ดวงใจภวินท์ - บทที่146 พี่จะแต่งงานกับนิวไหมคะ?
ภวินท์ได้ยิน มือที่ลูบหลังเธอได้หยุดนิ่งเฉย ในหัวสมองมีหน้าตาของผู้หญิงคนนึงแล่นผ่านเข้ามา
ญาธิดา?
ทำไมเขาถึงคิดถึงเธอในเวลานี้นะ?
ภวินท์ขมวดคิ้ว ก้มหน้าปลอบโยนนิวรา “ไม่หรอกนะเรื่องที่พี่รับปาก ต้องทำให้ได้แน่นอน”
“จริงหรือคะ?”นิวราเงยหน้า น้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งคู่ “พี่จะแต่งงานกับนิวไหมคะ?”
“อืม”
ภวินท์ตอบกลับไปหนึ่งคำ ไม่รู้ว่าทำไม คำตอบของครั้งนี้ถึงกับไม่มีความมั่นใจเหมือนแต่ก่อนเลย
อารมณ์สันสนวุ่นวายเล็กน้อย ภวินท์ก็ไม่เวลาคิดมาก หลังจากปลอบโยนอารมณ์ของนิวรา ก็ให้พยาบาลส่งโจ๊กมา แล้วเกลี้ยกล่อมเธอทานสักหน่อย
สุดท้าย มองดูแก้มข้างๆของผู้หญิงที่เงียบสงบซึ่งนอนหลับฝันอยู่บนเตียง ภวินท์ถึงได้โล่งใจจริงๆสักที
ตั้งแต่นิวราป่วย เขาก็อยู่ดูแลเธอข้างกายแบบนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว ส่วนพวกนี้ เขาติดค้างเธอจริงๆ
เขายกมือกดระหว่างคิ้ว แล้วยกขาเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เขาปิดประตูห้องเบาๆ หันหน้าไปปุ๊บก็เจอกับผู้ชายคนนึงซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆ
รูปร่างของผู้ชายสูงใหญ่ ใส่ชุดสูทสีเทาทั้งตัว สูงยาวเข่าดี หน้าตาหล่อเหลาเพียงแต่ว่าสีหน้าที่เผยออกมาเหมือนกับเป็นคนป่วยที่สีหน้าขาวซีด
ผู้ชายคนนั้นยักคิ้วให้กับภวินท์ สีหน้าของเขาดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “คุณภวินท์ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
แววตาภวินท์เคร่งขรึม รู้จักกับผู้ชายตรงหน้า หรี่ตาเล็กน้อย
ถึงกับเป็นเขา พี่ชายของนิวรา——ปริญ
ปริญยกมุมปาก แววตายังคงเย็นชา เขาก้าวมาข้างหน้า แล้วมองดูภวินท์ตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดเสียงเย็นชาว่า “ภวินท์ นายทำกับน้องสาวฉันแบบนี้หรือ?”
แววตาภวินท์เย็นชา เชิดคอเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “มีปัญหารึเปล่า?”
ถ้าเทียบกับพี่ชายคนนี้ เขาทำได้ดีกว่าเขาไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ปริญทำเสียงเย็นชา เดินเข้ามาใกล้เขา แววตามืดมิด จ้องเขาอยู่ตั้งนาน ยิ้มแย้มอย่างประชดประชัน
“น้องสาวฉันอดอาหารมาหนึ่งวันแล้ว เป็นเพราะใครนายไม่รู้เลยหรือ?ตอนนั้นครอบครัวฉันมอบเธอให้กับนายด้วยความไว้วางใจ ใช่ว่าเราไม่สนใจใยดีเธอ ไม่ว่ายังไงซะ เธอเป็นคนของตระกูลวรโชติ ถ้าเธอเกิดอะไรขึ้นมา คนตระกูลวรโชติจะไม่ปล่อยนายแน่”
“เหรอ?”ภวินท์เม้มปาก และถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาสุดๆ “เท่าที่ฉันรู้ สามเดือนที่ผ่านมานี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่คุณมาเยี่ยมน้องสาวของคุณ”
ปริญกับชนัดพลพ่อของเขานิสัยเหมือนกัน ตั้งแต่นิวราป่วยหนัก ตระกูลวรโชติบ้านเขาไร้ความสามารถก็เลยทิ้งเธอไว้ให้กับเขา ซึ่งไม่สนใจใยดีเลย พอรู้ว่านิวราทำการผ่าตัดอย่างราบรื่น พวกเขาแต่ละคนก็โผล่หัวออกมา
“นายอย่าพูดมาก สรุปคนบ้านเรา มอบเธอให้กับนายใช่ว่านายจะรังแกเธออย่างตามใจชอบได้นะ ฉันมาครั้งนี้ไม่ได้มาแนะนำนะ แต่มาตักเตือนต่างหาก”
ปริญมองหน้าเขาแบบโหดๆ และทิ้งคำคำนี้ไว้ แล้วก็หันหลังกลับไปเลย
พายุที่อยู่ข้างๆทนดูไม่ไหว มองไปที่ภวินท์และขมวดคิ้ว รอคำสั่งจากเขา “คุณภวินท์ครับ……”
ภวินท์มองหน้าเขาอย่างเย็นชา เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
มองดูปริญเดินไปไกลแล้ว ภวินท์ถึงค่อยๆเก็บสายตากลับมา
พายุอารมณ์เสีย “คุณภวินท์ครับ คนของตระกูลวรโชติยโสโอหังขนาดนี้ ทำไมท่านถึง……”
ภวินท์เม้มปาก พูดอย่างนิ่งเฉยว่า “ไม่ต้องใจร้อน”
เขาอดทนมาตั้งนานแล้ว ทนอีกหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ?
