ดวงใจภวินท์ - บทที่ 741 เม่นหนึ่งตัว
“แพรวาแต่งงานตั้งนานแล้ว” เขาค่อยๆ เอ่ยปากพูดอธิบายขึ้นมา “ก็ตอนที่คุณอยู่ที่อเมริกานั่นแหละ”
“แต่งงานแล้ว? !” เธอประหลาดใจ รีบพูดขึ้นมาทันที “แต่ว่าฉันเห็นเธออยู่ด้วยกันกับคิรินนะ แถม……”
เมื่อหกปีก่อนเธอก็พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างแพรวากับคิรินมันคลุมเครือไม่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนสนใจซึ่งกันและกัน แต่เนื่องจากหน้าที่การงานทำให้ต้องแยกจากกัน แล้วจู่ๆ แพรวาจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไงกัน
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆ เธอก็เอามือปิดปาก จ้องมองภวินท์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณจะบอกว่า……แพรวากับคิรินแต่งงานกันแล้ว!”
พอเห็นสีหน้าที่ตกใจของเธอ ริมฝีปากของภวินท์ก็ยกโค้งอย่างไม่รู้ตัว เอ่ยปากพูดออกมาเบาๆ “เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา หลังจากที่ทั้งสองคนถอนตัวออกมาแล้วจึงแต่งงานกัน ตอนนี้ช่วยบริหารบริษัทร่วมกัน”
ญาธิดาพยักหน้าเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ รู้สึกเหมือนว่าจับจุดสำคัญอะไรบางอย่างได้ แต่ก็ยังไม่มีเบาะแส แม้แต่ภวินท์เข้ามาอยู่ข้างกายของเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ยังไม่รู้เลย
“ตอนนี้ยังหึงอยู่ไหมครับ?”
น้ำเสียงที่น่าดึงดูดดังขึ้นมาข้างหูของเธอ ความคิดของเธอถูกขัดจังหวะทันที ใบหูทั้งสองแดงอย่างรวดเร็ว พูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ใครหึงกัน ฉันแค่อยากรู้เท่านั้น คุณอย่ามาหลงตัวเองแถวนี้นะ”
เธอมุดหน้าลงไปลึก กลัวว่าภวินท์จะเห็นความอึดอัดของเธอ สุดท้ายก็ตัดสินใจผลักเขาออกไปให้ห่าง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงสูง “ฉันเหนื่อยแล้ว คุณรีบกลับไปเถอะ”
ภวินท์แววตาอบอุ่น ก้มตัวลงไปจูบลงที่หน้าผากของเธอเบาๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกสนใจ “พักผ่อนอย่างสบายใจได้แล้ว”
หลังจากที่เจรจาพูดคุยกับเขา ภาระทางจิตใจของญาธิดาก็หายไปจนหมด นอนหลับได้อย่างสนิทสุดๆ ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ฟ้าสว่างแล้ว
เธอฮัมเพลงพลางเก็บข้าวของสัมภาระของภวินท์ สี่คนพ่อแม่ลูกเดินเล่นตรงไปยังห้องโถงใหญ่อย่างสนุกสนาน บังเอิญเจอกับนพเก้าที่เดินเข้ามาจากประตูพอดี
“คุณญาธิดา นี่คือ……” นพเก้าสายตาเฉียบคมหันไปเห็นกระเป๋าสัมภาระที่มือของภวินท์ ความสุขในแววตาหายวับไปทันที พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ภารกิจง่ายขนาดนี้ก็ยังเกิดความผิดพลาด คุณนี่มันโง่เง่าอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิดจริงๆ”
ญาธิดายกคิ้วไม่พูดอะไร กำลังเตรียมที่จะลากภวินท์ออกมา เสียงของเธอดังขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นเพราะฉันคิดไตร่ตรองไม่ถี่ถ้วนเองที่ทิ้งคุณเอาไว้ที่บาร์ ฉันขอโทษคุณแล้วกัน พวกเรามาพูดคุยเจรจากันตามลำพังได้ไหม?”
