ดวงใจภวินท์ - บทที่ 856 เขาเป็นของปลอม
บทที่ 856 เขาเป็นของปลอม
“นพเก้า?” เขาเอ่ยถามอย่างเฉยเมยโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
ญาธิดาแค่นหัวเราะเบา ๆ “ใช่ แฟนตัวจริงมาทวงคืนถึงที่ ฉันต้องเสียแรงตั้งเยอะกว่าจะเชิญหล่อนกลับไปได้ แถมยังต้องมาเสียหายโดยเปล่าประโยชน์อีก”
เธอสะบัดฝ่ามือที่ยังคงปวดแสบจากการตบนพเก้าเมื่อครู่นี้ พลางพร่ำบ่นอย่างน่าสงสารเพราะยังไงเธอก็ไม่ได้พูดโกหก เธอเจ็บมือแบบนี้ก็ถือเป็นข้อเสียหายอย่างหนึ่งเหมือนกัน
“ควรจะเป็นเธอที่เสียหายเพราะคุณไม่น้อยต่างหาก”
เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเลิกคิ้วและตอบกลับอย่างเคือง ๆ “ทำไม? ปวดใจ? ถ้าสงสารก็รีบกลับไปปลอบใจหน่อยสิ!”
ยังไม่ทันที่ภวินท์จะได้ตอบกลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาระหว่างทั้งสองคน
เมื่อเห็นรายชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมขึ้นมาก หลังจากชำเลืองมองภวินท์คล้ายกำลังครุ่นคิดแล้วเธอก็เดินหยิบโทรศัพท์ออกไปที่ระเบียง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ธิดา หลุยส์ได้เบาะแสใหม่…” น้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังของอลิสาดังขึ้นอย่างช้า ๆ “เขาไม่ใช่นิธิศ แต่เป็นทิวัตถ์ น้องชายฝาแฝดของนิธิศ!!!”
บ้านสุทธิทักษ์มีสี่คนเดิมทีเป็นแค่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชนบทแห่งหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยนิธิศจะได้คบหากับลูกสาวเศรษฐีการเมืองจนแต่งงานและผันตัวมาใช้ชีวิตในเมือง
นิธิศตัวจริงหลังจากแต่งงานแล้วก็หาผลประโยชน์มาให้บ้านสุทธิทักษ์อยู่ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่เขามาล้มป่วยจนเสียชีวิตในเวลาเพียงไม่ถึงสองปี
ครอบครัวของพวกเขายากกว่าจะมีชีวิตที่อยู่ดีมีกินขึ้นมาได้ และเพราะกลัวว่าการตายของเขาจะพรากความสุขที่มีอยู่ไป พวกเขาจึงโกหกว่าคนที่เสียชีวิตไปนั้นคือทิวัตถ์ ผู้เป็นน้อง จากนั้นก็ให้ทิวัตถ์ ตัวจริงมีชีวิตอยู่ต่อไปภายใต้ชื่อของพี่ชาย
ทิวัตถ์ ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวเหมือนอย่างพี่ชาย ดังนั้นหลังจากที่มหาเศรษฐีการเมืองคนนั้นเสียชีวิต เขาจึงได้จัดการคนที่อยู่ร่วมเตียงเคียงหมอนที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยคนนั้นซึ่งก็คือพี่สะใภ้ด้วยมือของตัวเอง
ญาธิดาอดขนลุกขนชันไม่ได้เมื่อได้รู้ความจริง เธอรู้สึกถึงเพียงแค่ความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังพลางรีบถามขึ้นว่า “แล้วต้นกล้า…”
“ต้นกล้าเป็นลูกชายแท้ ๆ ของนิธิศ และไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรกับทิวัตถ์ คนนี้”
เพราะแบบนี้เขาถึงได้ทำเราที่เลวยิ่งกว่าหมูยิ่งกว่าหมาแบบนั้นได้ลง ทำร้ายต้นกล้าครั้งแล้วครั้งเล่า…
อลิสาอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องราวคร่าว ๆ และน้ำเสียงของเธอก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ “พวกเราตรวจสอบพบว่าก่อนที่เจ้าพ่อการเมืองคนนั้นจะเสียชีวิตเขาได้ทิ้งรายชื่อผู้รับสินบนเอาไว้
