ดวงใจภวินท์ - บทที่225 รถ
หัวใจของญาธิดารู้สึกอึดอัดล็กน้อย บวกกับก้าวขึ้นบันไดไปหลายก้าว ลมหายใจไม่คงที่ ต้องได้พิงผนังพักสักครู่
ทันใดนั้น บันไดที่ชั้นบนจู่ๆ ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา เพราะรอบๆ นี้เงียบมาก จึงทำให้เธอได้ยินอย่างชัดเจน
เดิมทีเธอคิดว่าจะมีคนลงมา แต่ใครจะรู้ว่าเสียงฝีเท้านั้นยังดังอยู่ในชั้นบนนั้น
เธอสูดลมหายใจลึกๆ พักผ่อนพอสมควรแล้ว และกำลังจะเดินขึ้นไปข้างบนต่อไป แต่ใครจะรู้ว่าก้ได้ยินเสียงผู้ชายพูดขึ้นว่า “เรียบร้อยแล้ว”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง คนนั้นก็ได้พูดต่อ เหมือนกับกำลังคุยโทรศัพท์ “ตอนบ่ายเขาจะต้องออกเดินทางไปประชุมที่บางแคแน่”
“พี่สบายใจได้ เพียงแค่เขาขับรถออกไป มันจะทำให้เขาไม่ตายก็พิการ”
“……”
เมื่อได้ยินไม่กี่ประโยคนี้ ขณะนั้นได้ทำให้ข้างหลังของญาธิดาเกิดความหนาวเย็นขึ้น เธอสูดลมหายใจลึกๆ และความหวาดกลัวในใจที่อธิบายไม่ได้
คนที่ปรากฏตัวที่นี่ต้องเป็นพนักงานของบริษัทแน่ แต่ฟังเนื้อหาของการสนทนาของเขา มันดูเหมือนไม่ใช่เรื่องดี และเธอนึกถึงการฆาตกรรมที่เห็นในละคร ในใจก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น
ญาธิดาชิดติดกำผนัง ไม่กล้าที่จะขยับ กลัวว่าจะมีเสียงดังทำให้คนข้างบนตกใจ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง คนข้างบนดูเหมือนจะวางสายโทรศัพท์ และหยุดนิ่งชั่วคราว ก่อนจะเดินออกไป
เมื่อฟังเสียงรองเท้าหนังค่อยๆ เดินจากไป จนหายไปในที่สุด ญาธิดาก็หายใจที่กลั้นไว้ออก
เธอเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างระมัดระวัง มองระหว่างบันไดที่ว่างเปล่า ก็ใจหายใจคว่ำหมด
เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนเมื่อครู่นั้นเป็นใคร ก็ไม่รู้คนที่พยายามฆ่าเป็นใคร และถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินแค่ไม่กี่คำ แต่เธอก็ดูเหมือนที่จะไม่สามารถทำอะไรได้……
ญาธิดาถอนหายใจ และหลังจากท่องคำว่า “อย่าไปสนใจเรื่องคนอื่น” แล้ว ก็ได้รีบก้าว ขึ้นไปชั้นบนต่อทันที
กลับไปที่แผนกธุรการ ในหัวเธอยังคงคิดถึงคำพูดที่เธอเพิ่งได้ยินอยู่บ่อยๆ และอดที่จะเหม่อลอยไม่ได้
“ธิดา” ครีมจากสำนักงานข้างๆ อยู่ๆ เดินมาที่นี่ “คุณไม่ใช่ออกไปทานข้าวกับชมพู่เหรอคะ? ทำไมไม่เห็นเธอกลับมาคะ?”
