ดวงใจภวินท์ - บทที่ 795 นำของดีมา
เห็นภวินท์ไม่สนใจตัวเอง สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้จึงเอ่ยปากก่อน จากนั้นได้เรียกขึ้นอย่างออดอ้อน
ในห้องสำนักงานยังคงเงียบสนิท แม้แต่เข็มตกก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
เธอทนต่อไปไม่ได้ จึงเดินไปด้านข้างของภวินท์อย่างช้าๆ แล้ววางแท็บเล็ตที่กำลังเล่นคลิปวิดีโออยู่ลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าเขา
ภวินท์เงยหน้าขึ้น สายตาตกกระทบไปที่คลิปวิดีโอ
ในนั้นคือฉากที่ญาธิดากับนพเก้าเจอกันที่ร้านกาแฟ
ท่าทางของญาธิดาในคลิปไม่ได้อ่อนโยนเหมือนปกติ แต่เป็นท่าทางที่ดุดัน กำลังทำร้ายนพเก้าอย่างไม่หยุด นพเก้าถึงแม้จะโกรธ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด
ภวินท์ดูจบ สายตาก็หันไปยุ่งกันงานที่ยังทำไม่เสร็จต่อ
นพเก้าเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของเขา ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยปากกล่าวเบาๆ “ญาธิดามักจะแสร้งแสดงท่าทางอ่อนแอต่อหน้าคุณ แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่ต่างหากถึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ คุณอย่าได้ถูกเธอหลอกเชียวนะ”
“คุณชอบยุ่งเรื่องที่ไร้สาระมากเหรอ” เสียงเฉยเมยของภวินท์ค่อยๆ ดังขึ้น
นพเก้าได้ยินดังนั้นก็มองเขาด้วยความงุนงง ราวกับคิดไม่ตกว่าทำไมภวินท์ถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้
คนปกติเมื่อเห็นคลิปนี้ต่างมีความรู้สึกเหมือนกับว่าถูกหลอก แต่ทำไมเขาถึงได้สงบเช่นนี้ ราวกับว่ารู้เรื่องเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้ว
“วิน คุณเชื่อใจญาธิดาขนาดนี้เลยเหรอ” เธอรีบเอ่ยปากกล่าว “ต่อให้เธอโกหกคุณ คุณก็ไม่เป็นไรเลยเหรอ”
“ผู้หญิงของผม เกี่ยวอะไรกับคุณ” ดวงตาของเขาเคร่งขรึม ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หัวใจของนพเก้าบีบรัดแน่น พุ่งมาที่ด้านหน้าโต๊ะแล้วจ้องมองเขา“ภวินท์ ญาธิดาใช้ยาเสน่ห์อะไรกับคุณ ถึงทำให้คุณเพิกเฉยต่อหลักฐานเหล่านี้ และช่วยเธอพูดได้ขนาดนี้”
“หลักฐานเหรอ” ภวินท์ยิ้มอย่างดูแคลน และลุกขึ้นจับคางของเธอไว้ จากนั้นกล่าวถามกลับอย่างเย็นชา “ในเมื่ออยากจะกล่าวหาเธอ ทำไมถึงเพิ่งส่งคลิปนี้มาให้ผมตอนนี้ล่ะ”
“ฉัน……” น้ำเสียงนพเก้าหยุดชะงัก
เธอคงจะบอกไม่ได้ว่าไปจัดการเรื่องที่สำคัญกว่าหรอกมั้ง
พัฒนาการของเรื่องราว ความคิดของภวินท์ ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่เธอคิดไว้ เธอแทบจะนึกไม่ถึงปฏิกิริยาแรกของเขาเมื่อเห็นหลักฐานเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ไม่สงสัยญาธิดา แต่กลับมาสงสัยตัวเธอแทน!