ทันทีที่รายชื่อพวกนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน นิธิศก็จะไม่มีอำนาจหรือสิทธิ์อะไรอีกต่อไป แบบนี้พวกเราถึงจะสามารถสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับเขาได้โดยปราศจากอุปสรรค และพาเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
“แต่ของยังอยู่ในมือของเขา ฉันต้องคิดหาทางหามันให้เจอ?” ญาธิดาคาดเดาความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเธอ
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากเงียบไปสักพักอลิสาก็เอ่ยปากพูดอย่างลังเลว่า “นี่เป็นวิธีสุดท้าย อันที่จริงถ้าให้เวลาหลุยส์อีกหน่อยเขาคงจะสามารถสืบหาหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราได้…”
“มันสายเกินไป” ญาธิดาพูดขัดจังหวะขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ozoneยังต้องรับมือกับเรื่องสหพันธ์การค้าในต่างประเทศอีก นิธิศอาจจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของเรื่องนี้เอาได้ง่าย ๆ ต้องรีบจัดการเขาก่อน”
ยังไม่ทันที่อลิสาจะได้เกลี้ยกล่อมเธอต่อ เธอกลับรีบกดวางสายโทรศัพท์ทันที
เธอรีบหยิบกระเป๋าถือเดินไปที่ประตูก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหันไปมองภวินท์แล้วพูดกับเขาเสียงเข้ม “ไม่กี่วันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ คุณช่วยดูแลเอลล่าแทนฉันด้วย”
ภวินท์ไม่ได้ถามต่อเพียงแค่พยักหน้าให้เธอเบา ๆ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ญาธิดาก็ไปปรากฏตัวที่ประตูบ้านพักระดับไฮเอนด์พร้อมกับต้นกล้าที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ เมื่อเห็นการมาเยือนของทั้งสองคนก็ทำเอานิธิศดูตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด “นี่พวกคุณ…”
ญาธิดาหัวเราะเบา ๆ “พวกเราตกลงกันไว้ว่าจะพาต้นกล้าไปเที่ยวด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ วันนี้อลิสาอนุญาตแล้ว ฉันก็รีบไปรับต้นกล้ามาทันทีเลย พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะจะได้พอมีเวลาเที่ยวเล่นข้างนอกสักสองสามวัน”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้นนิธิศก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนและรีบพาเธอเข้าไปที่ห้องรับแขก “ทำไมไม่บอกผมก่อนล่ะ ให้ผมไปรับพวกคุณแทน”
เธอยิ้มหวาน “เพราะทนรอไม่ไหวอยากจะรีบออกเดินทางเร็ว ๆ น่ะค่ะ”
นิธิศไม่สงสัยในตัวเธอเลยสักนิด ภายในใจของเขามีเพียงความคิดเดียวคือในที่สุดลึก ๆ ในใจของญาธิดาก็เต็มใจยอมรับเขาสักที ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากสำหรับเขา
“แต่ว่าผมยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
ญาธิดาโบกมือสองข้างที่ว่างเปล่าของตัวเอง “ฉันก็ไม่ได้เตรียมอะไรเลยเหมือนกัน ฉะนั้นคงต้องพึ่งคุณช่วยจัดการแล้วล่ะค่ะ คุณไปแพ็คของเดี๋ยวฉันจะจองตั๋วเครื่องบิน”
นิธิศได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าราวกับว่าเขายังจมอยู่ในความประหลาดใจและความดีใจไม่หาย เมื่อญาธิดาเห็นว่าเขาไม่ได้สงสัยอะไรเธอก็แอบโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงเขาไปว่า “ฉันขอไปที่ห้องหนังสือยืมคอมพิวเตอร์ของคุณหน่อยได้ไหมคะ?”
