ดวงใจภวินท์ - บทที่ 799 ฝีมือใคร
บทที่ 798 มาง้อเหรอ
บทที่ 800 ลงเรือลำเดียวกัน
ดูเหมือนเขาไม่ได้พักผ่อนดีๆ มาเป็นเวลานาน และรูปลักษณ์ที่สง่างามในครั้งหนึ่งของเขาไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป มีเพียงเบ้าตาที่เป็นสีเทาและลึกโบ๋ รวมไปถึงหนวดเคราที่พะรุงพะรังที่ไม่ได้ดูแล
ญาธิดาเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ในใจยิ้มอย่างดูแคลน รีบเดินหน้ามาสองก้าวขวางทางของเขาไว้ “ขวัญเชื่อใจคุณขนาดนั้น ทำไมคุณถึงทำเรื่องแบบนี้ได้!”
ดวงตาเศร้าของธีทัตตกกระทบมาที่ตัวของเธอ แล้วปรากฏรอยยิ้มขมขื่นขึ้นบนใบหน้า “คุณคิดว่าที่เธอต้องกลายเป็นแบบนี้เพราะผมเหรอ”
“หรือว่าไม่ใช่!” ญาธิดาด้วยแววตาเย็นยะเยือก แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าหากคุณคิดว่าเธอคืออุปสรรคระหว่างคุณกับนารา คุณก็รีบปล่อยเธอให้กลับสู่ชีวิตของเธอ เข้าใจไหม!”
“ผมไม่ได้เป็นคนทำ……” น้ำเสียงของธีทัตฟังดูแล้วค่อนข้างแหบแห้ง แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ มองเธอแล้วกล่าวออกมาทีละคำ “ผมไม่ได้ลงมือกับขวัญตา……”
เพี้ยะ——
คำพูดของเขายังไม่ทันได้สิ้นสุด ฝ่ามือของญาธิดาได้กระทบไปที่ข้างแก้มของเขาอย่างจัง ดวงตาที่แดงก่ำของเธอคลอเต็มไปด้วยน้ำตา ตะคอกอย่างสะอึกสะอื้น “ขวัญทำเพื่อคุณมามากพอแล้ว!”
อัญมณีมองสองคนด้วยความมึนงง จนกระทั่งวินาทีนี้ถึงได้รู้สึกตัว รีบก้าวมาด้านหน้าดึงตัวญาธิดาให้ออกห่าง จากนั้นก็กล่าวอธิบายอย่างรีบร้อน “ฉันรู้จักพี่ชายฉันดี เรื่องนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำอย่างแน่นอน”
“เธอรู้จักดีงั้นเหรอ” ญาธิดาพิงอยู่ที่ตัวเธออย่างอ่อนแรง กล่าวพึมพำเบาๆ “เขาทำเรื่องผิดพลาดมากมายขนาดนั้น เธอรู้จักเขาดีจริงๆ เหรอ”
อัญมณีสายตาแน่วแน่ “พี่ชายไม่มีทางที่จะทำร้ายคนที่เขารักได้”
คนที่เขารัก……
ญาธิดาได้ยินดังนั้นสายตาก็เพ่งมองอย่างสำรวจ เล็งไปที่ธีทัต
“พี่ เรื่องสืบถึงไหนแล้วคะ มีความคืบหน้าหรือเปล่า” อัญมณีจัดแจงญาธิดาเสร็จแล้ว เดินสองก้าวขวางทางของเขาไว้ แล้วถามอย่างลนลาน
นัยน์ตามืดมนมองไม่ออกถึงอารมณ์ ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกได้ส่ายไปมา “ยังสืบไม่เจอ อาจเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือ ‘เขา’ ……”
อัญมณีได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ตกใจ ย่อมต้องเข้าใจคำว่า “เขา” จากปากพี่ชายนั้นหมายถึงใคร แม้แต่น้ำเสียงก็ดังสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “เป็นไปไม่ได้ เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
ธีทัตได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเศร้า “เขารู้ตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางที่จะปิดบังเขาได้เลย”
อัญมณีเม้มปากครุ่นคิด สายตาของธีทัตตกกระทบมาที่ตัวของญาธิดากับภวินท์ “ถ้าหากขวัญรู้ว่าพวกเขามาเยี่ยมเธอ คงจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน”
