ดวงใจภวินท์ - บทที่ 821 มีแค่ป้าที่ช่วยผมได้
บทที่ 821 มีแค่ป้าที่ช่วยผมได้
เพียงไม่นานรถแท็กซี่ก็จอดที่ประตูทางเข้าRambler Clubhouse แสงจากโคมไฟประดับหลากสีเป็นการเริ่มต้นของชีวิตสถานบันเทิงยามค่ำคืน ผู้คนรอบ ๆ กวาดสายตามองเจ้าเด็กน้อยทั้งสามคนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
อีธานไม่สนใจ เขาดึงมือต้นกล้าเข้าไปข้างใน เพราะไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ต้นกล้าออกมาข้างนอกเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่ ประกอบกับแสงไฟหลากสีที่ส่องประกายแยงตาได้กระตุ้นประสาทสัมผัสอันละเอียดอ่อนของเขาเข้าทันที เขารีบสะบัดมือของอีธานออกโดยไม่รู้ตัว
“ไม่! ไม่ไป!” เขาเดินถอยหลังด้วยตัวสั่น ๆ ภายในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
ด้วยประสบการณ์ที่เล่นด้วยกันมานานเอลล่ารู้ทันทีว่าอารมณ์ของเขาในตอนนี้กำลังจะระเบิดแล้ว เธอจึงอ้าแขนออกก่อนที่ทั้งสองคนจะกอดกันแน่นเหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มา
กลิ่นตัวกลิ่นเดียวกับญาธิดาลอยมาแตะจมูกซึ่งมันทำให้ต้นกล้าสงบลงเล็กน้อย เธอจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อมเขาว่า “ไม่ต้องกลัว พวกเราเข้าไปก่อนอีกเดี๋ยวคุณแม่ก็จะมารับพวกเราแล้ว”
เมื่อเห็นเขายังลังเลอยู่เล็กน้อย เอลล่าจึงพูดเสริมไปอีกประโยคหนึ่งว่า “ฉันกับคุณแม่ไม่เคยโกหกเธอมาก่อนเลยใช่ไหมล่ะ? เธอไม่เชื่อฉัน หรือว่าไม่เชื่อในคุณแม่อย่างนั้นเหรอ?”
ต้นกล้าจึงยื่นมือไปจับมืออีธานอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะส่งสัญญาณให้เด็กน้อยทั้งสองคนพาเขาเข้าไป
ข้างในบาร์เสียงดังน่าหนวกหู เด็กน้อยทั้งสามคนเดินไปถึงประตูทางเข้าโดยมีอีธานเป็นหัวโจกเดินนำเข้าไป เขาพูดขึ้นว่า “สวัสดีครับคุณลุง พวกเรามาตามหาป้าอลิสา”
เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างคว้ากางเกงของเขาอยู่ ชายคนนั้นถึงสังเกตเห็นเด็กน้อยทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพูดเชิงตะโกนว่า “พวกหนูว่าอะไรนะ? มาหาพี่อลิสา? นั่นไม่ใช่คนที่พวกหนูอยากเจอก็จะได้เจอนะ พวกหนูรู้หรือเปล่าว่าพี่สาเป็นใคร?”
อีธานพยักหน้า “ป้าอลิสาเป็นแฟนของเจ้าของร้าน Rambler Clubhouse ของพวกลุง เป็นคุณหมอจิตแพทย์ที่เรียนจบจากต่างประเทศ ไม่ใช่ผู้หญิงเต๊ะท่าปั้นยศอย่างที่ลุงกำลังพูดถึง”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบป้ายรูปวงรีเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ชายคนนั้น “ช่วยบอกป้าอลิสาหรือลุงหลุยส์ให้ทีได้ไหมครับ”
ทันทีที่เห็นคำว่า “สถิรานนท์” สลักอยู่บนนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นี่เป็นป้ายพิเศษของทางRambler Clubhouse ทั้งบาร์มีเพียงแค่สามชิ้นเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ถือครองมันคือคุณภวินท์ผู้มีชื่อเสียง
แต่ป้ายที่สำคัญขนาดนี้มาอยู่ในมือของเด็กน้อยพวกนี้ได้ยังไง?
