ดวงใจภวินท์ - บทที่100 เรียกเธอไปดื่มเหล้า
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ รู้สึกแผ่นหลังเย็นวูบวาบ จนกระจายไปทั่วร่างกาย
ตอนแรกมาร์ตินให้เธออยู่ในห้องทำงานของเขาก็ทำให้คนคิดไปไกลแล้ว ถ้าเขาคิดอะไรกับเธอจริงๆ งั้นเธอควรจะทำยังไงดีล่ะ?
หนึ่งอาทิตย์จะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น เธอควรจะทำงานกับมาร์ตินยังไงดี?
“ธิดา?” ชมพู่เห็นญาธิดาเงียบไม่ตอบสักที ก็เลยรีบถามอย่างเป็นห่วงว่า “เธอเป็นอะไรไป?”
เธอรู้สึกตัวและสูดหายใจเข้าลึกๆ “……คุณมาร์ตินทำไมเหรอ?”
ชมพู่พูดเสียงเบาว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเขากับเลขามีความสัมพันธ์ลึกลับ แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับเด็กฝึกงานด้วยล่ะ สรุปก็คือชีวิตส่วนตัวยุ่งเหยิงมาก! เธอสวยขนาดนี้ ต้องระวังตัวให้มากนะ!”
ญาธิดาพยักหน้า ในใจก็เหมือนมีหินก้อนหนึ่งทับไว้จนหายใจไม่ออก
ตอนนี้เธอรู้แล้วล่ะ ทำไมตอนนั้นพิชญ์สินีถึงยอมเอาโอกาสนี้ให้เธอ ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง!
แต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไง เรื่องก็สายไปแล้ว ถึงลำบากแค่ไหนเธอก็ต้องอดทนต่อไปให้ได้
พริบตาเดียวก็ถึงตอนบ่ายแล้ว ญาธิดาตั้งสติ จัดเรียงเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพ
เธอแอบโล่งอก ลุกขึ้นแล้วยื่นเอกสารไปให้มาร์ติน “คุณมาร์ตินคะ นี่เป็นเอกสารประเด็นสำคัญที่คุณต้องการค่ะ…..”
มาร์ตินไม่เงยหน้าแล้วตอบรับ จากนั้นก็เปิดดูหนังสือสัญญาในมือ เขาลุกขึ้นแล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เดี๋ยวไปงานเลี้ยงกับฉัน ไปเจอบุคคลสำคัญของโครงการHS”
โครงการHSเป็นงานแรกของมาร์ตินหลังจากที่ย้ายกลับมาใน ส่วนใหญ่เป็นการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์อัจฉริยะใหม่ๆกับบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ STN Group ให้ความสำคัญมากในช่วงนี้
เห็นสีหน้าที่เข้มงวดของมาร์ติน ญาธิดาก็แอบโล่งใจ จึงตอบตกลงและไปเตรียมของทันที
ต่อมามาร์ตินก็มาถึง Amaya Hotel นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นหัวใจ กัดฟันข่มความรู้สึกไม่สบายใจเอาไว้ แล้วเดินตามมาร์ตินเข้าโรงแรมไป
ครั้งก่อนโดนน้ำเพชรกับธมนวางแผน เกือบจะเกิดเรื่องแล้ว หลังจากนั้นเป็นต้นมา Amaya Hotel ก็กลายเป็นปมในใจของเธอ ตอนนี้พอเห็นภาพที่คุ้นเคยแบบนี้ ขึ้นลิฟต์ที่คุ้นเคย เธอก็รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ
ขึ้นลิฟต์ไปแล้ว เธอก็มองดูตัวเลขที่ขึ้นไปเรื่อยๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อน ใบหน้าก็ซีดเซียวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
มาร์ตินที่ยืนอยู่ข้างหน้าเหลือบหน้าไปแล้วพูดสั่งว่า “เดี๋ยวถึงตรงนั้นแล้ว ทำตัวฉลาดหน่อย อย่าทำหน้าตายแบบนี้ เข้าใจไหม?”
