่างกายยืดตัวตรงเผชิญหน้ากับเขา
เสียงหวานใสของทั้งสองคนดังขึ้นมา อลิสาก้าวยาวๆเข้าไปหาเขา และพุ่งกำปั้นใส่บริเวณท้องของเขา หลุยส์ยกมือข้างหนึ่งตั้งรับ อีกมือหเตรียมจะสกัดจับข้อมือของเธอ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะเบี่ยงข้อมือหลบ แล้วแบมือสับคอเขา
ญาธิดาผสมโรงด้วยการจิกแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ตอนที่เขากำลังจะยกเท้าจู่โจมเธอก็ชิงถีบก่อน
ข้อเท้าของทั้งสองสัมผัสกัน ดวงตาของญาธิดาฉายแววสนุก จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ สายตาของหญิงสาวทั้งสองสอดประสาน หลังจากนั้นก็ออกแรงผลักร่างของเขาไปข้างหลังอย่างพร้อมเพรียง
หลุยส์ล้มลงบนพื้นจนเกิดเสียงตุบอย่างหมดสภาพ
“ลูกไม้เดิมๆ ฝึกไม่กี่ครั้งก็จับทางได้แล้ว” ญาธิดาปัดมือ เหลือบภวินท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างตื่นเต้น
ภวินท์พยักหน้าให้อย่างพึงพอใจ ก้าวเดินช้าๆมาหยุดอยู่ข้างทั้งสองคน “สองวันมานี้ทำได้ดีมาก จะถือว่าพวกคุณจบหลักสูตรของบทเรียนแรกแล้วกัน”
“จะถือว่า?” เธอขมวดคิ้วเบาๆ
“หลุยส์ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในทีม วันต่อๆไปพวกคุณจะได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้อีก” ภวินท์ตอบกลับอย่างขรึมๆ
ครั้งนี้หลุยส์ล้มแรงพอสมควร เขาแยกเขี้ยวเดินมาอยู่ข้างภวินท์ “ฝีมือผู้หญิงสองคนนี้โหดจริงๆ ไม่แปลกใจที่จรณ์จะถูกใจพวกเธอ”
อลิสามองแผลเล็กแผลใหญ่บนตัวของตัวเองและญาธิดา จากนั้นก็แขวะหลุยส์ออกมาว่า “นายทารุณพวกฉันจนมีสภาพแบบนี้ จะไม่ให้โหดได้ยังไงไหว”
“นั่นก็เพราะสภาพร่างกายของพวกเธอไม่ถึงเกณฑ์ยังไงล่ะ”
ภวินท์กวาดตามองเขาอย่างคาดโทษ จากนั้นก็เอ่ยพูดว่า “นี่แค่เริ่มต้น ถ้ารับไม่ไหวถอนตัวตอนนี้ยังทัน”
“ไม่มีทาง” อลิสากับญาธิดาตอบกลับพร้อมกัน “วิน โอกาสนี้ฉันได้มาเพราะความสามารถของฉันเอง จรณ์ให้โอกาสฉันมาขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีทางถอยกลับเด็ดขาด”
“งั้นก็พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้จะได้เริ่มการฝึกบทเรียนที่สอง” ภวินท์พูดจบ ก็หันหลังเดินออกไปจากห้องใต้ดิน
อลิสาเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะเอาศอกทุ้งแขนญาธิดาไม่ได้ กระซิบเสียงเบาว่า “ช่วงนี้วินท์ของแกดุจังเลย กินยาผิดมาเหรอ?”
