ดวงใจภวินท์ - บทที่ 859 แผนการ
บทที่ 859 แผนการ
“สบายใจได้” ภวินท์โอบกอดเธอพลางมองเธอนิ่ง ๆ “พวกเราได้แฮ็คเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของทิวัตถ์และสกัดกั้นข้อมูลที่เขาส่งให้นพเก้าเอาไว้ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงยังไม่รู้ว่าทิวัตถ์ถูกพวกเราควบคุมตัวแล้ว”
ทันทีที่สัญญาณเตือนภัยทางคอมพิวเตอร์ของทิวัตถ์ดังขึ้น เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกเปิดโปงแล้ว ดังนั้นเขาเลยพาญาธิดาขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า คิดอยากจะตายไปพร้อมกันกับญาธิดา
แถมเขายังเตรียมแผนสำรองไว้อีกด้วย ทันทีที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเขาก็กดส่งข้อมูลของญาธิดาส่งไปให้นพเก้าทันที
ถ้านพเก้าได้ข้อมูลนี้ไปญาธิดาคงตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
โชคดีที่พวกเขาคาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้าว่าทิวัตถ์จะทำแบบนี้จึงได้สกัดกั้นข้อมูลเอาไว้ก่อน
ญาธิดาโล่งใจ ตราบใดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อองค์กรก็พอแล้ว
เธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงทุบหน้าอกของภวินท์เบา ๆ แล้วเขียนบอกเขาว่า “ฉันยังไม่ได้ถามคุณเลยว่าตอนนั้นคุณไปเจอฉันที่ดาดฟ้าได้ยังไง?”
ภวินท์ยิ้มน้อย ๆ “ฉันไปกับเอลล่า”
ญาธิดาเบิกตากว้าง “คุณสะกดรอยตามฉัน!”
แถมยังพาเอลล่าไปด้วยอีก!
ภวินท์ถอนหายใจและจูบลงบนหน้าผากของเธอ “สถานการณ์ก่อนหน้านี้มันอันตรายขนาดนั้น ฉันจะวางใจให้เธออยู่กับทิวัตถ์ได้ยังไงล่ะ”
ญาธิดาไม่พูดอะไร มีแต่ความหวานที่เกาะกุมในหัวใจ
อย่างน้อยภวินท์ก็ห่วงใยเธอ และยอมเสี่ยงชีวิตมาตามหาเธอ
อาการเจ็บที่คอของญาธิดาไม่ได้รุนแรงมากนัก หลังจากพักผ่อนไม่กี่วันเธอก็สามารถพูดได้ตามปกติ
วันนี้เธอยังคงนึกถึงศัตรูที่ยังซ่อนตัวอยู่ในความมืด ทำให้รู้สึกไม่สบายใจจนต้องเอ่ยถามขึ้นว่า :
“แล้วขั้นต่อไป พวกคุณมีแผนการยังไงต่อไป?”
“ยังไม่พูดเรื่องนี้ตอนนี้ ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง”
ญาธิดาถูกภวินท์จูงออกไป และก่อนจะออกไปก็ได้พาเอลล่าไปด้วย
ทั้งสามคนขึ้นรถ หลังจากญาธิดามองดูเส้นทางเธอก็รู้สึกถึงบางอย่างขึ้นมา
“นี่กำลังจะไปozone?”
แววตาของเธอดูเหมือนกำลังเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อภวินท์เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เอาน่า นี่มันก็สองปีมาแล้ว เธอก็อยากโกรธจรณ์อีกเลย เขาก็ลำบากใจเหมือนกัน เธอก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาอีกเลยนะ”
ระหว่างการสนทนารถก็ค่อย ๆ หยุดลง ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องโถง ยังไม่ทันได้ก้าวเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงดังออกมาแว่ว ๆ
“โชคดีที่ย้ายออกมาจากบ้านพักได้ทันเวลา เลยไม่ถูกพ่อลักพาตัวด้วยอีกคน ถ้าไม่ใช่เพราะผมอยู่ที่นี่ ป่านนี้แผนการของพวกคุณคงจะล้มเหลวไปแล้ว” เสียงบ่นของอีธานดังแว่วมา
ญาธิดารีบเดินเข้าไปบิดหูของอีธานพลางตะโกนพูดว่า “ดีจริง ๆ ที่แท้ลูกก็ร่วมมือกับพวกเขาด้วยเหรอ นี่ลูกร่วมมือกับพ่อเพื่อหลอกแม่งั้นเหรอ?”
อีฑานหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวด แต่เพราะรู้ว่าตอนนี้ญาธิดากำลังโมโห เขาจึงทำได้แค่ยอมรับผิด “เจ็บ ๆ ๆ…แม่ครับ พวกเราทำไปเพราะหวังดีกับแม่นะ อีกอย่างที่คุณพ่อต้องหายไปสองปีก็เพื่อจะจัดการเรื่องนี้ให้มันเร็วขึ้นไม่ใช่หรือไง”
เอลล่าที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ คุณพ่อทำลงไปก็เพื่อจะได้จบเรื่องทุกอย่างเร็ว ๆ ถึงได้เลือกที่จะปิดบังแม่ไง”
จรณ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าหนักใจ พลางแอบบ่นเจ้าเด็กสองคนนี้ว่าถึงกับยอมขายชื่อของตัวเองเพื่อจะปกป้องพ่อ
เมื่อญาธิดาได้ยินแบบนั้นเธอก็มองไปรอบ ๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม “ที่แท้พวกเธอก็รู้กับทุกคน และปิดบังฉันคนเดียว…”
เธอหันกลับมาจ้องภวินท์ “งั้นที่คุณหายไปสองปีก็เพื่อจะกลับมาโกหกฉันเหรอ?”
เอลล่ารีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “แม่คะ แม่อย่าโกรธเลยนะคะ เรื่องนี้จะโทษคุณพ่อไม่ได้นะคะ เพราะลุงจรณ์ขอให้คุณพ่อแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเพื่อแฝงตัวเข้าไปภายในองค์กรของศัตรู”
จรณ์กุมขมับ เอาเลย ตอนนี้แม้แต่เขาก็ถูกขายไปด้วยอีกคนแล้ว
ญาธิดายิ้มเยาะคล้ายกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกภวินท์ดึงตัวเข้าไปกระแทกเข้าที่หน้าอกแสนอบอุ่นของเขา
น้ำเสียงรักใคร่เอ็นดูของภวินท์ดังมาจากเหนือศีรษะ “ฉันผิดไปแล้วธิดา ไว้ฉันจะให้เธอลงโทษโอเคไหม?”
ญาธิดาแก้มแดง ก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบบนรองเท้าหนังเงาวับของเขา แต่พอถูกเขาทำแบบนี้ความโกรธในใจก็สลายหายไปทันที
เพราะยังไงเธอก็เข้าใจการตัดสินใจของภวินท์
หลังจากถลึงตาใส่ภวินท์ไปหนึ่งที ญาธิดาก็หันไปมองจรณ์ ก่อนจะพูดเปลี่ยนประเด็น “ต่อไปพวกคุณคิดจะทำยังไงต่อไป”
เท่านี้ก็นับว่าญาธิดาให้อภัยจรณ์แล้ว เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะบอกเธอว่า “ตอนนี้นพเก้ายังไม่รู้ว่าทิวัตถ์ถูกพวกเราควบคุมตัวแล้ว ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเราก็ใช้บัญชีของทิวัตถ์ติดต่อกับเธออยู่ตลอด และบอกกับเธอแค่ว่าพวกเธอยังอยู่ที่ยุโรป”
นพเก้าก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะถึงยังไงเธอก็คงไม่ลงทุนบินไปถึงยุโรปเพื่อตามหาทิวัตถ์
“ถ้าต้องการตัดรากถอนโคนสมาคมการค้าลับภายใต้สหพันธ์การค้าที่ยุโรปพวกเราต้องลงมือกับอาริโอก่อน เพียงแค่สามารถควบคุมอาริโอได้ เพียงเท่านี้ตลาดในยุโรปทั้งหมดก็จะยุ่งเหยิงแน่นอน”
“ตอนนี้มีเพียงนพเก้าเท่านั้นที่เป็นช่องโหว่”
ญาธิดาขมวดคิ้ว “จะบอกว่าตอนนี้ฉันจำเป็นต้องหายสาบสูญไปสองปี ส่วนสามีที่เพิ่งจะได้คืนมายังต้องไปเล่นบทคู่หมั้นของนพเก้างั้นเหรอ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหึงหวงของญาธิดาทำให้ภวินท์หัวเราะออกมา แล้วกอดเธอไว้เบา ๆ “เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าฉันมีความคิดที่ดีกว่านั้น”
“อะไร?”