หลังจากเขามองเด็กน้อยทั้งสามคนอย่างพิจารณาอยู่นาน เขาลุกขึ้นและหันไปพูดอะไรบางอย่างกับทางเคาน์เตอร์ เพียงไม่นานหลุยส์ก็ปรากฏตัวต่อสายตาของทุกคน
“ขนาดวินฉันยังไม่ต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย เจ้าเด็กน้อยนี่หน้าใหญ่หน้าโตซะจริง ๆ เลยนะ ต่อไปถ้าได้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ของตระกูลสถิรานนท์ เกรงว่าเมืองนี้คงจะต้องวุ่นวายเหมือนนาจาป่วนทะเลแน่”
อีธานกลอกตาขาวพลางพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ที่ดูขัดกับอายุ “ลุงหลุยส์น่าจะดีใจนะที่คนที่มาวันนี้เป็นผมแต่ไม่ใช่คุณพ่อ ไม่อย่างนั้น…”
“พอ ๆ ๆ” หลุยส์เห็นอีธานแล้วมีความรู้สึกเหมือนเห็นภวินท์ไม่มีผิดเพี้ยน สองพ่อลูกคู่นี้เหมือนกันมากจนทำให้เขาต้องปวดหัวจึงรีบพูดขึ้นว่า “ป้าอลิสารอพวกเธออยู่ที่ห้องส่วนตัว รีบเข้าไปเถอะไป”
ทันทีที่พูดจบสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ต้นกล้าเข้าพอดี “เจ้าเด็กคนนี้คือ…”
อีธานตวัดสายตามองเขาคล้ายกำลังเตือนว่าอย่าถามอะไรให้มากนัก เขาได้แต่เอามือลูบ ๆ จมูกและแอบบ่นลูกชายของวินในใจอย่างอดไม่ได้
พนักงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับยืนอึ้ง มองตามแผ่นหลังของเด็กน้อยแล้วได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กน้อยที่ฉลาดเป็นกรดคนนี้จะเป็นทายาทของตระกูลสถิรานนท์ในอนาคต
ในห้องส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟอลิสาทั้งโอบทั้งกอดเอลล่าไม่เลิก โดยที่ไม่สนใจถามเลยว่าพวกเขาเสี่ยงฝ่าฝูงชนรถติดมาถึงที่นี่เพื่ออะไร
“ปกติธิดาหวงมาก แถมยังบอกอีกว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกแฝดของเธอเข้าใกล้พวกเราเด็ดขาด มาวันนี้ในที่สุดก็ตกมาอยู่ในมือของฉันจนได้”
กระทั่งเธอกระชับความสัมพันธ์กับเอลล่าจนพอใจแล้วถึงได้ยินเสียงเด็กน้อยไร้เดียงสาในอ้อมแขนของเธอดังขึ้นว่า “ป้าสาคะ ที่พวกเรามาวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญมาหาคุณป้าค่ะ”
อลิสาเริ่มกวาดสายตาสังเกตทันที เธอมองไปที่อีธานก่อนจนกระทั่งมั่นใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจึงเหลือบมองไปที่ต้นกล้าที่อยู่ข้าง ๆ
“ออทิสติก? และมีปัญหาการสื่อสาร?” เธอขมวดคิ้วแน่น “พวกเธออยากให้ป้าช่วยรักษาเด็กน้อยคนนี้เหรอ?”