เท่าที่เขารู้ นิวราคือนิวรา ตระกูลวรโชติคือตระกูลวรโชติ คนละเรื่องกันเลย
ห้องผู้ป่วย โรงพยาบาลพัฒนา2
ญาธิดานั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆที่ห้องผู้ป่วย อารมณ์หดหู่มาก
ดร.ยติภัทรเห็นว่า เงียบอยู่ตั้งนานซึ่งไม่พูดจาอะไรเลย ในที่สุดก็ยกมือขึ้นมา แล้วจับหัวของเธอเบาๆ “เอาล่ะ ธิดา อย่าเสียใจไปเลยนะ ทุกอย่างจะผ่านไปเอง”
ญาธิดาได้ยิน แสบจมูกทันที หางตาเปียกชื้น
ครึ่งชั่วโมงก่อน เธอเพิ่งรู้ว่า ครั้งนี้พ่อจำเป็นต้องทำการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ที่สำคัญมีความเสี่ยงแน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับเธอแล้ว ข่าวนี้เป็นฝันร้ายที่เธอรับไม่ได้อย่างยิ่ง
มองเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ดร.ยติภัทรก็ไม่สบายใจเขาตบไหล่ของเธอ พูดปลอบใจว่า “สบายใจได้เลยวินพูดว่า ทำการผ่าตัดครั้งนี้เขาจะช่วยพ่อติดต่อหมอที่เมืองหลวง และวางแผ่นทำการผ่าตัดที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้ อาจมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จมากหน่อย”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ญาธิดาอึ้ง หลังจากหลายวินาทีเงยหน้ามองไปที่ดร.ยติภัทร แล้วเอ่ยปากถามว่า “พ่อคะ นี่คือเรื่องจริงหรือคะ?”
มองเห็นสีหน้าของดร.ยติภัทรซึ่งมั่นอกมั่นใจ เธอถึงสบายใจขึ้นมาทันที
ไม่รู้ว่าทำไม ขอแค่มีภวินท์ เรื่องทุกอย่างก็แทบจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
มองเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ดร.ยติภัทรก็ไม่สบายใจเขาตบไหล่ของเธอ พูดปลอบใจว่า “สบายใจได้เลยวินพูดว่า ทำการผ่าตัดครั้งนี้เขาจะช่วยพ่อติดต่อหมอที่เมืองหลวง และวางแผ่นทำการผ่าตัดที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าเป็นแบบนี้ อาจมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จมากหน่อย”
“ธิดา ถึงแม้เธอกับวินไม่ได้คบกันแล้วก็ตาม แต่ว่ายังคงเป็นเพื่อนกัน เห็นแก่หน้าของพ่อ อย่าทะเลาะกันรุนแรง ได้รึเปล่า?”
