ดวงใจภวินท์ - บทที่143 อยากให้ฉันไปจริง?
ใช่ว่าเรื่องทั้งหมดจะประสบความสำเร็จด้วยความโชคดีเหมือนเช่นวันนี้ ถ้าเธอเกิดเหตุจริงๆ ไม่แน่แม้แต่โอกาสช่วยเหลือก็ไม่มี
ข้างนอกวุ่นวายได้สักพักแล้ว ในที่สุดก็ค่อยๆสงบลง ภวินท์ยังไม่ทันล่ำลากับท่านสุวิทย์เลย ก็พาญาธิดาออกไปจากSeremban Hotelโดยตรงแล้ว
เรื่องราวของมาตินร์แพร่ออกมาปุ๊บ เหมือนปาขี้ใส่หัวให้กับท่านสุวิทย์โดยไม่ต้องสงสัย พวกเขาสนใจแต่ตัวเอง จึงไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่นอยู่แล้ว
กลับไปถึงคอนโด ญาธิดาพาร่างกายที่มีบาดแผลเต็มตัวกลับมาในห้องนอน แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นออกจากประตูปุ๊บ ก็พบเห็นภวินท์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะกลับเลย
นึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่แล้วภวินท์ซึ่งมาที่นี่ ญาธิดารู้สึกผิดเล็กน้อย เธอเดินเข้าไป พูดเสียงเบาว่า “เวลาก็สายแล้ว ฉันขออาบน้ำสักหน่อย ก็กะจะพักผ่อนเลยอ่ะ”
ความหมายคือ เขาควรกลับได้แล้ว
ภวินท์ได้ยิน เหมือนกับไม่เข้าใจความหมายของเธอยักคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากถามว่า “คุณหิวไหม?”
ญาธิดาอึ้ง ซึ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างว่องไว นี่กะจะใช้หาข้ออ้างทำกับข้าวเพื่ออยู่ต่อใช่ไหม?
เธอหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “ฉันไม่หิว”
เธอทานที่งานเลี้ยงไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่หิวจริงๆ
ภวินท์ได้ยิน แววตาสดใสอย่างสังเกตไม่เห็น เขาลุกขึ้นมา และแกะกระดุมที่แขนเสื้อ แล้วก็พับขึ้นมา
พูดอยู่ เขาก้าวขาเดินไปที่ห้องน้ำ “ได้เลย ถ้างั้นฉันช่วยคุณอาบน้ำนะ”
ญาธิดาจ้องตาโตทันที แล้วมองหน้าภวินท์อย่างไม่น่าเชื่อ
เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม?เขาถึงกับพูดว่าต้องการอาบน้ำให้เธอ
“เดี๋ยวนะ”
ญาธิดารีบเอ่ยปากห้ามเขาไว้ รวบรวมความกล้าหาญและพูดกับเขาว่า “นี่เป็นบ้านฉันนะ ฉันอาบน้ำเองได้ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วล่ะก็ กลับไปก่อนเถอะ”
หากเธอไม่มีสติ เกรงว่าเธอคงคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ยังเป็นสามีภรรยากัน
ภวินท์มองดูบาดแผลที่ร่างกายเธออย่างไม่รีบร้อน และพูดนิ่งๆว่า “บาดแผลโดนน้ำไม่ได้ แบบนี้ คุณจะอาบน้ำยังไง?”
เขาลดตัวลงมาเพื่อช่วยเหลือเธอเชียวนะ ทำไมเธอถึงทำสีหน้าท่าทางที่ไม่ยินยอมแบบนี้?