ญาธิดาสูดหายใจเข้า กำหมัดแน่น แล้วตอบว่า “รับทราบค่ะ”
เธอเดินตามมาร์ตินเข้าไปในห้อง เปิดประตูเข้าไปดู มีโต๊ะกลมสิบกว่าที่นั่ง น่าจะสักห้าหกคนได้ เป็นผู้ชายหมดเลย
ทุกคนต่างก็มองมาร์ตินแล้วยิ้มร่ากันหมด และทักทายเขาพร้อมกัน
“มาร์ตินรอนายคนเดียวแล้วนะ นายมาสายแล้ว ต้องโดนทำโทษสามแก้ว”
“ในเมื่อคุณป้องพูดแล้ว งั้นผมก็คงปฏิเสธไม่ได้ สามแก้วนี้ ผมดื่มแน่นอนครับ!”
มาร์ตินหัวเราะไม่ปฏิเสธคำขอ หยิบเหล้าขาวบนโต๊ะขึ้นมาเทหนึ่งแก้ว แล้วดื่มจนหมดติดต่อกันสามแก้ว ยังคงยิ้มและพูดกับคนตรงหน้าได้
ทุกคนต่างก็โห่ร้องกันใหญ่ ไม่รู้ว่าใครที่สังเกตเห็นญาธิดาที่อยู่ด้านหลังของมาร์ติน พวกเขาก็แสยะยิ้มแหะๆแล้วพูดว่า “มาร์ติน นายไม่จริงใจเลยนะ นายดื่มไปสามแก้วแล้ว ทำไมผู้ช่วยนายไม่ดื่มด้วยล่ะ?”
พอเขาพูดแบบนี้แล้ว สายตาทุกคนก็มองมาที่ญาธิดาทันที
ตอนแรกในห้องก็แต่ผู้ชายอยู่แล้ว ญาธิดาเข้ามาพร้อมกับมาร์ตินก็เป็นเพศตรงข้ามอยู่แล้ว บวกกับริมฝีปากแดงก่ำของเธอ ทำเอาคนที่เห็นแวบแรกไม่อาจละสายตาไปไหนได้ ก็ยิ่งดึงดูดให้ทุกคนหยอกเธอเล่น
ญาธิดายืนอยู่กับที่ พอได้ยินแบบนี้แล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ
มาร์ตินหันหน้าไปมองเธอ หยุดอยู่สองวินาทีก็พูดว่า “ควรทำยังไงเธอก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้!”
ญาธิดาอึ้งอยู่นาน สีหน้าก็เย็นชาขึ้น
มาร์ตินหมายความว่ายังไงกัน? หรือเขาพาเธอมาดื่มเหล้ากับคนอื่นเหรอ?
ญาธิดากัดริมฝีปากแน่น “คุณมาร์ติน……”
“อย่าพูดเยอะ ดื่มเหล้าเร็ว!”
มาร์ตินว่าแล้วก็สั่งให้พนักงานข้างๆมาเทเหล้า
พนักงานเทเหล้าสามแก้วจนเต็ม แล้วส่งให้ญาธิดา
มองดูเหล้าขาวสามแก้วตรงหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนในห้อง ญาธิดารู้ดีแก่ใจว่า เธอคงต้องดื่มเหล้าจริงๆแล้วล่ะ
เธอกัดฟันฝืนยิ้มออกมา “ทุกท่านคะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ ฉันดื่มเหล้าไม่ค่อยเป็น แต่ในเมื่อเทเหล้ามาให้แล้ว ฉันคงปฏิเสธสามแก้วนี้ไม่ได้แล้ว”
พอพูดแบบนี้แล้ว ผู้ชายในห้องก็ต่างโห่ร้องเห็นด้วย และรอเธอดื่มเหล้าอย่างน่าสนใจ
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหมดแก้ว ของเหลวรสเผ็ดไหลเข้าไปในลำคอเธอ ทำเอากระเพาะแสบร้อนไปหมด และเย็นไปทั้งแถบ
แก้วแรกดื่มเข้าไปแล้ว คนในห้องก็ต่างโห่ร้องและหัวเราะกันใหญ่ ร่างกายญาธิดาสั่นเทา คว้าแก้วที่สองขึ้นมาดื่มอีก
ดื่มสามแก้วรวดเดียว ญาธิดาก็รู้สึกแสบและเย็นกระเพาะมาก ไม่นาน ความรู้สึกเผ็ดร้อนพุ่งพรวดขึ้นมา
