ดวงใจภวินท์ - บทที่ 858 ฉันต้องการคำอธิบาย
บทที่ 858 ฉันต้องการคำอธิบาย
เธอมองลงไปดูการจราจรที่คับคั่งด้านล่างตึกสูง ทันใดนั้นโลกเบื้องหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป หลังจากดิ้นรนได้เพียงไม่กี่ครั้งก็ถูกนิธิศกดไว้แน่น
เขาบีบคางของเธออย่างแรง ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “ธิดา ทีแรกฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอหรอกนะ เพราะฉันชอบเธอมาก แต่ทำไมเธอถึงชอบแตะขีดจำกัดของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
ใบหน้าสวยของเธอแดงก่ำ เอ่ยปากพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ทิวัตถ์ ในชีวิตของคุณไม่ได้มีแค่ฉัน ยังมีพ่อแม่และครอบครัวของคุณอีก ลองนึกถึงพวกเขา…”
“หุบปาก!” เขาแหกปากคำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกเขามีแค่นิธิศ มีแค่ลูกชายที่หาผลประโยชน์มาให้พวกเขาคนนั้น พวกเขาไม่เคยมองฉันตรง ๆ เลยด้วยซ้ำ! พวกเขาสมควรตาย…เธอก็สมควรตายเหมือนกัน!!!”
เขาเพิ่มแรงที่มือ ออกแรงบีบคอของญาธิดา กดร่างเพรียวบางของเธอแนบติดกับริมดาดฟ้า
“หลุยส์น่าจะได้เอกสารฉบับนั้นแล้ว ยังไงฉันก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ลากเธอไปตายด้วยกันเลยแล้วกัน! ธิดา ชาติหน้า หรือพวกเราอาจจะกลายไปเป็นสามีภรรยากันในนรกก็ได้ ไม่เป็นไร ฉันรอได้!”
ทิวัตถ์ดูบ้ามาก ในดวงตาของเขาเหลือเพียงเส้นเลือดแดงก่ำ ญาธิดาถูกเขาบีบคอแน่น แก้มขาวเนียนก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากถูกบีบจนหายใจไม่ออก
ตอนนี้ญาธิดาพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อนึกถึงอีธานกับเอลล่า หัวใจของญาธิดาก็เกิดความรู้สึกไม่เต็มใจตายทั้งแบบนี้ขึ้นมา
ใครก็ได้ช่วยเธอที
ตุบ——
เสียงของหนักล้มลงกับพื้น คอของญาธิดาคลายลงก่อนที่จะสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเป็นจำนวนมาก ญาธิดารู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่ ร่างกายเธออ่อนแรง ได้แต่จับต้นคอที่ปวดร้าวของตัวเองและทรุดตัวลงกับพื้น พลางพยายามสูดอากาศหายใจ
ไม่กี่วินาทีต่อมาหลังจากเธอเริ่มสงบลงไปบ้างเล็กน้อย ญาธิดาก็เงยหน้าขึ้นมองถึงได้พบว่าเกิดอะไรขึ้น
ทิวัตถ์ถูกกดลงกับพื้น และมีหมัดรัวลงบนใบหน้าของเขาราวกับพายุฝน โดยที่เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะสู้กลับจึงถูกชกจนหมดสติไป
ขายคนนั้นหันหลังให้เขา หลังจากรอจนแน่ใจว่าทิวัตถ์สลบไปแล้วเขาถึงลุกขึ้นยืนเช็ดรอยเลือดที่มือของตัวเอง และเดินเข้าไปหาญาธิดา
เมื่อสายตาของเธอจับจ้องคนที่อยู่เบื้องหน้า แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
กระทั่งภวินท์เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเอื้อมมือเข้ามาหา ญาธิดาถึงได้สติ
ญาธิดาวางมือลงบนฝ่ามืออบอุ่นของภวินท์และเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณ…”
เธออยากถามเขาว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
แต่ทันทีที่อ้าปากจะพูด ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่คอก็ทำเอาญาธิดาถึงกับไอสำลักออกมา ภวินท์กอดเธอพลางเหลือบมองรอยสีแดงเข้มที่ลำคอก่อนจะพูดเสียงขรึมว่า “คอของเธอบาดเจ็บ ยังไม่ต้องพูดจะดีกว่า”
ญาธิดามองเขาอย่างพิจารณา ภวินท์นิ่งไปและไม่ได้อธิบายอะไร ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนขึ้นมาบนดาดฟ้าและพาทิวัตถ์ที่หมดสติลงไป
ส่วนญาธิดาก็นั่งรถพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับภวินท์
หลังจากผ่านการตรวจอย่างละเอียด ร่างกายของญาธิดามีเพียงแค่รอยขีดข่วนเล็กน้อยตามร่างกายเท่านั้นและไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ลำคอของเธอเนื่องจากเส้นเสียงได้รับความเสียหาย เกรงว่าระยะนี้เธอคงจะพูดไม่ได้ไปอีกสักระยะ
หลังจากสถานการณ์เรื่องนี้คลี่คลาย ภวินท์ก็จองเที่ยวบินกลับ ด้านญาธิดาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่ต่อแล้ว
ทางด้านนิธิศก็มีตำรวจข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศคอยประสานงานกันอยู่ ญาธิดาก็ไม่จำเป็นต้องติดตามเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นเธอจึงพาลูกกลับมาที่เมือง J ทันที