ความเย็นชาในดวงตาของภวินท์ยิ่งเข้มข้นขึ้น เขาแอบใช้แรงมือผลักเธอออกไป แล้วสอบถามเธอขึ้นอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่กล้องวงจรปิดจากทางร้าน คุณไปได้ข้อมูลนี้มาจากที่ไหนอีก”
นพเก้าเดินเซไปสองก้าว เผชิญหน้ากับสายตาที่ดุดันของเขา หัวใจได้ตกลงไปถึงตาตุ่มแล้ว และเธอถึงได้สงบสติขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตอบกลับอย่างช้าๆ “มันเป็นอีเมลนิรนามที่ฉันเพิ่งได้รับเมื่อเช้านี้”
เพื่อให้สมจริง เธอฝืนตัวเองให้สบตากับสายตาที่ดุดันของภวินท์ “ฉันอยากจะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของญาธิดามาโดยตลอด แต่ว่าไม่มีหลักฐาน วันนี้ได้รับอีเมลมาหนึ่งฉบับก็รีบนำมาให้คุณดู ก็เพราะกลัวว่าคุณจะถูกผู้หญิงคนนั้นหลอก!”
อีเมลนิรนาม……
ภวินท์เหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ และเมื่อบทสนทนาเปลี่ยนไป น้ำเสียงของเขาก็ดูเย็นลงเล็กน้อย “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เชิญคุณคุณเก้ากลับไปเถอะ”
นพเก้าสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของเขาอย่างเห็นได้ชัด ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “วิน ผู้หญิงคนนั้นก็อย่าเก็บไว้ข้างกายคุณเลย หวังว่าคุณจะตาสว่างตั้งแต่เนิ่นๆ”
“คุณเหมือนกับเมื่อก่อน ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด” ภวินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้ผมรู้ว่าจะจัดการยังไง ลำบากคุณที่เดินทางมาบอกแล้วนะ”
เห็นน้ำเสียงของเขาไม่เย็นชาเหมือนกับก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังเอ่ยถึงความทรงจำในอดีต แก้มของเธอทั้งสองข้างแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันในใจก็เข้าใจดี ยิ่งพูดมากเขาก็ยิ่งฟังไม่เข้าหูเท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงพูดเพียงเท่านี้ เมื่อเห็นว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็สาวเท้าเบาๆ ออกจากห้องสำนักงานไป
ญาธิดาได้ยินเสียงจากไปของฝีเท้า ถึงได้โผล่หน้าออกมาจากห้องรับรอง แล้วรีบเดินมาที่ด้านหน้าโต๊ะห้องทำงานของภวินท์ “เมื่อกี้เธอนำ‘ของดี’อะไรมาเหรอ”
เธอจงใจพูดเน้นสองคำนี้
ดวงตาดำลึกของภวินท์มองมาทางเธอ ในน้ำเสียงเย็นชาอย่างสุดพรรณนา “คุณสาดกาแฟใส่เธอ หนำซ้ำยังตบเธอหนึ่งฉาดด้วยฝ่ามือเหรอ”
ญาธิดาตะลึงงัน ถึงได้รู้ว่าที่นพเก้ามาหาเพื่อต้องการนำคลิปหลักฐานมาให้เขาดู จึงเชิดคางขึ้นทันทีแล้วถามกลับว่า “ใช่แล้วจะทำไม”
นี่เขากำลังช่วยนพเก้าเค้นความผิดอยู่เหรอ
“เรื่องแบบนี้ต่อไปมอบหมายให้พายุไปทำ” น้ำเสียงของเขายังคงเฉยเมย
หัวข้อที่เปลี่ยนกะทันหันทำให้ญาธิดาตั้งตัวไม่ทัน แทบจะถามขึ้นในทันที “อะไรนะ……”
“มอบหมายพายุ อย่าได้เอามือไปแปดเปื้อน” เขาตอบกลับเบาๆ
“รู้แล้ว” ญาธิดาได้ยินดังนั้นใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มขึ้น “ใบสัญญาต่างประเทศนั้น คุณรอจนกว่าจะทำการตรวจสอบเสร็จเหรอ”