เห็นเธอดื่มเข้าไปแล้ว มาร์ตินก็ถึงหยุดพูด แล้วนั่งลงดื่มเหล้ากับคนอื่นๆต่อไป
สักพักญาธิดาก็เริ่มมึน เธอรู้สึกร่างกายร้อนผ่าวไปหมด ขนาดหายใจยังลำบากเลย
ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยดื่มเหล้าอยู่แล้ว พอวันนี้มาดื่มเหล้าขาวสามแก้วรวดแบบนี้อีก แถมยังดื่มตอนท้องว่างอีกด้วย ก็ต้องรับไม่ไหวเป็นธรรมดา
“โครงการHSนี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณมาร์ตินตัดสินใจเองได้ไหม ถ้าได้ พวกเราก็ยินดีที่จะคุยรายละเอียดต่อไป”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ มาร์ตินก็หัวเราะแห้งๆแล้วถามกลับว่า “ตอนนี้ผมรับผิดชอบโครงการนี้อยู่ ผมตัดสินใจไม่ได้แล้วใครจะตัดสินใจล่ะครับ? ภวินท์เหรอ?”
พูดกันไปมาคนละคำสองคน ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลง ทั้งโต๊ะก็สบตากันเลิ่กลั่ก อึดอัดจนต้องไอคอกแคกกลบเกลื่อน
มาร์ตินเห็นแล้วก็หันไปมองญาธิดา รอยยิ้มน่าหวาดกลัวมาก “ไปดื่มกับคุณป้องหน่อยเร็ว”
ญาธิดาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณมาร์ติน เมื่อกี้ฉันบอกแล้วว่าฉันดื่มเหล้าไม่เป็น……”
สีหน้าของมาร์ตินเย็นชาลงทันที “เมื่อกี้ยังดื่มสามแก้วนั้นได้อยู่เลย ตอนนี้ดื่มไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?”
เขาพูดแบบนี้ออกมา บรรยากาศภายในห้องก็เงียบงันลงไปอีก ญาธิดากัดริมฝีปากยกเหล้าขึ้นมา เดินไปตรงหน้าคุณป้อง สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “คุณป้อง ขอชนแก้วหน่อยค่ะ”
ดื่มเหล้าไปเยอะมาก ญาธิดาคารวะไปหลายแก้ว ท้องแสบร้อนไปหมด มึนหัวจนตัวโซเซ
ยังดีที่งานเลี้ยงจบลงแล้ว ไม่งั้นเธอคงได้เมาจนหมดสติไปแน่ๆ
มาร์ตินก็ดื่มไปไม่น้อยเหมือนกัน เขาเริ่มเดินโซเซจนเกือบล้มหลายครั้งแล้ว
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินออกจากโรงแรมพร้อมเขา และพูดเตือนเสียงเบาว่า “คุณมาร์ติน ระวังหน่อยค่ะ”
รถจอดอยู่ตรงด้านล่างบันไดหน้าประตูโรงแรม มาร์ตินเดินโซเซ ญาธิดาเห็นแล้วก็รู้สึกกังวล เธอรีบเดินเข้าไปประคองตัวเขาไว้
เธอประคองแบบนี้ มาร์ตินก็โน้มลงไปซบเธอทันที ญาธิดาขาอ่อนจนแทบทรุดลงไป
ข้างๆมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ นีราภานั่งอยู่ในรถ กดถ่ายรูปรัวๆผ่านกระจกรถ
ถ่ายรูปรัวๆหลายรูปเสร็จแล้ว เธอก็เปิดดูรูป อดไม่ได้แสยะยิ้มขึ้นอย่างสะใจ
ครั้งนี้ เธอกับพิชญ์สินีร่วมมือกัน ไม่เชื่อล่ะว่าจะจัดการญาธิดาไม่ได้!