ญาธิดารีบกลับคำพูดว่า “ถ้างั้น…ฉันไม่อาบแล้ว”
เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องSeremban Hotel ให้เธอเผยแผ่นหลังก็ทำให้เธอลำบากใจมากพออยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาบน้ำเลย
ภวินท์ยักคิ้วเล็กน้อย เหมือนกับดูความหมายของเธอออก เขาไม่พูดมาก จู่ๆสายตาของเขาถูกสร้อยคอที่คอของเธอดึงดูด
ตอนที่กลับมาจากSeremban Hotel ร่างกายเธอสวมใส่เสื้อสูทของเขาไว้ตลอด เขาไม่ได้สังเกตเห็นสร้อยคอที่คอของเธอเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนเสื้อชุดนอนแล้ว สร้อยคอระยิบระยับ ซึ่งดึงดูดตาอย่างยิ่ง
เป็นเส้นที่ธีทัตมอบให้กับเธอครั้งก่อนเส้นนั้นพอดี
แววตาของภวินท์มัวหมอง ยังไม่ทันพูดอะไรเลย มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาเสียแล้ว
เขาหยิบออกมาดูปุ๊บ เห็นชื่อของผู้หญิงกำลังกระพริบอยู่ที่หน้าจอ มือที่จับมือถือกำไว้แน่นมากขึ้น
เป็นสายของนิวรา
ญาธิดาที่อยู่ข้างเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นที่หน้าจอมีชื่อว่า “นิว” ซึ่งเข้าใจทันที
ภวินท์ยกมือ กดปุ่มรับสาย และก้าวขาเดินไปที่ข้างๆ “ฮัลโหล นิว”
เสียงของผู้หญิงที่กล้ำกลืนฝืนทนดังมาจากทางโน้น “พี่วินคะ ไหนคุยกันแล้วว่างานเลี้ยงสังสรรค์วันนี้จบสิ้นก็มาเยี่ยมนิวเลย?นิวรอพี่นานมากเลยนะคะ…”
ภวินท์ตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย “มีธุระนิดหน่อยจึงไปไม่ได้”
นิวราถามอย่างไม่ยอมตายใจ “ถ้างั้น……คืนนี้พี่มาไหมคะ?นิวไม่เจอพี่ก็ไม่สบายใจมากเลยค่ะ”
แววตาภวินท์เคร่งขรึม หลังจากนิ่งไปหลายวินาที พูดด้วยเสียงเบาว่า “พี่ยังไปไม่ได้นะ พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมเธอ พักผ่อนดีๆล่ะ เด็กดี”
นิวราทางโน้นได้ยินปุ๊บ ถึงแม้เสียอกเสียใจก็ตาม เพียงแต่ว่าในที่สุดก็ตอบรับไปว่า “ ก็ได้ นิวรอพี่มาเยี่ยมพรุ่งนี้นะคะ……”
วางสายเรียบร้อย ภวินท์หันหลังกลับมาปุ๊บ ก็พบเห็นญาธิดายืนอยู่เฉียงๆข้างหลังเขา และจ้องมองเขาอย่างไม่ให้คลาดสายตา
ลางสังหรณ์ของผู้หญิงทั้งแม่นยำและน่ากลัวเสมอ ญาธิดาย้ายสายตา
คำพูดที่ภวินท์พูดเมื่อกี้เธอได้ยินหมดแล้ว ซึ่งเดาออกว่านิวราพูดอะไรบ้าง
ตอนนี้ภวินท์อยู่ที่นี่ต่อเพื่อเธอ ซึ่งไม่ไปหานิวราเลยถึงแม้เธออาจประหลาดใจก็ตาม แต่เข้าใจดีว่า ภวินท์ก็แค่ชดเชยเรื่องราวในวันนี้ให้กับเธอก็เท่านั้นเอง
เธอฟื้นยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่สนใจ “ความจริงฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยนะ ดูแลตัวเองได้ คุณไปทำธุระเถอะ”
ได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงที่ห่างเหิน ภวินท์ขมวดคิ้ว แล้วเดินเข้าไปครึ่งก้าว จ้องหน้าเธอและถามว่า “คุณอยากให้ฉันไปจริงๆ?”