ได้ยินดร.ยติภัทรกำชับอย่างเป็นห่วงเป็นใย ญาธิดาเงยหน้า ลังเลหลายวินาที ในที่สุดก็พยักหน้า
ไม่ว่ายังไงซะ ภวินท์ก็เคยเป็นลูกศิษย์ที่ดร.ยติภัทรรักและเอ็นดูความสัมพันธ์แบบนี้ เธอไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับเขา
ระหว่างทางกลับจากโรงบาล ญาธิดาคิดถึงคำพูดของพ่อ ซาบซึ้งต่อภวินท์โดยไม่รู้ตัว
ถ้าผ่าตัดราบรื่นจริงๆ พวกเขาทั้งบ้านต้องขอบคุณภวินท์มากๆ
เป็นแบบนี้ ซึ่งเป็นติดต่อกันจนถึงเช้าวันที่สอง ญาธิดาตื่นมาแต่เช้า ตั้งใจเปิดหลักสูตรการสอนข้าวกล่องในมือถือ แล้วเตรียมพร้อมอาหารเที่ยงสองชุดที่สวยงาม
ท้ายสุด มองดูข้าวกล่องที่หอมกรุ่น ญาธิดารู้สึกว่าขาดอะไรสักอย่าง คิดอยู่ตั้งนาน สุดท้ายเอาซอสมะเขือเทศออกมา แล้วบีบรอยยิ้มที่ไข่ดาว
“สำเร็จแล้ว”
เธอปิดฝ่าด้วยความพึงพอใจ และใส่เข้าไปในกระเป๋าข้าวกล่อง เก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วไปทำงานที่บริษัท
ข้าวกล่องชุดนี้ เตรียมเพื่อภวินท์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการแสดงคำขอบคุณต่อเขา
ปกติ เธอไม่ค่อยทำอาหารเลย ตอนนี้เสียสละเวลานอนตอนเช้าของตัวเองเตรียมข้าวกล่องที่ปราณีตสวยงาม พอที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจแล้ว
มาถึงตอนเที่ยง รอให้เพื่อนร่วมงานออกไปหมดแล้ว ญาธิดาถึงเอาข้าวกล่องออกมา แล้วเอาไปอุ่นในไมโครเวฟที่ห้องน้ำชา ส่งไปให้กับภวินท์โดยตรง
เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ เธอเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินผู้หญิงสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ไม่ไกล
“เรื่องครั้งนี้รุนแรงขนาดนี้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะจัดการยังไง วันนี้เรียกประชุมกันก็คือปรึกษาหารือกันเรื่องนี้แหละ”
“ฉันรู้สึกว่ารองประธานมาตินร์ต้องถูกลงโทษแน่ๆเลย เธอคิดดูสิเรื่องของเขามีผลกระทบมากแค่ไหน ทำให้ชื่อเสียงบริษัทเสียหายไปหมด ผู้บริหารระดับสูงจะไม่แสดงท่าทีอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้?”
“พูดถูกแล้ว ที่สำคัญฉันได้ยินมาว่าคุณศรุตเป็นอาของนีราภา คนนึงคือผู้บริหารระดับสูง อีกคนคือรองประธานบริษัท ไม่แน่นะอาจสู้กันอย่างดุเดือด”
“……”
พวกเธอพูดคุยกัน ญาธิดาเดินอยู่ข้างหลัง ได้ยินประมาณหนึ่ง ก็เข้าใจแล้วว่าเป็นเหตุการณ์อะไร
ก่อนหน้านี้เธอยังไม่รู้ว่านี่ราภากับผู้จัดการแผนกการเงินศรุตมีความสัมพันธ์กัน ถึงว่านีราภาถึงได้ยโสโอหังขนาดนี้ ที่แท้มีคนหนุนหลังอยู่
เดินมาถึงห้องทำงานของท่านประธานโดยไม่รู้ตัว ญาธิดาได้สติกลับมา เห็นห้องทำงานไม่มีใครเลย เธอเดินไปที่หน้าประตู ยกมือขึ้นมาปิดประตู
ข้างในไม่มีคนตอบรับ จริงด้วยสิ เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยว่า ภวินท์ไม่อยู่
เวลานี้ เป็นเวลาที่คนน้อย เธออยากฉวยเวลานี้เข้าไปในห้องทำงาน วางของเสร็จก็ออกไปเลย
ญาธิดาผลักประตู แล้วรีบเดินเข้าไป วางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะของภวินท์ วางให้เรียบร้อย ยังไม่ทันหันหลัง ที่หน้าประตูก็มีเสียงเท้าเดินดังขึ้นมา
เธอตื่นเต้น รีบหันหลังกลับไป ขณะที่เห็นสีหน้าที่เย็นชาของภวินท์ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู เหมือนกับถูกจับได้ว่าทำเรื่องเสียหาย ลิ้นพันกันอย่างตื่นเต้น “คุณ…กลับมาแล้ว?”