ภวินท์พอได้ยินแบบนี้สีหน้าก็นิ่งขรึม ยื่นมือไปจับแขนของญาธิดาไว้ ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แน่น จ้องมองเธอด้วยสายตาข่มขู่ “ธิดาไม่สนิทกับคุณ ไม่มีอะไรต้องคุยกัน”
ภาพตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินน้ำเสียงที่เมินเฉยและเหินห่างของเขา เกิดเสียงดังหึ่งขึ้นมาในหัวของเธอ ในใจรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด
เริ่มตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวินกลายมาเป็นแบบนี้
“วิน……” เธอพึมพำออกมาเบาๆ อยากที่จะเห็นเงาในอดีตจากตัวของเขา
ญาธิดายิ้มอย่างหมดหนทางให้กับภวินท์ พูดโน้มน้าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ที่นี่คือozoneคุณไม่ต้องเป็นห่วง ไปรอฉันที่ตรงประตูเถอะ”
จนกระทั่งเธอเปิดปากพูดออกมา ในที่สุดภวินท์ก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ ต่างกันกับท่าทีที่มีต่อนพเก้าเมื่อตะกี้นี้
เขาเดินออกไปโดยตรงอย่างไม่ลังเลเยแม้แต่น้อย นพเก้าเกิดความโกรธเกลียดขึ้นมาในก้นบึ้งของจิตใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าญาธิดานังผู้หญิงชั้นต่ำนี่ วินจะมีท่าทีแบบนี้ต่อเธอได้ยังไง!
เธอเป็นโรคออทิสติกตั้งแต่เด็ก สืบเนื่องจากการเจริญเติบโตโรคก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่ส่งผลกระทบต่อเด็กปกติคนอื่นๆ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหมดหนทางที่จะดูแลช่วยเหลือเธอ
โชคดีตอนที่องค์กรตรวจคัดกรอง พบว่าเธอเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนที่ไม่เลวเลยคนหนึ่งเลย ก็เลยพาเธอไปฝึกฝนที่สำนักงานใหญ่
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเดิมทีควรจะเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดทรมานที่สุดในชีวิตของเธอ แต่โชคดีที่ภวินท์ปรากฏตัวออกมา ฝึกฝนเคียงข้างเธอ ปฏิบัติภารกิจด้วยกัน รับการลงโทษด้วยกัน
เริ่มเข้าใจภวินท์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เห็นนิสัยที่ตัวเองนั้นอิจฉามากมายจากตัวของเขา เธอเริ่มพยายามที่จะเลียนแบบผู้ชายคนนี้อย่างสุดชีวิต
ภวินท์เหมือนกับเป็นแสงสว่างในชีวิตสีเทาของเธอ ฉุดเธอขึ้นมาจากหุบเหวแห่งฝันร้าย
แต่ตอนนี้ ภวินท์ที่เธอชอบ ที่เธอสนิทคุ้นเคยคนนั้นกลับหายไป เปลี่ยนกลายเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน เพียงเพราะว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เขาไม่ควรเปลี่ยนแปลง เขาไม่ควรชอบญาธิดาผู้หญิงแบบนี้
เขาควรจะเป็นของตนเอง อยู่สู้รบเคียงข้างตนเองตลอดไป เธอต่างหากที่เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับวินที่สุด!