ญาธิดาบาดเจ็บที่คอพูดไม่ได้ จึงทำได้แค่อยู่แต่ที่บ้านเท่านั้น
เช้าวันต่อมาเสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้น และคนที่เธอเห็นยืนอยู่ด้านนอกประตูก็ทำให้เธอแปลกใจมากไม่น้อย
ภวินท์ยืนถือช่อดอกไม้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ธิดา ขอโทษ”
ญาธิดากัดริมฝีปากมองเขาด้วยท่าทางเย็นชา
เรื่องมาถึงวันนี้ เธอยังมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ ที่บอกว่าภวินท์ความจำเสื่อมล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
เขาหายตัวไปนานกว่าสองปี และหลังจากลับมาก็ยังมาหลอกลวงเธออีก
เธอเบือนศีรษะหลบไปข้าง ๆ ให้เส้นผมปิดบังใบหน้าของเธอและปิดบังความรู้สึกที่แสดงออกมาของเธอด้วย
แล้วทั้งสองคนก็ได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ข้างนอกด้วยกันทั้งอย่างนั้น
สุดท้ายเอลล่าที่แอบอยู่ก็ทนดูต่อไปไม่ไหวจึงดึงภวินท์เข้ามาด้านใน
เธอส่งสายตาอวยพรภวินท์ขอให้โชคดีก่อนจะพาต้นกล้าขึ้นไปชั้นบน
ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงแค่ญาธิดากับภวินท์สองคน บรรยากาศโดยรอบเงียบลงในทันใด
ญาธิดาหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาเขียนทีละคำว่า “ภวินท์ ฉันต้องการคำอธิบาย”
ภวินท์เงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยปากพูดว่า “ความจำเสื่อมเป็นเรื่องโกหก เหตุผลที่ฉันต้องอยู่กับนพเก้าก็เพื่อจะเข้าไปในองค์กรของพวกเขา”
ภวินท์เล่าเหตุการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
เมื่อสองปีก่อน เพื่อจะกำจัดพวกศัตรูให้สิ้นซาก ozoneจึงได้วางแผนนี้ขึ้นมา รวมถึงการหายตัวไปของภวินท์ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการด้วยเช่นกัน
เพื่อให้ได้ความไว้วางใจจากนพเก้า ภวินท์ต้องทนอยู่เคียงข้างเธอและแกล้งทำตัวเป็นคู่หมั้นของเธอ
ญาธิดาจ้องเขาเขม็ง นัยน์ตาขุ่นมัวและขุ่นเคืองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเขียนลงในกระดาษว่า “ดังนั้น คุณก็เลยทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าฉัน จงใจปิดบังเรื่องทุกอย่างจากฉัน?”
สวรรค์รู้ว่าตอนนั้นเธอเศร้าใจมากแค่ไหน
ภวินท์ถอนหายใจก่อนจะรวบตัวญาธิดาเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
ญาธิดาไม่อยากถูกเขากอดทั้งแบบนี้จึงเริ่มดิ้นขัดขืน
ภวินท์ออกแรงกอดเธอไว้แน่นพลางวางคางลงบนศีรษะของเธอเบา ๆ “ขอโทษธิดา แต่เรื่องนี้จะเปิดเผยออกไปไม่ได้เด็ดขาด เพื่อไม่ให้เธอสงสัยฉันทำได้แค่ต้องให้ความร่วมมือ ทันทีที่ทุกอย่างเปิดเผย แผนการที่ทำมาตลอดสองปีก็จะสูญเปล่า ถึงตอนนั้นชีวิตของพวกเธอทุกคนก็จะถูกคุกคามไปด้วย”
ความเจ็บปวดปรากฏใบแววตาของภวินท์ ผลลัพธ์แบบนั้นเขายอมรับไม่ไหวเลยจริง ๆ
เมื่อได้ยินคำอธิบาย ญาธิดาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
เธอเข้าใจภวินท์ เพราะถ้าเป็นเธอ เธอก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน
บางทีเมื่อเทียบกันเธอแล้ว ภวินท์อาจจะเป็นคนที่ลำบากที่สุดก็ได้
ญาธิดาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในอ้อมกอดของเขา แล้วสุดท้ายเธอก็หยุดดิ้นรน น้ำตารินไหลอาบแก้ม
เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เนื่องจากไม่สามารถเปล่งเสียงพูดได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่ซุกใบหน้าฝังเข้าไปในอ้อมแขนของภวินท์เพื่อสัมผัสความอบอุ่นที่ห่างหายไปนานกว่าสองปี
ภวินท์กอดเธอ มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาโน้มศีรษะลง ประคองใบหน้าซีดขาวของเธอขึ้น จับจ้องไปที่ริมฝีปากสีแดงสดแล้วจูบเธอทันที
เขาสูดกลิ่นลิ้มรสของญาธิดาอย่างตะกละตะกลาม อุณหภูมิรอบกายของพวกเขาค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น หลังจากผ่านไปกว่าหลายนาทีทั้งสองจึงค่อย ๆ แยกออกจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์
ญาธิดาหยิบปากกาและกระดาษที่ไม่รู้ว่าตกลงบนพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเขียนลงไปว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ควรทำยังไงต่อ? เรื่องทิวัตถ์พวกศัตรูก็คงรู้เรื่องแล้วด้วยเหมือนกันใช่ไหม”
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล กลัวว่าการกระทำของตัวเองจะส่งผลต่อแผนการของozone