หลังจากได้รับอนุญาตจากนิธิศเธอก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือทันที เธอเปิดหน้าเว็บไซต์ของสายการบินและเลือกตั๋วเครื่องบินไปยุโรป หลังจากนั้นก็พยายามค้นพบสิ่งของภายในห้องหนังสือ
เลย์เอาท์ของห้องหนังสือทั้งกว้างขวางและสว่างไสว ข้างในมีแค่โต๊ะหนังสือสะอาดสะอ้านกับชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ บนชั้นหนังสือส่วนใหญ่มีแต่ของตกแต่ง แม้แต่ตู้เซฟสักอันก็ไม่มี ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่เหมือนที่ที่สามารถเก็บซ่อนของบางอย่างได้
นอกจากสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเหล่านี้แล้วเธอยังสำรวจโต๊ะหนังสือ ฝาผนัง ใต้พื้นห้องอย่างระมัดระวังเพื่อดูว่ามีช่องโหว่ซ่อนอยู่หรือเปล่า แม้แต่เพดานห้องเธอก็ถึงกับยืนบนเก้าอี้และเคาะดูสองสามที
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปแต่เธอก็ยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการจนอดครุ่นคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าถ้าของไม่ได้ซ่อนอยู่ในห้องหนังสือ แล้วมันจะอยู่ที่ไหน…
ทันใดนั้นเธอก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากซื้อตั๋วเสร็จแล้วเธอก็รีบเดินตรงไปที่ห้องนอนของนิธิศ
“ตั๋วเครื่องบินฉันซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ขณะที่พูดเธอก็ช่วยหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาพับเก็บและยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะถามอย่างติดตลกว่า “เป็นยังไงแบบนี้ดูเหมือนภรรยาและแม่ที่ดีบ้างไหม?”
เมื่อได้เห็นท่าทางจริงจังและชำนาญแบบนี้ของเธอ แววตาของนิธิศก็ไม่สามารถปิดบังความหลงใหลโปรดปรานเอาไว้ได้ “เหมือน เหมือนมากจริง ๆ …”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณช่วยไปจัดเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำให้ภรรยาและแม่ที่ดีคนนี้ด้วยนะคะ แล้วก็ช่วยเตรียมของใช้จำเป็นให้ฉันด้วย เรื่องง่าย ๆ พวกนี้เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ” ขณะที่พูดเธอก็พยายามดันนิธิศให้เดินออกไปจากห้อง
ทันทีที่แผ่นหลังของนิธิสหายลับไปจากสายตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไปทันที ความนิ่งสงบและเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของเธอ และรีบเดินสำรวจพื้นรอบ ๆ เพื่อทำการค้นหาแบบปูพรม
“นี่มัน…”
เธอก้มดูรอยร้าวแปลก ๆ บริเวณใต้เตียงนอน เธอขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นพร้อมกับรีบเอื้อมมือเข้าไปลูบคลำบริเวณนั้น เพียงไม่นานปลายนิ้วของเธอก็สัมผัสเข้ากับวัตถุที่เป็นกระดาษเข้า
เธอออกแรงเพิ่มอีกเล็กน้อยก่อนที่กระดาษที่มีฝุ่นเกาะจะหลุดออกมาจากช่องว่างใต้เตียง ภายในเป็นสิ่งที่นพเก้าเคยพูดถึงทางโทรศัพท์
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถ่ายรูปส่งไปให้อลิสา เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็เริ่มเดินเข้ามาใกล้ประตูห้องขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงรีบเอาเอกสารวางกลับเข้าที่เดิม
“ธิดา ผม…” เสียงขอนิธิศชะงักนิ่งไปกะทันหัน เมื่อเห็นเธอกำลังหมอบอยู่ใต้เตียง สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งขึ้นมาทันทีก่อนจะเปล่งเสียงโหดเหี้ยมออกมาอย่างชัดเจน “คุณทำอะไรน่ะ?!”
ญาธิดากลอกตาไปมาก่อนจะถอดแหวนประดับบนนิ้วนางออกแล้วโยนเข้าไปในใต้เตียง จากนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเขาและอธิบายอย่างร้อนใจว่า “แหวนของฉัน! มันสำคัญกับฉันมาก รีบช่วยฉันหาวิธีเอามันออกมาเร็ว!”
นิธิศมองเธออย่างสงสัย ก่อนจะเดินเข้าไปเหลือบมองแหวนที่หล่นอยู่ใต้เตียงตามที่เธอบอก และคิดไปว่านี่อาจจะเป็นแหวนแต่งงานของเธอ เขาจึงตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ไว้ไปถึงยุโรปแล้วผมจะซื้ออันใหม่ที่ดีกว่าให้คุณเอง”