ภวินท์ชะงักไปครู่หนึ่ง “แผนนี้จำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า…”
ไม่กี่วันต่อมา
ญาธิดาจัดงานเลี้ยงและเชิญนพเก้ามาที่นี่ด้วย
แขกภายในงานมีจำนวนมาก นพเก้ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ มีแต่คนที่เธอไม่รู้จักทั้งนั้นเลย
เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน นี่เป็นงานเลี้ยงของญาธิดา ทีแรกเธอไม่ได้อยากมา แต่ญาธิดาบอกว่ามีข่าวสำคัญจะให้เธอดู
แถมยังเป็นเรื่องของภวินท์ด้วย
แม้ว่าคราวที่แล้วเธอจะได้ข่าวว่าภวินท์อยู่ที่บ้านของญาธิดา แต่พอเธอไปถึงกลับถูกญาธิดาขวางเอาไว้ข้างนอกบ้าน
และที่สำคัญคือหลายวันมานี้เธอติดต่อภวินท์ไม่ได้เลย
แถมเธอยังเพิ่งจะถูกสหพันธ์การค้าลิดรอนสิทธิ์ไปด้วย ตอนนี้เลยไม่กล้าใช้กำลังคนในมือออกตามหาภวินท์และทำให้สหพันธ์การค้าโกรธเคืองอีก
หลังจากครุ่นคิดได้สักพัก สุดท้ายเธอก็กัดฟันมาที่นี่จนได้
ภายในงานเลี้ยง นพเก้าเดินผ่านฝูงชนจนเจอญาธิดาที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว
เธอสวมชุดราตรีสีขาว ใส่สร้อยคอมุก หลังจากผ่านการแต่งสวยมันทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
ญาธิดามองเห็นนพเก้ามาแต่ไกล เธอยิ้มน้อย ๆ พลางหยิบแชมเปญมาหนึ่งแก้วแล้วเดินเข้าไปทักทาย
“คุณเก้า”
แค่นพเก้าเห็นเธอก็ตาแดงปั๊ดแล้ว “ญาธิดา เธอคิดจะเล่นแง่อะไรอีก?!”
เธอมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าฉันมาทวงคนของฉันคืนจากเธอ เธอคงไม่เต็มใจสินะ ถึงได้เอาคู่หมั้นของฉันไปซ่อน คู่หมั้นของฉันอยู่ที่ไหน?!”
ญาธิดาหัวเราะเบา ๆ
“อย่าใจร้อนสินะคุณเก้า”
“อีกเดี๋ยวคุณก็เจอเขาแล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่คนเยอะ ป่านนี้นพเก้าคงจะทำเหมือนครั้งก่อนกระโจนเข้าใส่ญาธิดาไปแล้ว
“ญาธิดา เธอรีบเอา…”
นพเก้าพูดยังไม่ทันจบ แสงไฟบนฟลอร์เต้นรำก็สว่างขึ้น
ญาธิดาวางแก้วแชมเปญลงก่อนจะเดินขึ้นไป
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ดิฉันเชิญทุกท่านมาในวันนี้เพราะมีเรื่องสำหรับอยากจะประกาศทุกท่านทราบ”