ตอนนี้บาดแผลเธอเต็มไปทั้งตัว เคลื่อนไหวไม่สะดวกเลย เขาต้องไม่ทิ้งเธออยู่ตามลำพังอยู่แล้ว
ญาธิดาไม่กล้ามองตาเขา “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”
เห็นหน้าตาที่ปากแข็งของเธอ ภวินท์เม้มปากบางๆ ไม่พูดไม่จาตั้งครึ่งค่อนวัน สายตาของเขาย้ายลงมา แล้วตกไปที่สร้อยคอเส้นนั้นอีกครั้ง สีหน้าดูแย่ลง
สังเกตเห็นสีหน้าของผู้ชายซึ่งผิดปกติ ญาธิดามองไปตามสายตาของเขาแล้วก้มหน้าไปมอง อึ้งไปก่อน จากนั้นถึงมีปฏิกิริยาตอบรับ
เธอรีบยื่นมือออกมา แล้วเอาสร้อยคอยัดเข้าไปในเสื้อ
ภวินท์ขมวดคิ้ว “คุณชอบขนาดนั้นเลยหรอ?”
ชอบขนาดที่รู้ว่าเขาเกลียดก็ยังจะใส่
“เปล่านะ”
ญาธิดาพูดอยู่ มือทั้งสองข้างจับไปที่ท้ายคอ และต้องการถอดสร้อยคอลงมา
จู่ๆ ถูกจับแขนไว้ เสียงผู้ชายทุ้มต่ำดังขึ้นมาข้างหู “คุณชอบไม่ใช่หรอ ทำไมต้องถอด?”
ฟังออกว่าน้ำเสียงของผู้ชายกำลังไม่พอใจ ญาธิดารวบรวมความกล้าและหันหน้า เผชิญกับดวงตาทั้งคู่ของเขา
ภวินท์เผยความโกรธออกมาจากใต้ตา และเม้มปาก
ญาธิดากัดฟัน และเอ่ยปากเหมือนกับตั้งใจ “ภวินท์ คุณมีปฏิกิริยาตอบสนองขนาดนี้ หรือว่ากำลังหึงหวง?”
เธอโสดนะ ทำไมถึงรับของขวัญจากผู้ชายอื่นไม่ได้?
ภวินท์ตื่นตกใจ หลังจากหลายสิบนาที เขาปล่อยมือจากญาธิดา แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “เป็นไปได้หรอ?”
เห็นปฏิกิริยาของผู้ชาย ญาธิดาหดหู่ใจ เป็นจริงซะด้วยสิ ภวินท์ไม่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ ที่โมโห ก็แค่ต้องการเอาชนะแค่นั้นเอง
เธอแข็งข้อ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ยืนหยัด “ถ้างั้นก็อย่ามายุ่งกับฉัน”
อารมณ์ของภวินท์เคลื่อนไหว แล้วก็หยุดนิ่งไปสักพัก พูดเสียงเคร่งขรึมว่า “ญาธิดาคุณลืมไปแล้วหรือ?ปกป้องและดูแลคุณ เป็นคำสั่งของอาจารย์”
ได้ยินเขาเอาดร.ยติภัทรมากดดันเธอ ญาธิดาโมโหทันที เธอกัดฟัน แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ถ้าฉันไม่ฟังล่ะ”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าญาธิดาถึงกับดื้อดึงกับเขา เขาเดินไปข้างหน้าครึ่งก้าว จ้องดวงตาที่สดใสของเธอ “คุณไม่ฟังก็ได้ แต่ว่าตอนนี้อาจารย์ยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย รู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ เขารับได้หรือ?”
คำพูดนี้ พูดซะจนญาธิดาไม่มีความมั่นใจไปเลย
ภวินท์พูดถูกแล้ว ตอนนี้ดร.ยติภัทรยังอยู่ที่โรงพยาบาล ร่างกายอ่อนแอ โมโหไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปที่เขา ไม่รู้ว่าควรทำไงดี
ญาธิดากัดฟัน ถอดสร้อยคอออก มองดูภวินท์ แล้วพูดแบบชัดถ้อยชัดคำว่า“ตอนนี้คุณไปได้หรือยัง?”
ภวินท์มองดูเธอ เงียบไปสักพัก เอ่ยปากถามว่า “ฉันไม่ได้คิดเลยว่าจะกลับไปคืนนี้”