สายตาของภวินท์ไม่รู้ว่ากระทบไปอยู่บนเอกสารได้ตั้งแต่เมื่อไร เสียงเบาๆ “อืม” เพียงหนึ่งประโยค ญาธิดาก็ไม่รบกวนการทำงานของเขาอีก และออกจากห้องสำนักงานไปอย่างเงียบๆ
เธอเพิ่งจะออกจาก STN Group เสียงโทรศัพท์สายด่วนก็ดังขึ้น เห็น “นิธิศ” เธอก็เกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นในใจ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นเรื่องของต้นกล้า จึงต้องกลั้นฝืนแล้วกดรับสาย
“ธิดา ต้องขอโทษด้วยที่โทรหาคุณในเวลานี้ ผมมีเรื่องหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” เสียงนิธิศที่พกด้วยความรู้สึกขอโทษดังออกมาจากลำโพง
ฟังออกถึงน้ำเสียงที่ระมัดระวังของเขา จิตใจของญาธิดาจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย ความระแวงและต่อต้านก่อนหน้านี้ก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย “ก่อนหน้านี้คุณนิดเคยช่วยฉัน ฉันเคยบอกไว้ฉันจะพยายามช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่”
ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงของนิธิศฟังดูเหมือนจะไม่ได้มีความผ่อนคลายลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับกังวลมากยิ่งขึ้น “คืนนี้มีงานเลี้ยงที่ถือได้ว่าสำคัญกับผมมากๆ แต่ว่าไม่มีคู่ควงที่เหมาะสม ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกไหมครับ”
“ฉัน……” เธอกำลังที่จะปฏิเสธ ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเปลี่ยนเป็นการถามขึ้น “เป็นงานเลี้ยงแบบไหนเหรอคะ”
“เป็นงานเลี้ยงในองค์กรของพวกเรา โดยพื้นฐานแล้ว จะมีแต่บุคลากรระดังสูงทั้งหมด ไม่มีคู่ควงรู้สึกไม่ค่อยดี” เขาตอบกลับอย่างอึดอัด
ญาธิดาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และสมองก็แล่นอย่างรวดเร็ว หากว่าเป็นงานเลี้ยงบุคลากรระดับสูงจะต้องสามารถสานสัมพันธ์กับคนสำคัญได้อย่างแน่นอน และจะต้องมีคนที่สามารถแก้ไขเอกสารของ STN Group ที่ติดอยู่ในศุลกากรได้แน่
ผ่านการแก้ไขเรื่องนี้จากคนอื่น ดีกว่าการรบกวนนิธิศให้คอยช่วยเหลือซ้ำๆ อย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ญาธิดาก็รับปากคำขอของเขาทันที
นิธิศถอนหายใจโล่งอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงก็ดูผ่อนคลายลงไม่น้อย “งั้นคุณก็ส่งตำแหน่งมาให้ผม อีกสักครู่ผมจะไปรับคุณ ชุดราตรีผมก็ได้เตรียมไว้ให้กับคุณแล้ว คุณจะได้ลองชุดเลยว่าขนาดพอดีไหม”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของญาธิดาดูเหมือนพกความรู้สึกเหินห่าง “คุณนิดส่งที่อยู่ของคุณมาก็พอค่ะ ฉันจะไปหาคุณเอง”
“แต่ว่า……”
เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ญาธิดาก็รีบขัดจังหวะเขาทันที ด้วยการถามติดตลกว่า “คุณคงไม่ได้คิดหรอกนะว่าฉันจะไม่มีชุดที่ดีๆ สักชุดเดียว”
“ผมแค่เป็นห่วงว่าเวลาจะไม่ทันเท่านั้นครับ” เขารีบกล่าวอธิบาย
หลังจากวางสาย ดวงตาของนิธิศค่อยๆ มองไปทางกล่องของขวัญที่วางอยู่ข้างที่นั่งคนขับ ความโกรธและไม่พอใจในดวงตาของเขากำลังกลิ้งไปมา