ญาธิดาได้ยินดังนั้น ถึงได้คิดได้ว่าตัวเองลืมไปบอกหล่อน จึงได้รีบบอกเรื่องที่ชมพู่กลับไปซื้ออาหารให้เธอ
“แบบนี้เอง ถ้างั้นฉันไปนั่งรอก่อนนะ”
ครีมยิ้ม สายตากวาดไปบนหลังของเธอ และทันใดนั้นก็หยุดนิ่ง “ธิดา เสื้อผ้าของคุณ ……”
หลังจากที่เธอเตือนเช่นนี้ ญาธิดาถึงนึกเกี่ยวกับคราบบนหลังของตัวเอง และรีบพูดยิ้มๆ อย่างเขินอายว่า “ไม่ทันระวังหน่ะ ฉันไปห้องน้ำทำความสะอาดก็ได้แล้ว”
เมื่อไปถึงห้องน้ำ ญาธิดาถอดเสื้อเชิ้ตออก และทำความสะอาดด้วยทิชชูเปียก แต่เช็ดไปหลายครั้ง น้ำผลไม้สีแดงเหมือนเกาะเป็นคราบอยู่บนนั้น เช็ดยังไงก็ไม่ออก
เธอถอนหายใจอีกครั้ง ทำได้เพียงแต่สวมกลับเข้าไปใหม่ และกำลังจะล้างมือก่อนที่จะออกไป ก็ได้มีผู้หญิงสองคนเดินพูดคุยกันเข้ามา
“การวางแผนครั้งนี้แก้ไปแล้วสองครั้ง ก็ยังไม่ผ่าน เดี๋ยวหัวหน้าจะส่งไปยัง สำนักงานCEOไม่รู้ว่าครั้งที่จะถูกคุณภวินท์ตีกลับมาไหม…..”
“เดี๋ยวเธอก็ยังมีเวลาแก้ไขได้ แล้วค่อยส่งไปทีหลัง ถึงอย่างไรช่วงบ่ายคุณภวินท์ก็ไม่อยู่ในบริษัท……”
“ไม่อยู่บริษัท? จริงเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าจะไปประชุมอะไรที่บางแคสักอย่าง เป็นการประชุมที่สำคัญมาก เมื่อครู่เพิ่งเห็นเขากับคุณพายุยังเดินเข้าลิฟต์ไปด้วยกันแหละ……”
“……”
พวกหล่อนทั้งสองคนพูดคุยกันไปมาพลางเดินเข้าไปข้างใน ญาธิดาล้างมือ และเดิมทีไม่สนใจอะไรมาก แต่เมื่อเปิดประตูออกเดินออกจากห้องน้ำ ในหัวจู่ๆ ได้มีเสียงแววดังขึ้น
“ตอนบ่ายเขาจะต้องไปประชุมที่บางแค จะต้องออกเดินทางแน่นอน”
“เพียงแค่เขาขับรถออกไป ไม่ตายก็พิการ……”
บทสนทนาที่เธอได้ยินเมื่อครู่นั้น และดูเหมือนว่าจะพูดถึงการไปประชุมที่บางแค
หรือว่า……
ญาธิดาไม่กล้าคิดให้ลึกลงไป แต่ก็ได้ขุนลุกขึ้นทันที เธอยืนอยู่นั้น ขาทั้งสองข้างได้อ่อนแรงลงอย่างทนไม่ได้
หากมีคนอยากฆ่าภวินท์จริงๆ อีกอย่างหากลงมือที่รถของเขาแล้ว เช่นนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอนึกไม่ออกเลยจริงๆ!
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ของความตื่นตระหนกและความกลัว ญาธิดาก็ได้สติกลับมาทันทีเธอไม่ได้คิดอะไร ได้แต่หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรไปหาภวินท์โดยตรง
ไม่ว่าการคาดเดาของเธอจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ว่าเวลานี้ต่อให้เกิดความเข้าใจผิด เธอก็จะต้องรีบเตือนเขา!
โทรศัพท์โทรออกไปแล้ว แต่ไม่มีคนรับ ญาธิดาฟังเสียงตู๊ด——ตู๊ด——ดังมา เส้นประสาทได้ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมไม่รับโทรศัพท์!
ญาธิดายิ่งรีบขึ้นอีก เธอกำลังโทรโทรศัพท์ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องน้ำ และวิ่งตรงไปที่ทางเข้าลิฟต์อย่างรวดเร็ว
ใช่ ภวินท์กับพายุเพิ่งลงจากลิฟต์ไป ตอนนี้ถ้าเธอตามไป ไม่แน่ก็อาจจะตามทัน!
หลังจากโทรศัพท์ไปหาสองสามครั้ง ต่างไม่มีใครรับสาย ญาธิดาเป็นกังวลมาก แต่ในลิฟต์ดันไม่มีสัญญาณ และจึงได้แต่มองตัวเลขในลิฟต์ค่อยๆ ลดลงทีละชั้นๆ เท่านั้น
ในระหว่างวัน รถของภวินท์จะจอดไว้ในโรงรถใต้ดิน และในเวลานี้ พวกเขาอาจได้มาถึงโรงรถแล้ว
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นจี ญาธิดาเดินออกไป เธอทั้งเดิน ทั้งพยายามโทรหาพายุ แต่สัญญาณอ่อนมาก ทำให้ไม่สามารถโทรออกไปได้
ญาธิดามองไปที่โรงรถขนาดใหญ่ และหัวใจกังวลราวกับว่ามันกำลังลุกโชน
สถานที่ใหญ่ขนาดนี้ แล้วเธอจะไปหาที่ไหน?
“ภวินท์!”
ญาธิดาลองส่งเสียงเรียกหลายครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอเดินไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก แต่เธอไม่เห็นเงาใครหรือรถที่เคลื่อนไหวเลย
ทันใดนั้น ญาธิดาก็นึกอะไรได้ และในเวลานี้เธอควรไปที่ทางออกของมุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นทางเดียวที่รถจะออกไป
เธอไม่สนใจอะไรแล้ว จึงได้วิ่งไปทางนั้น ทันใดนั้นเท้าก็มีการลื่นไถล จากนั้นทั้งตัวได้ล้มลงกับพื้น
บริเวณหัวเข่ากับข้อศอกได้เจ็บแปล๊บขึ้น ญาธิดาได้สูดหายใจ จากนั้นพยุงตัวลุกขึ้นยืน วิ่งไปข้างหน้าต่อไป โดยไม่สนใจบาดแผลที่อยู่บนขา
รองเท้าส้นสูงใต้เท้าไม่มั่นคงเล็กน้อย ควบคู่ไปกับการก้าวเท้าที่เร็วด้วย และฝ่าเท้าลื่นนิดหน่อย เธอได้ขบฟัน แล้วหยุดเท้าลง จากนั้นรีบถอดรองเท้าส้นสูงออก และวิ่งไปข้างหน้าด้วยเท้าเปล่าทันที
เมื่อเธอวิ่งไปถึงทางออกของมุมตะวันออกเฉียงเหนือ หายใจหอบโดยหยุดเท้าวิ่ง แล้วมองไปรอบๆ จากนั้นได้เห็นรถคันหนึ่งขับมา และจิตใจของเธอก็กระชับแน่นขึ้นมาทันที
แต่นั่นไม่ใช่รถของภวินท์
หัวใจของญาธิดาดูเหมือนจะแขวนอยู่ในลำคอ เธอกัดริมฝีปาก ในใจก็ไม่แน่ใจว่าภวินท์ได้ขับรถออกไปแล้วหรือยัง เธอจึงได้รีบกดโทรศัพท์ออกไปอีกที
ไม่ว่าจะเป็นของภวินท์หรือพายุ ล้วนติดต่อไม่ได้เลย
แล้วนี่จะต้องทำอย่างไร!
ทันใดนั้น เธอก็หันตัวไป ได้เห็นมีรถคันหนึ่งได้ขับมาจากอีกด้านหนึ่ง ไมบัคสีดํา ตัวรถเปิดไฟแสงสว่าง นั้นไม่ใช่รถของภวินท์หรอกเหรอ!
ญาธิดาขบฟัน ไม่สนใจอะไรมาก ได้รีบพุ่งเข้าไปกลางถนน และโบกแขนทั้งสองข้างเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขา
“หยุดก่อน! หยุดก่อน!”
หากรถของภวินท์ถูกคนลงมือทำอะไรจริงๆ ขับออกไปแบบนี้ จะต้องเกิดเรื่องแน่! ดังนั้นเธอจำเป็นต้องอยู่ตรงนี้เพื่อขัดขวางพวกเขา!
ภายในรถ พายุเห็นร่างของผู้หญิงอยู่หน้าถนน สีหน้าได้เปลี่ยนไปทันที และถามรีบถามขึ้นว่า “คุณภวินท์ นั้นใช่คุณญาธิดาไหมครับ?”
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้น จึงเงยหน้ามองไป เพียงมองเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่กลางถนน โดยโบกแขนอย่างสุดกำลัง ปากขยับไม่รู้กำลังพูดอะไร
เธอมาทำอะไรอยู่ตรงนี้! มันอันตรายมาก!
คิ้วดาบของภวินท์ขมวดขึ้น แววตาจมลง และมองไปที่พายุอย่างรวดเร็ว “หยุดรถ!”
หน้าผากของพายุมีเหงื่อออก และเท้าพยายามที่จะเหยียบเบรกจนสุด แต่รถกลับไม่หยุดเลยแม้แต่นิดเดียว และยังคงวิ่งไปข้างหน้า!