ทันทีที่เธอทายถูก อีธานก็ไม่คิดจะปิดบังต่อไปและรีบพยักหน้ารับอย่างแรง
“ฉันไม่ใช่กุมารแพทย์มืออาชีพนะ ยังไงก็ควรให้พ่อแม่พาเขาไปรับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญดีกว่า ให้รักษากับฉันอาจจะส่งผลเสียที่คาดไม่ถึงกับเขาก็ได้” เธอตอบอย่างเคร่งขรึม
“ป้าสา เรื่องนี้มีแค่ป้าเท่านั้นที่ช่วยผมได้” อีธานสีหน้าเคร่มขรึมมากขึ้น “ผมไม่เชื่อใจคุณพ่อของต้นกล้า ถ้าเขาสามารถรักษาต้นกล้าให้หายดีได้ ผมคงไม่พาเขามาที่นี่หรอก”
อลิสามองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยสายตาจดจ่อและขมวดคิ้วแน่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูไม่น่าเชื่อใจ แต่สีหน้าของอีธานดูเหมือนไม่ได้กำลังล้อเล่นเลย และเด็กที่ชื่อต้นกล้าคนนี้ก็ยังดูมีความหวังที่จะรักษาอยู่
เขารีบส่งสัญญาณให้อีธานพูดต่อ
อีธานเดินเข้ามาหาเธอ พลางกระซิบบอกเรื่องที่นิธิศได้ทำลงไปให้เธอฟังด้วยเสียงแผ่วเบา พร้อมทั้งอธิบายสิ่งที่ตัวเองคาดเดาให้เธอฟังด้วยและสุดท้ายเขายังพูดอีกว่า “คนเดียวที่ผมเชื่อใจก็มีแค่คุณป้าเท่านั้น ถ้าคุณป้าช่วยไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นผมคงทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าพ่อของต้นกล้าคิดไม่ซื่อกับญาธิดา อลิสาก็ถึงกับระเบิดลุกขึ้นตบอกพร้อมสัญญาว่าจะพยายามรักษาต้นกล้าอย่างสุดความสามารถ เธอจะพยายามเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กคนนี้กลายเป็นกรงที่คอยกักขังญาธิดาเอาไว้
เธอเหลือบมองต้นกล้าที่กำลังขยับตัวถอยหลบไปข้าง ๆ เธอถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะเข้าไปถามเด็กน้อยว่า “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อญาธิดา ได้ยินมาว่าหนูสนิทกับเธอใช่ไหม?”
เสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหูของเขา ต้นกล้าลดความต่อต้านลงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้เธอ
เวลาผ่านไปทุกนาทีทุกวินาที ญาธิดาเป็นกังวลใจมาก
แม้ว่านิธิศจะรู้ว่าอีธานกับเอลล่าจงใจหลบหลีกกล้องวงจรปิด แต่เขาก็ยังพาเธอไปตรวจดูอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็พยายามปลอบใจเธอไปด้วยเพื่อไม่ให้เอใจร้อน
ยิ่งเขาแสดงท่าทีอดทนใจกว้างมาเท่าไหร่ ญาธิดาก็ยิ่งอึดอัดใจมากเท่านั้น หลังจากที่ใช้เวลาตามหาอยู่หลายชั่วโมงแต่ไม่พบเธอจึงปลีกตัวออกจากนิธิศ และฝืนใจกัดฟันโทรศัพท์ไปหาหลุยส์
“อ้าว ธิดา โทรหาฉันหรือว่าอลิสาเหรอ?” เสียงของหลุยส์ยังคงฟังดูเยาะเย้ยถากถางเหมือนเคย กระทั่งทำให้รู้สึกเคือง ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “นี่ฉันไปทำอะไรให้คนตระกูลสถิรานนท์หรือยังไง? ถึงได้ติดต่อมาหาฉันแบบนี้!”
ญาธิดาจับประเด็นสำคัญในคำพูดของเขาได้ทันทีและรีบถามอย่างเป็นกังวลว่า “อีธานกับเอลล่าไปหานายหรือเปล่า?”
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่Rambler Clubhouse”
หลุยส์นึกย้อนพลางพูดต่อไปอีกว่า “จริงสิ พวกเขายังพาเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาด้วยนะ แถมยังบอกอีกว่ามีเรื่องมาหาอลิสา”
อลิสา? …กุมารแพทย์มืออาชีพที่อีธานพูดถึง
ดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ พลางกำชับเขาว่าอย่าพูดอะไรเหลวไหลออกไปเด็ดขาด เดี๋ยวจะสร้างปัญหาให้ภวินท์โดยไม่จำเป็น เธอกดวายสายอย่างไม่ลังเล ทิ้งให้หลุยส์ถือโทรศัพท์ค้างไว้อย่างงง ๆ
“ฉันเจออีธานกับเอลล่ากับต้นกล้าแล้วค่ะ!”
ญาธิดารีบหันไปบอกนิธิศ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ “รบกวนคุณช่วยไปส่งฉันที่ตำแหน่งนี้ทีค่ะ พวกเขาอยู่ที่นั่น”
เมื่อนิธิศได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยืนยิ้มทำเป็นโล่งอกออกมาอย่างเสแสร้ง แต่กลับดูไม่ดีใจเลยสักนิด
บทที่820 ต้นกล้าหายตัวไป
บทที่ 822 มองผู้ชายคนนี้ไม่ออก