“ดุ?” หลุยส์ได้ยินก็อดที่จะยิ้มเยาะออกมาไม่ได้ “วินท์ไม่อยากให้ญาธิดาเข้ามาในozoneยังไงล่ะ ที่ให้เธออยู่ที่นี่ก็เพราะเคารพการตัดสินใจของเธอทั้งนั้น แล้วจะมาปั้นหน้ายิ้มให้เธอได้ยังไงกัน”
อลิสาถลึงตาใส่เขา พร้อมหยิกเข้าที่เอวของเขาอย่างแรง กัดฟันพูดว่า “ไม่พูดก็ไม่มีใครว่านายเป็นใบ้หรอกนะ ทำไมปากพล่อยแบบนี้”
ในตอนนี้เองหลุยส์เพิ่งได้เห็นว่าญาธิดามีสีหน้าไม่ดีแค่ไหน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหยิบกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋าสองกล่องแล้วยัดใส่มือเธอกล่องหนึ่ง
“นี่เป็นยาที่องค์กรทำขึ้นมาเอาไว้ทาภายนอก เอาไว้ทาแผลบนตัวของคุณได้ วินท์ตั้งใจทำมาให้คุณเป็นพิเศษเลยนะ เขาก็ห่วงคุณนั่นแหละ”
“ญาธิดาบีบกล่องยาในมือแน่น สีหน้าเริ่มผ่อนคลาย เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ฉันมีเรื่องอยากพูดกับวิน ขอตัวก่อนนะ”
“ความรักก็คือหลุมฝังศพที่น่ากลัวดีๆนี่เอง” เมื่อมองตามแผ่นหลังของเธอที่กำลังก้าวเร็วๆออกไป อลิสาก็เบ้ปากแล้วค่อนขอดออกมา “มีคนรักนี่มันพิเศษจังเลยนะ”
หลุยส์ได้ยินแบบนั้น แววตาก็เปลี่ยนไป ยื่นอีกกล่องให้เธออย่างฮึดฮัด “กล่องนี้ให้เธอ”
“ให้ฉัน?” อลิสาอึ้งก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ค่อยๆยื่นมือออกไปรับยาจากมือของเขา ดวงตาใสแจ๋วที่เต็มไปด้วยแววจับผิด จับจ้องมายังใบหน้าที่ดูหลุกหลิกของเขา
บรรยากาศระหว่างทั้งสองเริ่มแปลกไป หลุยส์จึงรีบหันหลบสายตาเธอ ทันใดนั้นเธอก็พลันนึกอะไรได้ ใบหน้าน่ารักแดงซ่านขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ขอบคุณ” เธองึมงำออกมา แล้วเอ่ยพูดติดๆขัดๆ “เอ่อ…..ฉัน….ไปทำแผลก่อนนะ พรุ่งนี้เอาไว้ฝึกกันต่อ”
พูดจบ เธอก็วิ่งตัวปลิวออกไปจากห้องใต้ดิน
“โอ๊ย!” หลุยส์เกาหัวอย่างเขินๆ จู่ๆระหว่างทั้งสองคนก็มีแต่ความงุ่มง่าม
ญาธิดาเดินตรงมาที่ประตูห้องนอน ท่ามกลางห้องที่มืดสนิทเธอเห็นร่างของชายหนุ่มยืนตัวตรงอยู่ริมหน้าต่างๆรางๆ
“ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่ozoneจริงๆ ฉันกลับไปก็ได้นะ” เธอมองแผ่นหลังนั้นแล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
ผ่านไปนาน ในที่สุดภวินท์ก็มีอาการตอบสนองกับคำพูดของเธอ เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟ พร้อมดึงกล่องยาจากมือเธอมาอย่างธรรมชาติ แล้วจูงเธอมาที่นั่งที่เตียง
“ยานี้ใช้ดีมาก แต่ว่าตอนทาอาจจะแสบหน่อย” ระหว่างที่พูดเขาก็เปิดกล่องยาออก แล้วเทผงสีขาวลงบนฝ่ามือ นำไปทาลงบนแผลของเธอ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยาหรือแผลของเธอสาหัสเกินไป มันเจ็บจนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกัดริมฝีปากไว้แน่น
ภวินท์พยายามเบามือให้ได้มากที่สุด เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
ญาธิดามองเขานิ่งๆ สายตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด “คุณไม่โกรธฉันแล้วเหรอ?”
“ผมคิดมาแล้ว” เขาเอ่ยพูดเสียงนิ่ง “แม้ว่าเป้าหมายในการเข้ามาในองค์กรของเราจะแตกต่างกัน แต่การตัดสินใจเหมือนกัน พอคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราเลยเข้าใจได้ง่ายขึ้น”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ญาธิดาก็รู้สึกใจเหลว เธอจึงโถมตัวเข้าสู้อ้อมกอดของเขาอย่างไม่ลังเล เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “ขอบคุณนะ ภวินท์”
ภวินท์ไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองจึงล้มลงบนเตียงพร้อมกัน มือหนาวางแหมะอยู่บนเอวบางของเธอ ลมหายใจของเขาค่อยๆหนักหน่วงและถี่กระชั้นขึ้น เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นมาว่า “คุณมีแผล อย่าเล่นกับความอดทนของผมในเวลานี้”
ญาธิดามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ และในตอนนี้เองเธอก็ได้เห็นความปรารถนาที่กำลังเริ่มก่อตัวในดวงตาของเขา
บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกรุ้มกริ่มขึ้นเรื่อยๆ ในห้องเงียบจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของกันและกัน
แก้มของเธอค่อยๆแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจไม่ทรงตัวเอาไว้ จนทั้งร่างแนบซบอยู่กับแผ่นอกของเขา เมื่อได้ยินเสียงใจที่กำลังเต้นรัวเร็ว ก็เอ่ยถามทั้งๆที่รู้ว่า “แผล? แผลตรงไหน?”
มือที่วางอยู่บนเอวของเธอกระชับแน่น สำรวจมองตามเสื้อผ้าของเธออย่างกระสับกระส่าย ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นพระอิฐพระปูนหรือไง?”
เธอเอียงคอมองเขาพร้อมเอ่ยแซวออกมา จากนั้นก็ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้อย่างรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร พร้อมกับส่งสัมผัสร้อนๆจากริมฝีปากให้แก่เขา