ดวงใจภวินท์ - บทที่ 779 ทวงความยุติธรรม
เสียงในโทรศัพท์ชะงัก และพี่โอ๊ตก็พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “อืม” และถามด้วยน้ำเสียงอึดอัด “ธิดา เธอคงชินไปแล้วใช่มั้ย”
“ถ้าฉันไม่ชินจะทำยังไงได้” ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรำคาญ และเธอก็ตอบโต้ไมโครโฟนด้วยความโกรธ
พี่โอ๊ตวางสายทันที
เธอเพิ่งได้มีเวลามาเปิดข่าว และเมื่อเธอเห็นเนื้อหาข้างต้น นิ้วของเธอก็ขดขึ้นอย่างลืมตัว และเธอก็กำโทรศัพท์แน่น
ข้อความจากสื่อจำนวนมากมีความรุนแรง โดยแสดงให้เห็นโดยตรงว่าเธอเป็นผู้หญิงเอาตัวแลกเข้าเพื่อให้ลูกๆ ของเธอได้งาน
ด้านล่างของข่าวคือภาพหน้าจอของวิดีโอกล้องวงจรปิด ญาธิดาทรุดตัวลงบนโซฟาพร้อมกับผู้ชายในห้องส่วนตัวที่เต็มไปด้วยเด็กดริ้งต่างๆ
แม้ว่าอิริยาบถของทั้งสองจะไม่ได้คลุมเครือแต่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนัยน์ตาของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความหื่มอย่างเห็นได้ชัด
ความหนาวเย็นรอบตัวทำให้เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และกลิ่นอายหนาวเย็นที่แผ่ซ่านจากร่างภวินท์ดูเหมือนจะทำให้คืนฤดูหนาวนี้หนาวเย็นยิ่งขึ้น
“พายุ” เสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นช้าๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายในภาพนี้ในเมือง T อีก”
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะหดคอเมื่อได้ยินประโยคของผู้เป็นสามี และดึงแขนเสื้อของเขาอย่างเกรงๆ และอธิบายด้วยเสียงต่ำว่า “นั่น…ตอนนั้นเขาแค่ช่วยพยุงฉัน เรา…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ภวินท์ก็กวาดสายตามองอย่างคมกริบ คำพูดที่ยังไม่ที่เหลือก็ได้กลืนลงไปในท้อง
เธอก้มศีรษะลงทันที อ่านคอมเม้นต์ใต้ข่าว พยายามลดความมีตัวตนให้น้อยที่สุด
พื้นที่แสดงความคิดเห็นข่าวเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและการสาปแช่งเธอ
“ผู้หญิงคนนี้ใช้ลูกของเธอดึงดูดความสนใจของคนอื่นตลอดเลย ฉันเห็นเธอฟัดหัวข่าวบ่อยมาก และฉันไม่สามารถปล๊อกมันได้ น่ารำคาญจริง”
“อยากะดังจนตัวสั่นเลยสิ ฉันว่าของพวกนี้นางเป็นคนจัดการเอง เพื่อสร้างกระแสตลอด”
“จะมีผู้หญิงที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ในโลกได้อย่างไร ใช้ลูกเป็นเครื่องมือทำเงิน และยังคงทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ ไม่รู้ว่าสามีถูกสวมเขาไปแล้วกี่ครั้ง”
……
ใบหน้าของญาธิดาค่อยๆ ซีดลง และแม้แต่ปลายนิ้วที่ปัดหน้าจอก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
“อย่าไปสนใจเลย ฝ่ายประชาสัมพันธ์จะจัดการเรื่องนี้เอง” ภวินท์พูด พลางเอื้อมมือออกไปหยิบโทรศัพท์เธอไป
เสียงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ดังขึ้นทันที ดวงตาของญาธิดาเป็นประกาย และรีบหยุดการเคลื่อนไหวของเขา “ดูนี่สิ คุณlee Tong!”