พอคิดถึงตรงนี้ นพเก้าก็เชิดคางขึ้น มองมายังญาธิดาด้วยท่าทางหยิ่งยโส แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของผู้ชนะ “ฉันบอกแล้วว่าคุณไม่เหมาะที่จะอยู่ที่องค์กร ตอนนี้คุณแพ้แล้ว”
“ฉันไม่ได้แพ้ เพราะว่าฉันไม่เหมือนกับคุณ” ญาธิดาเอียงหัวยิ้มเล็กน้อย พูดตอบกลับไปเบาๆ “คุณถูกขังอยู่ในองค์กรตลอดชีวิต แต่ฉันมีครอบครัวมีลูก มีความอบอุ่นที่คุณไม่สามารถมีได้ยังไงล่ะ”
นพเก้าสีหน้าเปลี่ยนไปทันที จ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม พูดถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
“การที่ฉันอยากจะรู้สถานภาพของคุณมันยากหรือไง?” เธอพูดถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาหันมองไปทางภวินท์ที่เพิ่งจะเดินออกไป ราวกับว่ากำลังแอบบอกอะไรบางอย่าง
จริงๆ แล้วข้อมูลพวกนี้ภวินท์ไม่ได้เป็นคนบอกเธอ แต่เป็นหลุยส์ที่พูดเปิดเผยกับอลิสา ที่อลิสาบอกข้อมูลพวกนี้กับเธอ ก็เพื่อที่จะเตือนเธอ ให้ระวัง “ศัตรูทางหัวใจ” ที่แอบซ่อนเร้นคนนี้เอาไว้
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ นิ้วมือของนพเก้ากำแน่น เนื่องจากออกแรงมากเกินไป ถึงขนาดดูเหมือนจะสั่นสะดุ้งเล็กน้อย แต่เธอยังคงรักษาท่าทีที่หยิ่งยโสเอาไว้อยู่
“ต่อให้คุณจะรู้เรื่องพวกนี้แล้วจะทำไม ฉันกับเขาต่างหากที่เป็นคนโลกเดียวกัน เป็นคนประเภทที่ไม่ได้ถูกความสัมพันธ์ของลูกมาเกี่ยวพันผูกรั้งเอาไว้”
คำพูดนี้ของเธอเหมือนกับว่ากำลังเยาะเย้ยญาธิดา แล้วก็เหมือนกับกำลังปลอบตัวเองด้วยความไม่มั่นใจเช่นเดียวกัน
ญาธิดาได้ฟังแบบนี้ก็ยิ้มเบาๆ “การปฏิบัติภารกิจแน่นอนว่ามันก็ไม่พูดถึงเรื่องความรักความสัมพันธ์ระหว่างลูกอยู่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องภายหลังแล้ว”
เธอพูดจบก็หันตัวเตรียมจะจากไป
นพเก้าคิดไตร่ตรองคำพูดของเธอ ก่อนจะตอบสนองกลับมาภายหลัง รีบตรงเข้าไปขวางรั้งฝีเท้าของเธอ คว้าข้อมือของเธอเอาไว้แน่นพร้อมกับพูดถามขึ้น “นี่คุณคิดจะพาวินไปใช่ไหม?”
ญาธิดาเหมือนกับได้ยินเรื่องตลก พูดถามกลับไปด้วยความสนใจ “เขาเป็นสามีของฉัน พ่อของลูกฉัน เขาจะไปไหน ฉันก็ไปที่นั่น”
พูดจบ เธอก็สลัดตัวหลุดออกจากนพเก้า ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถง ควงแขนของภวินท์เอาไว้ตามความเคยชิน
“ไหนว่ามา ว่าแอบฟังไปนานเท่าไรแล้ว?” เธอพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าหมดหนทาง
ภวินท์พูดตอบกลับมาด้วยความสนใจ “ห้องโถงของozoneว่างเปล่าขนาดนี้ เสียงก้องก็ดังมากๆ ถึงไม่อยากฟังก็ได้ยินอยู่ดี”
ญาธิดากลอกตามองบนใส่เขาไปหนึ่งที มองสบตากับเขาที่กำลังจ้องมองตัวเอง พูดถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ “คุณมองฉันแบบนี้ทำไม?”
“ผมกำลังคิดว่ามันคืออะไรกันแน่ ที่ทำให้ผู้หญิงที่อ่อนโยนดุจสายน้ำคนหนึ่งถึงค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นเม่นหนึ่งตัวได้กันนะ” เขาพูดตอบกลับมาเบาๆ
ญาธิดาแอบจ้องมองเขา พูดตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจ “ก็คุณไง สามีที่สร้างปัญหาและความเดือดร้อนไปทั่ว”
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันพลาง เงาก็ค่อยๆ เดินไกลออกไป
นพเก้ามองภาพที่แสนเจ็บปวดใจตรงหน้านี้ แววตายิ่งสั่นไม่นิ่งมากกว่าเดิม เธอแอบกัดฟันกรอดๆ สายตาจ้องมองไปยังตำแหน่งที่ญาธิดาจางหายไป
“สีหน้าการแสดงออกแบบนี้ของคุณ กำลังริษยาหรือว่าโกรธเกลียดกันแน่?” เสียงของผู้หญิงที่รูปลักษณ์สวยงามคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังของเธอ