ดวงใจภวินท์ - บทที่ 784 ทุกคนสอบสวน
ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงสั้นๆ ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของ STN Group ต่างรู้เรื่องที่ญาธิดาโยกย้ายเงินเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
เธอเลื่อนดูข้อความไปเรื่อยๆ สายตาที่เย็นชากวาดมองทางชมพู่
รู้สึกถึงสายตาที่เย็นชาในดวงตาของเธอ ชมพู่จึงก้มหน้าลงทันทีด้วยความรู้สึกผิด และยังคงกล่าวกระตุ้นอย่างลนลาน “ธิดา ตอนนี้ทุกคนต้องการให้คุณภวินท์บังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม เธอรีบหาวิธีแก้ไขสิ”
“หาวิธีเหรอ” ญาธิดายิ้มขมขื่น มองเธอแล้วกล่าวด้วยจิตใจที่กระเจิดกระเจิง “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีวิธีอะไรอีก ทางฝั่งคุณภวินท์มีข่าวไหม”
เมื่อชมพู่เห็นท่าทางของเธอแล้ว ความรู้สึกผิดก็ผุดขึ้นในใจ และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ
เธอตอบกลับอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “บรรดาผู้ถือหุ้นส่วนรู้ข่าวนี้ต่างก็รีบมาที่บริษัท และขอเรียกร้องให้ประชุมด่วน คุณภวินท์กำลังทำการเตรียมการ”
ใบหน้าของญาธิดาประกายความผิดหวัง ดึงมือของชมพู่มาแล้วถอนหายใจ “ฉันไร้เดียงสามาตั้งนาน แต่ช้าเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง มีเรื่องบางเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
เธอลองใจชมพู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้โอกาสชมพู่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าครั้งนี้เธอนั้นผิดหวังมากจริงๆ……
ชมพู่ฟังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ กำลังคิดอยากจะพูดปลอบโยน เธอก็สะบัดมือของชมพู่ออก และกำชับอย่างเย็นชา “แจ้งผู้บริหารระดับสูงของแผนกต่างๆ ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม และเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้กับผู้ถือหุ้นทุกท่าน”
“ธิดา!” ชมพู่อดไม่ได้ที่จะตะคอกเสียงดังขึ้น “เธอบ้าไปแล้วเหรอ! เธอทำแบบนี้คือจะให้ทุกคนออกมาสอบสวนเธอหรือไง”
ญาธิดาไม่ได้ตอบเธอ ยืดหลังตรงแล้วเดินออกจากทีมโครงการไป
ห้องประชุมขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คน ผู้ถือหุ้นกับหัวหน้าที่สำคัญของบริษัทต่างนั่งอยู่บนที่นั่ง ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ นั้นยืนอยู่ทั้งสองด้านของห้อง ห้องประชุมที่วันปกติว่างเปล่า วันนี้กลับเสียงดังเซ็งแซ่
ตามมาด้วยการปรากฏตัวของภวินท์ ในห้องประชุมจึงได้เงียบสงบลงอีกครั้ง เขากวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชา ท่าทางที่แม้ไม่โกรธแต่ก็ดูน่าเกรงขามจนทำให้คนไม่กล้าเงยหน้าสบตา
“ดูเหมือนงานของทุกคนจะผ่อนคลายมาก ยังมีเวลามาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้……” ทันทีที่น้ำเสียงของเขาเปล่งออกมา บรรยากาศในห้องประชุมก็ยิ่งเย็นยะเยือก
พายุรีบโน้มตัวลงทันที แล้วกล่าวอธิบาย “เป็นคุณผู้หญิงที่ให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ครับ”
ภวินท์ได้ยินดังนั้นแสงสีดำก็แวบเข้ามาในดวงตา มุมปากค่อยๆ ผุดรอยยิ้มอย่างดูแคลนขึ้น “เรื่องที่เกี่ยวกับภรรยาผมโยกย้ายเงินจากแผนกการเงินมาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไร”
หนึ่งในผู้ถือหุ้นที่ถือครองหุ้นจำนวนมากได้โต้กลับทันที “พฤติกรรมของญาธิดาละเมิดกฎระเบียบของบริษัทอย่างร้ายแรง ถึงขั้นที่เกี่ยวข้องกับคดีความ คุณเอ่ยเรียกภรรยาอย่างเต็มปาก ดูจะปกป้องเธอมากไปหน่อยไหม”
สายตาเย็นยะเยือกของภวินท์กวาดมองมา ถามกลับด้วยสีหน้าเชิงยิ้มไม่ยิ้ม “ญาธิดาเป็นภรรยาของผม ผมปกป้องเธอแล้วยังไง หากว่าเธอเต็มใจทั้งบริษัทก็สามารถยกให้เธอ!”
“คุณภวินท์ นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนะ!”
“บริษัทไม่ใช่ของเธอเพียงคนเดียว เธอไม่มีอำนาจในการใช้เงินทุนของบริษัท พฤติกรรมเช่นนี้เป็นการละเมิดผลประโยชน์ของพวกเรา”
“พวกเราต้องการเรียกร้องให้มีการลงโทษญาธิดาอย่างรุนแรง เพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเรา วันนี้ต่อให้คุณภวินท์จะช่วยพูด พวกเราก็ไม่ยอมปล่อยเธอแน่!”
เสียงประท้วงดังขึ้นทีละคน ภวินท์กลับทำเป็นไม่ได้ยิน สีหน้าของเขายังคงเย็นชา ไม่เปล่งเสียงพูดใดๆ อยู่นานสองนาน เหมือนว่ากำลังรอบางอย่างอยู่
บรรดาผู้ถือหุ้นเห็นเขายนิ่งเงียบ ฉับพลันบรรยากาศก็ยิ่งตึงเครียด จ้องเขม็งด้วยความโกรธแล้วกล่าวขึ้น “ทั้ง STN ล้วนอยู่ในกำมือของคุณ ทำไมคุณถึงใช้ผลประโยชน์ของทั้งบริษัทมาปกป้องผู้หญิงเพียงคนเดียว”
“จะต้องถอดชื่อญาธิดาออกจากบริษัท พวกเราไม่มีทางให้อภัยกับพฤติกรรมของเธอเช่นนี้”
พวกเราต้องการถอดถอนชื่อของเธอ! พวกเราจะรวมตัวกันส่งเธอขึ้นศาล เรียกร้องผลประโยชน์ของพวกเรากลับคืนมา!”
เสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นทีละคน ประตูห้องประชุมถูกผลักออกอย่างช้าๆ ญาธิดาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนด้วยสีหน้าเฉยเมย
เธอค่อยๆ สาวเท้าก้าวเดินมาด้านหน้าสบตากับภวินท์ จากนั้นกล่าวเบาๆ “ทำให้คุณลำบากใจแล้ว”
“คุณมาได้จังหวะเวลาพอดี จะได้เห็นสีหน้าท่าทางของคนกลุ่มนี้” มุมปากของภวินท์ค่อยๆ ยกขึ้น ในดวงตามีความอ่อนโยนมากขึ้น
ญาธิดาพยักหน้า แล้วหันหลังไปเผชิญหน้ากับบรรดาผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของแผนกต่างๆ จากนั้นก็ถามราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “ฉันอยู่ด้านนอกได้ยินว่าทุกท่านต้องการจะลงโทษฉัน ขออนุญาตถามถึงเหตุผลของการลงโทษคืออะไรคะ”
ผู้ถือหุ้นที่พูดอยู่ได้ถอนหายใจฮึดฮัด แล้วกล่าวอย่างตำหนิไม่พอใจ “คุณโยกย้ายเงินกองกลางมาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ควรถูกโทษเหรอ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้ว “ไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แข็งแกร่งกว่า แล้วฉันจะเอาอะไรไปโน้มน้าวบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ชนะการแข่งขันเสนอราคาในครั้งนี้ล่ะคะ ฉันทำผิดไปเหรอ”
“คุณโยกย้ายเงินกองกลาง ยังจะกล้าแก้ตัวอีก อีกอย่าง การแข่งขันเสนอราคายังไม่ทันเสร็จสิ้น ก็อัดฉีดเงินทุนลงไป หากว่าการแข่งขันเสนอราคาล้มหเหลว ความเสียหายนี้ใครจะมาเป็นผู้รับผิดชอบ” อีกคนหนึ่งก็ตะคอกขึ้นด้วยความโมโห
รอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของเธอเข้มข้นขึ้น รีบดึงแฟ้มเอกสารแฟ้มหนึ่งจากอ้อมกอดของชมพู่ แล้ววางลงบนโต๊ะ
หลังเสียงดัง “ปัง” ขึ้น เธอเลิกคิ้วแล้วมองไปทางผู้คน “นี่เป็นใบสัญญาที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ส่งมา ตอนนี้การแข่งขันเสนอราคาประสบผลสำเร็จ ความพยายามและการลงทุนของฉันไม่ได้สูญเปล่า”
คำพูดสิ้นสุดลง สีหน้าดีใจของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนที่ยากจะปกปิดได้ ต่างเงียบไม่พูดไม่จาในทันที การแข่งขันเสนอราคาประสบความสำเร็จนั้นเป็นข่าวดี ซึ่งนี่ก็แปลได้ว่าเงินปันผลกำไรปลายปีก็จะหนาตึบ จึงย่อมไม่มีความคิดเห็นใดๆ อย่างแน่นอน
สีหน้าของบรรดาผู้ถือหุ้นค่อนข้างดูแย่ และรีบกล่าวทันที “ต่อให้การเสนอราคาจะประสบความสำเร็จ แต่เรื่องที่คุณโยกย้ายเงินกองกลางเป็นเรื่องจริง พวกเราสามารถไม่เอาเรื่องกับความผิดนี้ได้ แต่คุณจะต้องออกจากบริษัทนี้ทันที ถอนตัวออกจากการเป็นคณะกรรมการบริษัท
“โยกย้ายเงินกองกลางเหรอ”
ญาธิดายิ้มเยาะ หยิบเอกสารที่อยู่ในอ้อมกอดของชมพู่ออกมาอีกหนึ่งฉบับ จากนั้นโยนลงบนโต๊ะด้านหน้า มองแล้วตะคอกใส่หน้าผู้คน “ใครกล้าบอกว่าฉันโยกย้ายเงินกองกลาง!!!”
น้ำเสียงของเธอจู่ ๆ ดังขึ้นฉับพลัน รัศมีความน่ายำเกรงแผ่ซ่านไปทั่วห้องประชุมทันที “ในนี้เป็นเอกสารที่เซ็นลงนามโดยคุณภวินท์กับแผนกการเงิน ด้านบนเขียนอย่างชัดเจนว่าการแข่งขันเสนอราคาล้มเหลวฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ตรงไหนกันที่เป็นการโยกย้ายเงิน”
ผู้ถือหุ้นแต่ละคนต่างสีหน้าเปลี่ยน ชมพู่ก็ยิ่งมองเธอด้วยความตกใจ
เธอยิ้มอย่างดูแคลนกวาดสายตามองทุกคน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทุกท่านยังมีอะไรโต้แย้งอีกไหม ไม่มีแล้วก็ให้เลิกประชุมค่ะ อย่าทำให้ฉันเสียเวลาในการกลับไปยังทีมโครงการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่”
คำพูดของเธอจบลง ฉับพลันก็มีเสียงปรบมือดังก้องมาจากหน้าประตูห้องประชุม ทุกคนต่างหันไปมองพรึ่บพร้อมกันถึงที่มาของเสียง
คณินเดินเอ้อระเหยลอยชายเข้ามาในห้องประชุม “ต้องขออภัย ที่ทำให้ทุกคนต้องเห็นภาพที่อับอายขายขี้หน้านี้ ถ้ารู้อย่างนี้ผมจะมาสายอีกสักนิด”
เลขาฯ ตัวน้อยยืนตัวสั่นอยู่ที่หน้าประตูอย่างควบคุมไม่ได้ และตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเทา “ขอโทษค่ะคุณภวินท์ ที่ขวางคุณคณินไว้ไม่ได้……”
“ไม่ใช่ความผิดของเธอ ภวินท์ไม่ตำหนิเธอหรอก” คณินโบกมือขึ้นสื่อให้เลขาฯ ตัวน้อยออกไป จากนั้นก็เลิกคิ้วและแซวขึ้น “คุณภวินท์ คนแก่พวกนี้ไม่เชื่อฟังขนาดนี้ คุณบริหารบริษัทไม่ค่อยจะได้เรื่องมั้ง”
ภวินท์เหลือบมองเขาด้วยสายตาราวกับใบมีด ถามอย่างไม่แยแส “คุณคณินบุกเข้ามาอย่างอุกอาจ มีเรื่องใหญ่อะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เห็นคนอื่นรังแกภรรยาของคุณ ก็เลยอยากจะมาช่วยพูดสักสองสามประโยคเท่านั้น”
ขณะที่เขาพูดใบหน้าได้จ้องไปทางผู้ถือหุ้นส่วน แล้วกล่าวเชิงหยอกล้อว่า บริษัทข้ามชาติ JV กับ STN Group ร่วมมือกันทำโครงการมากมาย ผู้รับผิดชอบที่ผมยอมรับมีเพียงคนเดียวคือญาธิดา หากครั้งหน้าไม่ใช่เธอเป็นคนมาเซ็นชื่อ อย่างนั้นการร่วมมือของพวกเราก็เป็นโมฆะ”