ขณะที่เธอพูด เธอเลื่อนเนื้อหาล่าสุดที่โซเชียลออกมา และหน้าดังกล่าวก็คือบัญชีส่วนตัวของlee Tong
ในการอัปเดตล่าสุดของเขา เขาระบุว่า ญาธิดาจริงจังกับงานของเธอมาก และเธอก็เป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับเนื้อหาข่าว
ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์คนอื่นๆ ก็ได้ออกมาอธิบายเพื่อสนับสนุนเธอต่อสาธารณะ และได้ร่วมกันขอให้เล่นวิดีโอตัวเต็มและตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพหน้าจออย่างละเอียดถี่ถ้วน
ที่สำคัญที่สุดคือท่านสุวัฒน์ที่ไม่ยอมออกสื่อมาโดยตลอด ได้ถ่ายวิดีโอ โดยขอให้เพื่อนเก่าของเขาโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ในวิดีโอนั้น เขาพูดไปตรงๆ ว่าญาธิดาเป็นลูกศิษย์ที่สนิทของเขา วิสัยทัศน์ของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมอ และมีลูกศิษย์ที่สนิท4คนเท่านั้น และแต่ละคนยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ญาธิดาสามารถได้รับความโปรดปรานและความไว้วางใจจากเขาซึ่งเพียงพอที่จะแสดงบุคลิกนิสัยของเธอ
คราวนี้ ความคิดเห็นเริ่มหันไปเชียร์ญาธิดาอีกครั้ง และเรียกร้องหลักฐานที่น่าเชื่อถือจากสื่อที่ปล่อยข่าวทันที
ในชั่วพริบตา หัวข้อ#100คนดังทวงความยุติธรรมเพื่อญาธิดา#ได้ติดอันดับหนึ่งในการค้นหายอดนิยม
ดวงตาของญาธิดาเต็มไปด้วยความสุขและซาบซึ้งที่เธอไม่สามารถซ่อนได้ เธอยังคงเขย่าแขนของภวินท์และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คราวนี้ไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์แล้ว ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว”
ภวินท์มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ แสงอ่อนๆ แวบเข้ามาในดวงตาของเขา จากนั้นเตือนด้วยเสียงต่ำๆ “ต้องใช้โอกาสนี้ไปประชาสัมพันธ์และระงับความคิดเห็นทางลบด้วย”
ญาธิดาพยักหน้าเห็นด้วยและรีบโพสต์จดหมายของทนายความในบัญชีส่วนตัวของเธอ โดยระบุว่าเธอต้องร้องเรียนกับสื่อที่เผยแพร่คำพูดเท็จ
ภวินท์รู้สึกโล่งใจและแนะนำเสียงอ่อนว่า”กลับไปทำงานที่บริษัทดีมั้ย”
คิ้วที่ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “บริษัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ผู้อำนวยการฝ่ายธุรการเพิ่งขอลางานบ่อย และประสิทธิภาพการทำงานของทั้งแผนกต่ำมาก คุณไปรับช่วงต่อนะ”
เรื่องสำคัญแบบนี้ แต่ที่เขาพูดมาเหมือนไม่ได้ใส่ใจมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบริษัทของคนอื่น
ญาธิดาลังเลเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเอง “ตอนนี้ชมพู่เป็นผู้จัดการแผนกธุรการไม่ใช่หรอ เธอขยันและทุ่มเทในการทำงานของเธอมาโดยตลอด ไม่ใช่คนที่ชอบอู้งาน…”
“STN Groupกำลังขยายตลาดอิเล็กทรอนิกส์ คราวนี้บริษัทคู่แข่งคือคลาวด์เธอสู้มันไม่ได้”
บริษัทของธีทัต? !
เมื่อนึกถึงลูกที่ยังไม่ทันได้เกิดของอันอันและร่างกายที่บอบช้ำของขวัญตา เธอก็อดกำหมัดแน่นไม่ได้ และก็ไม่สามารถซ่อนความขุ่นเคืองในดวงตาของเธอได้
เธอมองไปด้านข้างที่ภวินท์และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ฉันเชื่อในความสามารถในการทำงานของชมพู่ เธอน่าจะอดทนได้อีกสักพัก ทันทีที่การถ่ายทำโฆษณาของอีธานและเอลล่าสิ้นสุดลง ฉันจะกลับไปที่รับช่วงต่อฝ่ายธุรการทันที”
เนื่องจากแรงกดดันจากความคิดเห็นของชาวเน็ต การถ่ายทำโฆษณาจึงต้องหยุดลง เธอจงใจ “หายไป” เป็นระยะเวลาหนึ่งและหายตัวไปจากโลก โซเซลให้มากที่สุด ทันทีที่ข่าวซาลง เธอจะไปรายงานตัวที่STN Groupทันที
ชมพู่ได้รับข่าวว่าเธอกำลังจะกลับมา และก็ได้เตรียมห้องทำงานใหม่ให้เธอไว้ก่อนแล้ว ทันทีที่เธอเห็นญาธิดาก็รีบไปข้างหน้าเพื่อทักทาย “ธิดา ดีใจมากเลยที่เธอกลับมาทำงาน ฉันยังกังวลอยู่เลยว่าจะรับผิดชอบโครงการนี้คนเดียวไม่ไหว”
ญาธิดามองดูการแต่งกายที่ดูมั่นใจของเธอ และตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เธอก็ได้รับผิดชอบโครงการสำคัญๆ ของบริษัทมาหลายโครงการแล้ว ทำไมถึงยังไม่มั่นใจในตัวเอง”
ชมพู่ยิ้มอย่างเขินอาย และต้อนรับเธอเข้าไปในห้องทำงานทันที ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ชมพู่ก็ไออย่างรุนแรง ใบหน้าสีชมพูก็ซีดลงทันที
“ชมพู่!”
ญาธิดาเข้าไปพยุงทันทีและให้เธอนั่งลงข้าง ๆ ถามออกไปด้วยสีหน้ากังวล “ฉันได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เธอลาป่วยประจำ ไม่สบายหรือเปล่า”
แสงมืดมนแวบผ่านดวงตาของชมพู่ เมื่อหายใจคงที่แล้วจึงคลี่ยิ้จางๆ ออกมา มองไปที่ญาธิดาและตอบว่า “เมื่อเป็นหวัดครั้งก่อนมาก็ไอไม่หยุดเลย ตอนนี้ยังไม่หายดี บวกกับสำลักฝุ่นเมื่อครู่ ไม่ต้องห่วงหรอก ”
“ตอนบ่ายไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวแนไปเป็นเพื่อน สุขภาพสำคัญกว่า เรื่องงานค่อยว่ากัน”
“ไม่ต้องหรอก!” สีหน้าของชมพู่เปลี่ยนไป เสียงดังเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว และอารมณ์ก็ตื่ดูนเต้นเล็กน้อยเช่นกัน
ญาธิดามองดูเธออย่างสงสัย และชมพู่ถึงรู้ตัวว่าเมื่อกี๊ทำตัวเสียมารยาท เธอกระแอมและพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “บริษัทให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก ยิ่งเราได้ทำเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ฉันไม่อยากเสียเวลา”