“ธีทัต คุณกำลังทำอะไรกันแน่ คุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม” เธอกดเสียงต่ำถาม
“ผม……” ธีทัตส่ายหน้า ในน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ตอนนี้ความคิดทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น แทบจะไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำ”
ญาธิดามองท่าทางที่หดหู่ของเขา ในใจจู่ๆ ก็ผุดความคิดหนึ่งที่คาดเดาอย่างกล้าหาญขึ้น จึงลองถามหยั่งเชิง “ขวัญเกิดเรื่องคุณน่าจะโล่งใจถึงจะถูกสิ ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นห่วงเธอขนาดนั้นล่ะ”
สายตาของธีทัตจ้องมองมาทางเธอ “ธิดา ในใจของคุณผมมันเหลือทนขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าที่ผมเป็นห่วงเธอจะต้องมีจุดประสงค์อย่างนั้นเหรอ”
ดวงตาของภวินท์หม่นลง ค่อยๆ ก้าวเดินมาข้างหน้า ดวงตาที่เฉียบคมของญาธิดาวได้สังเกตเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาดึงเขามาอยู่ด้านหลังทันที จากนั้นถึงกล่าวออกมาทีละคำอย่างเย็นชา “จุดประสงค์ของคุณชัดเจนจริงๆ……”
เธอพลางพูด สายตาพลางหันไปมองขวัญตาที่นอนหมดสติอยู่ในห้องผู้ป่วย จากนั้นกล่าวเบาๆ “คุณชอบเธอเหรอ!”
น้ำเสียงที่ชัดเจนและหนักแน่นตกกระทบเข้าที่ใบหูของธีทัต สีหน้าของเขาในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง สองมือกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว จ้องเขม็งกับสายตาของญาธิดาอย่างตกตะลึง
แม้แต่ภวินท์ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ เลย ก็ยังมีปฏิกิริยาเล็กน้อย แต่กลับเป็นอัญมณีที่วันปกติไม่มีความกังวลใดๆ ดูเหมือนจะรู้ความจริงมานานแล้ว จึงอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง
ระเบียงทางเดินเงียบสงัดเป็นเวลานาน ญาธิดาจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่แผดเผา น้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ “อันอันเคยบอกว่า คุณจะไม่ทำร้ายคนที่ตัวเองชอบ อย่างน้อยก็จะไม่ห่วงใยเหมือนอย่างตอนนี้”
ธีทัตให้ความทรงจำที่ไม่ดีแก่เธอ ดังนั้นเธอถึงได้โยนความผิดทั้งหมดมาที่ตัวของเขา หากไม่ใช่อันอันที่จู่ๆ เอ่ยถึงเธอเมื่อสักครู่ เธอแทบจะลืมไปแล้วว่าธีทัตก็เคยเป็นคนที่จิตใจละเอียดอ่อน
ธีทัตดูค่อนข้างลนลาน สบสายตาที่แผดเผาของเธออยู่นากพักใหญ่ๆ จึงกัดฟันแล้วถามกลับ “ผมมีความรู้สึกดีกับเธอจริงๆ”
อัญมณีจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่อึมครึมในทางเดิน เธอมองพี่ชายแล้วแซวขึ้น “ชอบพี่ขวัญใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่พูดยากสักหน่อย ทำไมพี่ต้องทำอย่างกับถูกบังคับอย่างนั้นแหละ”
ญาธิดาเอียงหน้าสบตากับเธอ หัวใจที่เป็นกังวลก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย โดยที่หัวใจแอบหวังว่าขวัญตาจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆ
ถ้าหากเธอรู้ว่าธีทัตหวั่นไหวกับเธอแล้ว คงจะต้องดีใจมากสินะ……
“คุณหมอได้บอกไหมว่าเธอจะฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อไร มีโอกาสมากแค่ไหนที่จะฟื้นขึ้นมา”
ญาธิดาพลางกล่าวพลางเดินมาที่ข้างเตียง หยิบสำลีชุบยาฆ่าเชื้อบนโต๊ะ แล้วปัดขุยที่แห้งบนริมฝีปากของขวัญตา
ใบหน้าของอัญมณีก็ปรากฏร่องรอยความเศร้าออกมา “บาดแผลในส่วนสมองนั้นใหญ่เกินไป มีความเป็นไปได้ที่……”
เธอไม่กล้าบอกว่า “มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะไม่ตื่นขึ้นมาตลอดกาล”
กว่าพี่ชายจะมีความกล้าเผชิญกับความรักครั้งนี้ ขวัญตาเองก็จริงใจกับพี่ชาย หากว่าทั้งสองคนไม่มีอนาคตกันจริงๆ เธอไม่กล้าจะคิดเลยว่าพี่ชายจะกระทบกระเทือนมากแค่ไหน
เห็นใบหน้าที่สวยงามของทั้งสองคนที่แสดงท่าทีที่เศร้าสร้อยออกมา ธีทัตก็ยิ่งอารมณ์หงุดหงิดจนควบคุมไม่ได้ ส่งสายตาให้กับภวินท์ให้ตามเขาออกไป
ทั้งคู่เดินมาถึงทางหนีไฟพร้อมกัน เขาหยิบบุหรี่หนึ่งมวนออกมาแล้วยื่นให้กับภวินท์ แต่กลับถูกภวินท์ผลักออก “ธิดาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่”
ธีทัตตกใจในตอนแรก จากนั้นก็ยิ้มอย่างเขินอาย “นานมากแล้วที่ไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ ไม่น่าเชื่อว่าจะลืมเรื่องสำคัญนี้ไปได้”
แสงเย็นวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของภวินท์ ราวกับว่ากำลังเตือนเขาก็ไม่ปาน
เขาเปล่งเสียงเบาๆ ออกมากล่าวอธิบาย “ผมเคยคิดว่าขวัญนั้นเหมือนกับธิดามาก จนเป็นเหตุให้หลายๆ ครั้งที่แยกไม่ออกว่าคนที่อยู่ข้างกายผมเป็นขวัญตาหรือว่าญาธิดา ตอนนี้ผมเพิ่งจะรู้สึกจริงจังกับเธอมันคงสายไปแล้วใช่ไหม”
คำพูดของเขาสะท้อนอยู่ในทางหนีไฟที่ว่างเปล่า ที่ยิ่งฟังก็ยิ่งหดหู่
“ต้องการให้ผมช่วยไหม” ภวินท์หรี่ตาลงมองเขา
สุดท้ายเขาก็จุดบุหรี่ที่อยู่ในมือ หลังจากที่พ่นควันออกมาแล้ว เสียงแหบแห้งก็แฝงด้วยความรู้สึกเหี้ยมโหด “เรื่องนี้ผมจะต้องลงมือสืบหาด้วยตัวเอง จะต้องหาคำมาอธิบายให้กับขวัญให้ได้ ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นใคร ผมก็ไม่มีวันปล่อยไปง่ายๆ แน่”
ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำร้ายผู้หญิงของเขา!
ภวินท์เลิกคิ้ว ถามกลับด้วยรอยยิ้มเย็นชา “คุณรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าใครคือผู้ลงมือ เพียงไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ก็เท่านั้น”
“เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ผมไม่ต้องการให้เป็นเขา” ธีทัต ตอบกลับอย่างเคร่งขรึมแล้ว และก็มองเขาอย่างลังเลว่าจะพูดไม่พูดดี “ภวินท์ มีคนคอยจับตาคุณอยู่ในที่ลับตลอดเวลา เรื่องใดๆ ก็ขอให้ระวังตัวด้วย”
“เห็นทีคุณจะรู้ข้อมูลภายในมากมายนะ” ภวินท์ประกายแสงแห่งความอยากรู้ขึ้นมา มองเขาราวกับจะยิ้มไม่ยิ้ม
ธีทัตไม่ได้ตอบกลับคำถามของเขา แต่ก้มหน้าลงแล้วเตือนอย่างจริงจัง “ปกป้องธิดาให้ดี อย่าให้เธอถูกทำร้ายได้”